ตอนที่246 การทะเลาะกันระหว่างพ่อกับลูก
“ทำไมล่ะ ทำไมล่ะ ผมมีเด็กสาวตัวน้อยเรื่องนี้มีอะไรน่าตลกหรือไง”
หยางหยางเชิดจมูกขึ้นหน้า(เหยียบจมูกขึ้นหน้า เป็นการเปรียบเปรยว่า ฝ่ายหนึ่งให้เกียรติอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่คิดเล็กคิดน้อยต่อการกระทำล้ำเส้นบางอย่างของอีกฝ่าย)กล่าวย้ำเข้าไป ดิ้นรนสองสามครั้งลงมาจากอ้อมแขนของคนรับใช้ ลากเฉิงเฉิงมาด้านหลังเพื่อปกป้อง ส่วนตัวเองยืนอยู่ด้านหน้ายี่เฟิง สองมือเท้าสะเอว ร่างเล็กเตี้ยที่ยืนอยู่หน้ายี่เฟิงในตอนนี้มองแล้วน่าตลกจริงๆ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหนูน้อยแพ้คนแต่อำนาจไม่อาจแพ้ได้ เงยศีรษะขึ้นเอ่ยเสียงดังก้อง——
“คุณคิดว่าตัวเองมีหน้าตาเป็นหนุ่มใบหน้าขาว(เป็นคำด่าคือ ไก่อ่อน อ่อนต่อโลก)แล้วสามารถมีผู้หญิงได้ ส่วนผมนั้นมีไม่ได้หรืออย่างไร ผมจะบอกคุณนะ ใบหน้าของผมนะขาวมากกว่าคุณอีก ผมต่างหากที่เป็นหนุ่มใบหน้าขาวไร้คู่ต่อสู้ที่สุด!”
เสียงหัวเราะพรืด ดังขึ้น
ไม่รู้ว่าเสียงหัวเราะดังออกมาจากปากคนรับใช้คนไหน
กู้ฮอนกระตุก พยายามที่จะส่งสายตาเป็นนัยกับหยางหยาง แต่เจ้าเด็กนี่คล้ายกับว่ากำลังงัดข้อกับยี่เฟิง!
เฉิงเฉิงรู้สึกเพียงแค่ว่าเบื้องหน้าคือผืนเมฆดำ อยากจะขาอ่อนแรงแล้วเป็นลมสลบไปจริงๆ พระเจ้า หยางหยางนั้น......ช่างน่าขายหน้าจริงๆ
ปัญหาคือ หน้าที่เจ้าหมอนี่ทำให้ขายหน้าในตอนนี้คือหน้าของเขา เป่หมิงซิเฉิง น่ะสิ!!
ยี่เฟิงมองไปที่เด็กชายตัวน้อยที่เย่อหยิ่งก้าวร้าวที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างตกตะลึง อยากจะหัวเราะแต่ทว่าก็ต้องอดกลั้นไว้สุดชีวิต ยากที่เขาจะยิ้มยิงฟัน “เหอๆ น้องชายเฉิงเฉิง......เธอช่าง......อืม น่ารักมากจริงๆ!”
“น่ารักอะไรล่ะ! คุณน่ะสิน่ารัก! ทั้งบ้านคุณล้วนน่ารัก!” หยางหยางมองบน เพิ่มเติมอีกประโยค “น่าสงสารที่ไม่มีใครรัก!”
เฉิงเฉิงยืนที่อยู่ด้านหลังของหยางหยาง ทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว ได้แต่ดึงปกคอเสื้อของหยางหยางเงียบๆ บอกใบ้เจ้าหมอนี่ว่าควรจะจากไปได้แล้ว
กู้ฮอนแอบปาดเหงื่อ แทบจะทนไม่ไหวก้าวขึ้นไปจับเจ้าเด็กหยางหยางนี่มาฟาดสักรอบ!
นี่มันเวลาไหนแล้ว ลูกชายที่น่าเป็นห่วงคนนี้ยังมีเวลามาวางก้ามอีก!
