ตอนที่ 262 คนสองคนที่เหมือนกันทุกประการ
เธอเข้าใจมัน เธอใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็สามารถที่จะเข้าใจภาพวาดของเฉิงเฉิงได้
ทำไมลูกอ๊อดสองตัวนั้นถึงไม่มองหาแม่ นั่นก็เพราะว่าพวกมันทำไม่ได้...
ทำไมลูกอ๊อดสองตัวนั้นถึงได้ห้อยหัวอยู่อย่างนั้น นั่นก็เพราะว่าตอนที่ห้อยหัวลง น้ำตาของพวกมันจะได้ไม่ไหลลงมา
แล้วทำไมตัวหนึ่งถึงดูโศกเศร้าแต่อีกตัวหนึ่งกลับเต็มไปด้วยชีวิตชีวา นั่นก็เป็นเพราะว่าตัวที่ทำท่าเศร้าโศกตัวนั้นที่ไม่ได้หาแม่ของมันได้จริง ๆ
เหล่าผู้ชมทุกคนรู้สึกสั่นสะเทือน
อยากที่จะทำให้ผู้คนเชื่อได้ว่าภาพ The Little Tadpole Who Doesn’t Find My Mother ภาพนี้จะเป็นวาดขึ้นจากมือของเด็กอายุแค่ห้าขวบ
ไม่ว่าจะเป็นทักษะการวาดภาพอันยอดเยี่ยมของเด็กคนนี้ หรือแม้แต่การขยายความหมายโดยนัยที่ภาพวาดภาพนี้ต้องการแสดงออกมา ช่างฉลาดล้ำเลิศเกินไปแล้ว
ภายในหัวใจของเด็กอายุห้าขวบส่วนมากล้วนเต็มไปด้วยความสดใสร่าเริง ความรู้สึกตื่นเต้นฮึกเหิม ความอบอุ่นกระตือรือร้นและสีสันที่งดงาม ในโลกทัศน์ของเหล่าเด็ก ๆ มักจะมองเห็นและรับรู้ได้แค่เพียงโลกรอบตัวกับคนรอบข้างเท่านั้น พวกเขายังเล็กเกินกว่าที่จะรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของคน
แต่ Stern กลับวาดภาพที่เหล่าผู้คนไม่ค่อยที่จะคิดคำนึงถึง ภาพของมดลูกในร่างกายของผู้เป็นแม่ ที่ที่ให้กำเนิดชีวิตของมนุษย์ ที่ที่ความรักครั้งแรกเริ่มต้นขึ้น
จากนั้นพิธีก่อนเดินมาหยุดที่ด้านหน้าของหยางหยาง พูดชื่นชมเขาด้วยรอยยิ้มตาหยีผ่านไมโครโฟน
“ว่าไง Stern ภาพ The Little Tadpole Who Doesn’t Find My Mother ของหนูทำให้ทุกคนตกตะลึงมากจริง ๆ ! มานี่ มาร่วมแบ่งปันความสุขนี้กับพวกเราสักหน่อยว่าอะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้เธอสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ออกมา และเรื่องราวของภาพวาดชิ้นนี้มีความเป็นมายังไง”
หยางหยางละสายตากลับมาจากจอฉายภาพ
เขาฉีกริมฝีปากราวกับว่าตั้งแต่เกิดก็มีความสุขอย่างมากที่ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย
เขาเลิกคิ้วอย่างอวดดี ภาพวาดของเป่หมิงซิเฉิงก็ไม่ได้ดีเด่มากมายอะไรขนาดนั้น ! ชิ ไอ้เจ้าขนมไข่หงส์ก้อนกลม ๆ หลากสีพวกนั้นมาจากไข่ของเซียนหงส์หรือไงกัน
เด็กชายตบมือลงบนไหล่อย่างไม่เร่งรีบ โพสต์ท่วงท่าคูลเท่หล่อเหลา เขาเลิกคิ้วขึ้น แย่งไมโครโฟนมาจากมือของพิธีกรอย่างไร้ความเกรงใจ วอร์มลำคอเล็กน้อย ก่อนจะตอบออกมาเป็นภาษาอังกฤษว่า
“เอ่อ ความแรงบันดาลใจในการวาดภาพนี้เป็นอะไรที่ง่ายมาก นั่นก็คือมีอยู่วันหนึ่งผมเห็นร้านอาหารร้านหนึ่งขายขนมไข่หงส์ทอด พวกคุณดูสิ วงกลมบนภาพวาดพวกนี้ก็คือขนมไข่หงส์พวกนั้น อ้อ แล้วที่ข้างในมีลูกอ๊อดตัวเล็ก ๆ อะไรนั่นจริง ๆ แล้วก็คือเมล็ดงายังไงล่ะ...”