ตอนที่หยางหยางนึกว่าตัวกำลังอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดเตรียมชักดาบเข้าห้ำหั่นกับยี่เฟิง ตอนที่เฉิงเฉิงที่ยืนอยู่ด้านหลังก็มองบน รู้สึกวิตกกังวล และตอนที่กู้ฮอนที่อยู่ด้านข้างปิดปากลูกชายไม่ได้นั้น
จู่ๆก็มีน้ำเสียงทุ้มเย็นมีพลัง เจือร่องรอยความโกรธดังมาจากประตูทางเข้าของบ้านตระกูลเป่หมิง——
“เป่หมิงซิเฉิง ลูกกำลังทำอะไร”
แววตากู้ฮอนตกใจ!
เฉิงเฉิงประสาทตึงเครียด!
ยี่เฟิงตะลึงเล็กน้อย
มีเพียงแค่หยางหยาง ราวกับเด็กโง่ตัวน้อย แม้ว่ามองก็ไม่มองไปที่คนสักครั้ง เชิดศีรษะขึ้นจ้องมองไปที่ยี่เฟิงไม่ไปไหน ยังเท้าสะเอวอ้าปากเอ่ยตอบเสียงนั้นอย่างหงุดหงิดมากไปหนึ่งประโยค “ผมกำลังปกป้องผู้หญิงของผม คุณยุ่งอะไรด้วยล่ะ!”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ช่างดุดันไร้เทียมทาน ไม่มีใครจะกล้าต่อสู้ด้วย!
แม้กระทั่งคนรับใช้ที่ฟังอยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะวิตกกังวลแทน
อาอาอาอา คุณชายน้อยเฉิงเฉิงรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอยู่กับใคร
คุณชายรองเลยนะ! คุณชายรองตระกูลเป่หมิง เป่หมิงโม่ ผู้ที่ไม่เพียงแต่เย็นชาเคร่งขรึม ทั้งยังโหดเหี้ยมไร้ความรู้สึกด้วย!
แน่นอนว่า หนวดของเสือถูกกระตุกดึง ถุงน้ำดีอวบอ้วนเกินไปแล้ว( มีความกล้ามาก มักใช้กับเด็กที่ไม่เชื่อฟังการสั่งสอน)
มองเห็นเพียงแค่นัยน์ตาลึกราวกับเหวของเป่หมิงโม่หรี่ลง กวาดมองคนทั้งหมดที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุอย่างเย็นชา แล้วก้าวทีละก้าว ทีละก้าวเข้าไปใกล้หยางหยาง......
“ลูกพูดว่าอะไรนะ ถ้ามีความกล้าก็พูดมันอีกครั้งหนึ่งสิ!” น้ำเสียงเป่หมิงโม่ทรงพลังราวกับเชลโล เอ่ยเบาๆนุ่มๆ ฟังแล้วราวกับเมฆลอยเอื่อยเฉื่อย ลมพัดเบาบาง......
กู้ฮอนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
เฉิงเฉิงกล้าเกินไปแล้ว
คนที่เข้าใจเป่หมิงโม่สักเล็กน้อย ล้วนรู้ดีว่าคุณชายรองที่ดูเย็นเยือกคนนี้ ประโยคที่ฟังแล้วอ่อนโยนสุภาพนั้น คือช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์พายุฝนแน่ๆ
แต่ว่าหยางหยางเป็นใครที่ไหน คนโง่นะคนโง่! ยังชี้นิ้วไปที่จมูกยี่เฟิงอย่างพึ่งพาไม่ได้ “ทำไมจะไม่กล้า ผมก็พูดว่า ผมไม่อนุญาตให้คนเลวทรามต่ำช้านี่แตะต้องผู้หญิงของผม!”
ใบหน้าเย็นชาของเป่หมิงโม่กระตุก “ประโยคข้างหลัง!”
“คุณยุ่งอะไรด้วยล่ะ!”