ตู้ม แต่ละประโยคที่หยางหยางพูดออกมานี้ สร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้งสี่ทิศ
หลังจากที่ทุกอย่างนิ่งเงียบเป็นเวลากว่าสามนาที ทันใดนั้นเอง...
คิก
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วทั้งฮอล
สีหน้าของเฉิงเฉิงที่อยู่ด้านล่างของเวทีแข็งทื่อ มือที่อยู่ด้านข้างลำตัวกำหมัดแน่น คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าลูกเต่ากู้หยางหยางจะมองมดลูกเป็นขนมไข่หงส์ มองลูกอ๊อดเป็นเมล็ดงา...
กินกินกิน ! ไอ้คนตะกละที่รู้จักแต่จะกิน !
กู้ฮอนถูกคำพูดที่น่าตกตะลึงเหมือนสายฟ้าของหยางหยางผ่าจนเกรียม
ภาพวาดที่แสนสวยงามภาพนี้ถูกคำพูดที่พ่นออกมาจากปากของเด็กคนหนึ่งทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี นับว่าเป็นการทำลายทัศนียภาพอันดีงามแล้วจริง ๆ
ริมฝีปากของเป่หมิงโม่กระตุกเบา ๆ มองไปยังเด็กชายบนเวทีด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ภาพวาดสามารถวาดออกมาได้งดงามจนน่าตกตะลึง แต่พอเปิดปากพูดกลับทำให้รู้สึกขายหน้าไปหมด จริง ๆ แล้วเป่หมิงซิเฉิงเป็นลูกของเขาจริงหรือเปล่า !
ฉิงฮัวเกือบจะอ้าปากค้าง
พิธีกรที่อยู่บนเวทีนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ความจริงแล้วเขาค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจที่แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานของ Stern มาจากของกินอย่างขนมไข่หงส์
แล้วนี่จะทำให้พวกเด็ก ๆ ที่เคยได้รับรางวัลใหญ่ประจำปี‘Billodis’นี้รู้สึกอย่างไร
กินเวลาไปพักใหญ่กว่าที่พิธีกรจะสามารถกลืนน้ำลายลงไปได้ หลังจากนั้นก็รีบรับไมโครโฟนอีกอันมาจากผู้กำกับเวที เขายิ้มอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้วพูดออกมาว่า
“จิตรกรอัจฉริยะตัวน้อย Stern ของพวกเราช่างไม่เหมือนกับใครเลยจริง ๆ ต่อจากนี้ก็ขอเรียนเชิญผู้ที่ได้รับรางวัลใหญ่ประจำปี‘Billodis’ในปีก่อนหน้าขึ้นมามอบรางวัลให้กับ Stern บนเวทีด้วยครับ ! ”
จากนั้นก็มีเสียงปรบมือดังสนั่นจนแทบจะทำให้หูหนวกดังขึ้นอีกครั้ง...
เด็กสาวอายุเจ็ดแปดขวบที่สวมด้วยชุดกระโปรงแพรขาวราวกับหิมะเดินขึ้นมาบนเวที เส้นผมสีบลอนด์กับดวงตาสีเขียวครามคู่นั้นทำให้เธอดูเหมือนกับตุ๊กตาบาร์บี้ตัวน้อยมากจริง ๆ
เด็กหญิงคนนี้คือแขกผู้มีเกียรติที่จะมามอบรางวัลให้กับหยางหยาง เธอเป็นผู้ได้รับรางวัลใหญ่ประจำปี‘Billodis’ในครั้งก่อน
เด็กหญิงเดินไปหยุดตรงหน้าหยางหยาง ถ้วยรางวัลของรางวัลใหญ่ประจำปี‘Billodis’ที่อยู่ในมือของคุณหนูตัวน้อยถูกยื่นส่งไปที่ด้านหน้าของหยางหยาง
ดวงตาของหยางหยางเปล่งประกายขึ้นมาทันที
ยอดไปเลย ไม่ใช่ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้คือสาวสวยที่เคยปรากฏตัวในเลนส์กล้องของเขามาก่อนไม่ใช่หรือไง
เป็นเพราะว่าหยางหยางถูกความงามของเธอทำให้หลงใหลมัวเมา ดังนั้นเขาจึงได้ขึ้นมาปรากฏตัวที่นี่ยังไงล่ะ !
เด็กสาวเหยียดโค้งริมฝีปากส่งรอยยิ้มแย้มบานที่งดงามไร้มลทินไปให้หยางหยาง
“วี๊ดวี้ว”หยางหยางอดไม่ได้ที่จะผิวปาก เด็กชายโยนไมโครโฟนที่อยู่ในมือทิ้งไปทันที จากนั้นก็ยกกล้องถ่ายรูปที่คล้องอยู่บนคอขึ้นมาถ่ายภาพสาวสวยตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
ปากก็เอาแต่ท่องซ้ำ ๆ ว่า “ตรงเวลาเหมาะเหม็ง ! ”
แชะ แชะ แชะ...
ถ้วยรางวัลถูกถือค้างไว้ในมือสาวน้อยอยู่เนิ่นนาน
เหล่าผู้ชมรู้สึกตกตะลึงอีกครั้ง เจ้าเด็ก Stern คนนี้ทำอะไรไม่สนกฎกติกามารยาทเลยสักนิด !
“โอ๊ย...” เฉิงเฉิงส่งเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวดออกมา หน้าเขียวคล้ำจนมองไม่ลง
ด้วยเหตุนี้เฉิงเฉิงใช้ขาเล็ก ๆ คู่นั้นวิ่งไปทางเวทีอย่างรวดเร็ว...เขาไม่สามารถปล่อยให้หยางหยางทำลายชีวิตของเขาได้อีกต่อไป...
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้วแน่นโดยไม่รู้ตัว พิจารณาดูแล้ว เจ้าเด็กโง่นี่เป็นอะไรของเขากันแน่ !
เขากำหมัดแล้วพูดกับฉิงฮัวที่อยู่ด้านข้างด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ฉิงฮัว รีบขึ้นไปปิดปากเจ้าเด็กนั้นให้ฉันเดี๋ยวนี้ เขายังอับอายขายหน้าไม่พอหรือยังไง”
ฉิงฮัวพยักหน้า เขารีลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งที่ก้าวขาออกมาก็…
ตึง !
ฉิงฮัวรู้สึกว่าขาของเขาถูกของอะไรสักอย่างชนเข้าอย่างกะทันหัน เขารีบก้มหน้าลงมองอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าแสงสว่างภายในฮอลจะมืดสลัวจนทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน แต่เขาก็ยังสามารถเห็นได้ว่ามีเด็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาชนขาของเขาจนตัวเองล้มลง !
“หยา ! เป็นอะไรไหมเจ้าหนู” ฉิงฮัวตกใจจนแทบจะกระโดด ไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะชนเอากับเด็กชายที่วิ่งพุ่งเข้ามา
เขาก้มตัวลงแล้วรีบเข้าไปช่วยพยุงตัวเด็กชายที่ล้มลงไปแล้วขึ้นมา…
แต่ฉิงฮัวไม่รู้ว่าคนที่เขาชนล้มลงไปนั้นคือเฉิงเฉิงที่กำลังจะรีบพุ่งขึ้นไปบนเวที !
ร่างกายเล็ก ๆ ของเฉิงเฉิงที่ถูกชนจนล้มกลิ้งอย่างน่าอนาถจนเห็นดาวระยิบระยับเต็มไปหมด...
โชคดีที่อย่างน้อยพรมก็ยังนุ่ม
เป่หมิงโม่ที่เห็นฉากนี้อย่างชัดเจนก็ถามฉิงฮัวออกมาอย่างไม่รู้ตัว “เกิดอะไรขึ้น”
“เจ้านาย ผมไม่ทันระวังก็เลยชนเข้ากับเด็กคนนี้...”
ฉิงฮัวเพิ่งจะพูดจบ ทันใดนั้นแสงไฟในพื้นที่จัดงานทั้งหมดก็สว่างขึ้นมาอย่างกะทันหัน
พิธีกรอยากจะห้ามปรามให้หยางหยางหยุดถ่ายรูปเสียที แต่มันยังคงไม่เป็นผล ทันใดนั้นภายในพื้นที่จัดงานก็มีเสียงเพลงที่สนุกสนานร่าเริงดังขึ้น ราวกับว่าพยายามแก้ไขความอึดอัดที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่เกิดขึ้นบนเวที
ในช่วงเวลาที่แสงไฟสว่างขึ้นนั้น ฉิงฮัวก็กำลังพยายามที่จะอุ้มเฉิงเฉิงที่ล้มอยู่ขึ้นมาพอดี และตอนที่เพิ่งจะนั่งยอง ๆ ลง เขาก็มีโอกาสที่จะได้เห็นใบหน้าของเด็กคนนั้นอย่างชัดเจน ฉิงฮัวตะลึงงัน
“เฉิง เฉิง...”