คุณชายรองเป่หมิงผู้ที่ยืนอยู่เหนือผู้อื่นมาตลอด ไม่มีใครกล้าท้าทายในอำนาจของคุณชายรองเป่หมิง และก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าลูกชายของตัวเองจะท้าทายอำนาจของเขาต่อหน้าผู้คนมากมายครั้งแล้วครั้งเล่า——
เป็นอย่างที่คิดไว้ ประโยคที่ว่า ‘คุณยุ่งอะไรด้วยล่ะ’ ทำให้สีหน้าของเป่หมิงโม่เปลี่ยนไปในชั่วพริบตา!
“ดีมาก!” แววตาเป่หมิงโม่ส่องประกายดุร้าย “เป่หมิงซิเฉิง ตัวก็ยังไม่ทันเริ่มจะสูง ปีกก็แข็งกล้าแล้ว!”
หยางหยางเพิ่งจะเหลือบมองเป่หมิงโม่ที่เดินเข้ามา จู่ๆก็คิดถึงพ่อนกขี้งกสมควรควรตายในคืนนั้น ด่าเขาที่แกล้งปลอมตัวเป็นผู้หญิง น้องสาวดำ คำนี้ก็เป็นพ่อนกขี้งกสมควรตายให้ตั้งให้เขา!!
ประจวบเหมาะพอดี แค้นใหม่แค้นเก่า หยางหยางไม่สนใจว่าผิดหรือถูก สถานการณ์วิกฤตอะไร อ้าปากตอบกลับ “ปีกกล้าขาแข็งแล้วจะทำไม! ยังไม่กล้าแกร่งเท่านกของคุณ......”
เสียงหัวเราะพรืด
ไม่รู้ว่าคนรับใช้คนไหนที่ไม่มีตาอดกลั้นไม่ไหวหัวเราะออกมาอย่างเงียบๆอีก
ใบหน้าเป่หมิงโม่เย็นยะเยือกในทันที “เป่หมิง ซิ เฉิง! ลูกกำลังพูดอะไร!”
กู้ฮอนรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะเป็นบ้าแล้ว ถูกหยางหยางลูกชายไม่มีสมองคนนี้ ถูกเป่หมิงโม่ ผู้ชายที่ใช้สมองมากเกินไปคนนี้กดดันให้บ้า......
“คุณหูหนวกหรือ ผมพูดอะไรคุณล้วนไม่ได้ยินหรือ ผู้ อา วุ โส!” หยางหยางยังคงแกว่งเท้าหาเสี้ยนตอบกลับไปอีกหนึ่งประโยค!
หน้าผากเฉิงเฉิงปรากฏรอยเส้นสีดำสามเส้น......เอาเถอะ อย่างไรตอนนี้หน้าผากของเขาก็ดำมืดอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงรอยย่นสีดำสามเส้น รอยย่นสีดำ 30 เส้น หยางหยาง เจ้าหมอนี่ก็แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น!
จากนั้น เธอแอบหันศีรษะกลับไปชายตามองเด็กที่อยู่ด้านหลังปราดหนึ่งไปพลาง ส่งสายตาไปพลาง กลับบ้านแล้วลูกรอดูเถอะ! จะต้องถอดกางเกงตีเราหนักๆสักรอบอย่างแน่นอน!
“ทำไมต้องจงใจใกล้ชิดกับฉันต่อหน้าเป่หมิงยี่เฟิง”
“ใช่หรือ” กู้ฮอนมองกลับมา ไม่คิดว่าจู่ๆเป่หมิงโม่จะส่งประโยคนี้มาให้
ทันใดนั้น ไม่ทันระวังสบเข้ากับสายตาที่ลึกราวกับมหาสมุทรของเขา ภายในใจสั่น......
พวกเขาทั้งสองคนเข้าไปในห้องโถง
“เป่หมิงยี่เฟิงไม่ใช่แสงจันทร์สีขาวของคุณหรือ” เป่หมิงโม่คิ้วขมวดเล็กน้อย จ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาสุกสกาวราวกับกวางของเธอ
รอยยิ้มมุมปากของกู้ฮอนแข็งทื่อ รีบอำพรางความตื่นตระหนกภายในใจที่ถูกเขากระตุ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
กู้ฮอน เธอโง่หรือไง ก่อนหน้านี้บนรถ เป่หมิงโม่เพิ่งจะอธิบายความรักทั้งหมดที่เขามีต่อเธอไป เธอยังจะร่วงลงไปในวังวนของเขาอีกหรือไง
แอบถ่มคำพูดใส่ตัวเองไปหนึ่งประโยค เม้มปากยิ้ม “ให้ยี่เฟิงตัดใจอย่างเด็ดขาด นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการจะเห็นหรอกหรือ”
เขาพินิจพิเคราะห์แววตาของเธออย่างตั้งใจ ราวกับต้องการยืนยันความจริงในคำพูดของเธอ
“แสงจันทร์สีขาวเลยนะ ฮอนฮอน เคยร้องเพลง (แสงจันทร์สีขาว) ที่ KTV จนทำให้คุณน้ำตานองหน้าเพลงนั้น คุณทิ้งได้ลงจริงๆหรือ”
เป่หมิงโม่ยังจำคืนนั้นได้ เธอถือไมโครโฟนร้องเพลง 《แสงจันทร์สีขาว 》ร้องจนร้องไปน้ำตาไหลพรากไป ทั้งยังดื่มเหล้าไปอีกไม่น้อย ดื่มจนตับไตไส้พุงขาดเป็นชิ้นๆ( เปรียบว่า เจ็บปวดจนเจียนจะขาดใจ)......ใครจะไปเชื่อว่า ผู้หญิงคนนี้จะ Say-Goodbye ทิ้งแสงจันทร์สีขาวที่เธอคิดถึงอยู่ตลอดเวลาได้ลงคอ
เธอตกใจ
“เหอะๆ......ถ้าอย่างนั้นคุณล่ะ ไม่ใช่ว่าคุณก็มีแสงจันทร์สีขาวของคุณหรือ คุณจะทิ้งได้ลงคอไหม” เธอหัวเราะเสียงต่ำ ถามกลับไปประโยคหนึ่ง
ซูยิ่งหวั่นน่าจะเป็นแสงจันทร์สีขาวของเขาสินะ ถึงอย่างไรก็เดินมาด้วยกัน 10 ปี......แต่ว่าทำไมบอกว่าแยกทางกันก็แยกทางกันเลยล่ะ
ประกายในนัยน์ตาเขาเย็นยะเยือก ไม่อาจคาดเดาได้ถึงอารมณ์ที่อยู่ในดวงตาลึกซึ้ง “ผมกำลังถามคุณ ลากผมเข้าไปด้วยทำไม”
“ภายในใจของทุกคนล้วนมีช่วงเวลาแห่งแสงจันทร์สีขาว เป่หมิงโม่ ฉันคิดว่าคุณก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น” เธอกัดริมฝีปาก ภายในรอยยิ้มแฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ “คุณสามารถจับแสงจันทร์สีขาวของฉันไม่ปล่อย แต่ว่าคุณล่ะ ภายในใจของคุณนั้นแสงจันทร์สีขาวคือใคร คือซูยิ่งหวั่นสินะ ฉันไม่ไล่ถามคุณพวกนี้แล้ว แล้วทำไมคุณต้องบีบคั้นฉันด้วย”
เขาคงจะไม่รู้เรื่องที่ซูยิ่งหวั่นเคยคิดวางแผนจะทำร้ายเธอ
ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะซูยิ่งหวั่น เธอจะสวมบิกินี่เข้าไปในเรือนจำได้อย่างไร
“ใครบอกคุณว่าเธอเป็นแสงจันทร์สีขาวของผม” เขาเอ่ยเสียงเย็น แววตาลึกมืดแฝงร่องรอยที่น่าหวาดกลัว
เธอตกใจ และรู้สึกได้ในทันทีว่า แสงจันทร์สีขาวในเบื้องลึกของหัวใจเขา แม้กระทั่งซูยิ่งหวั่นก็ไม่ใช่ ถ้าอย่างนั้น......เขาซ่อนมันไว้ลึกมากเลย......
ลึกซะจนเธอเกือบจะคิดว่า เขา เป่หมิงโม่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกความปรารถนาแบบปุถุชนทั่วไป
แล้วแต่เดิมไม่ใช่หรอกหรือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เดิมพันรักยัยตัวแสบ