เฉิงเฉิงตัวสั่นระริก เขาเรียกสติกลับมาได้ในทันที
เขาเงยหน้ามองฉิงฮัวที่ทำท่าทางตกใจ และเลื่อนสายตามองไปยังเป่หมิงโม่ที่ยืนอยู่ด้านข้างฉิงฮัวอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว ทำให้ปะทะเข้ากับนัยน์ตาดำมืดของคนเป็นพ่อโดยไม่ได้ตั้งใจ
สูด...
เฉิงเฉิงสูดหายใจเอาอากาศเย็น ๆ เข้าไป เด็กชายรู้สึกกลัวจนเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น
ไม่แปลกใจเลยที่จะรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงที่ได้ยินเมื่อกี้นี้…
ตอนที่นัยน์ตาสีดำดุจก้นทะเลลึกของเป่หมิงโม่สบปะทะเข้ากับดวงตาที่สดใสดั่งก้อนคริสทัลคู่นั้นของเฉิงเฉิงก็รู้สึกตกใจมาทันที
เขากล้าที่จะเชื่อเลยสักนิดว่า เด็กที่เพิ่งจะล้มลงและกำลังอยู่ในอ้อมแขนของฉิงฮัวคนนั้น เด็กที่ทั่วทั้งร่างสวมชุดสูทที่ตัดเย็บมาอย่างดีเพื่อให้เข้ากับรูปร่าง บุคลิกลักษณะท่วงท่าการเดินที่แสดงอยู่ถึงความเป็นสุภาพบุรุษดูน่านับถือ มองเพียงแค่ครั้งเดียวเข้าก็จำได้ทันทีว่านี่คือเด็กชายคนนั้นที่อยู่ในความทรงจำของเขา เป่หมิงซิเฉิง !
ใช่แล้ว ! เป่หมิงซิเฉิง !
ถ้าอย่างนั้น...
เขารีบหันกลับมองเด็กผู้ชายที่กำลังถือกล้องถ่ายรูปเด็กหญิงที่อยู่บนเวทีทันที ถ้าอย่างนั้นแล้วเจ้าเด็กนั่นเป็นใคร !
ทำไมถึงได้เหมือนกับเป่หมิงซิเฉิงมากขนาดนี้ !
ดวงตาของเป่หมิงโม่หรี่ลงเล็กน้อย ทั้งยังมีแสงประกายเย็นเยียบลอยออกมา สีหน้าคล้ำเขียว เขาชำเลืองตามองเข้าไปยังดวงตาที่ของเฉิงเฉิงที่ฉายชัดถึงความหวาดระแวงเหมือนวัวสันหลังหวะ เขาขบกรามแน่นแล้วค่อย ๆ ออกมาทีละคำ
“เป่หมิง ซิ เฉิง เด็ก นั่น เป็น ใคร ! ”
ราวกับว่ามีลมหนาวเย็นพัดผ่านเข้ามา เฉิงเฉิงรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วแผ่นหลัง หวาดกลัวจนใบหน้าขาวซีดอย่างน่าเวทนา
ตอนนี้เด็กชายแทบอยากจะให้ตัวเองสามารถอำพรางตัวได้แล้วทำให้ตัวเองหายไปภายในเวลาไม่กี่วินาที
มุมปากเฉิงเฉิงกระตุกสั่น นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต เฉิงเฉิงที่มักจะบังคับตัวเองให้สงบเยือกเย็นอยู่ตลอด คิดไม่ถึงเลยว่าจะส่งเสียงพูดออกมากอย่างติด ๆ ขัด ๆ ได้ “ค...คุณพ่อ...”
ในช่วงเวลาที่เฉิงเฉิงกำลังคิดว่าควรจะอธิบายเรื่องตัวเองกับเรื่องของหยางหยางยังไงนั้น
ทันใดนั้นก็มีร่างกายผอมเพรียวของใครคนหนึ่งพุ่งทะยานขึ้นไปบนเวทีที่ทำขึ้นมาอย่างสวยงามตระการตา !
ท่ามกลางผู้ร่วมงานหลายพันคนที่กำลังตกอยู่ในอาการตะลึงมึนงงก็มีหญิงสาวชาวตะวันออกที่มีผมยาวสีดำขลับคนหนึ่งขึ้นไปอยู่บนเวทีด้วยความไวแสง เธอคนนั้นรีบเข้าไปยึดกล้องถ่ายรูปที่อยู่ในมือของหยางหยาง และใช้โอกาสนี้คว้าจับหูของเด็กชายเอาไว้แน่น
ราวกับเป็นการแสดงให้รู้นัย ๆ ว่า ถ้าเจ้าเด็กโง่อย่างลูกยังกล้าที่จะก่อเรื่องไปทั่วอีก ก็ระวังจะถูกแม่คนนี้จัดการ !
หยางหยางตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาตะโกนออกมากอย่างไม่รู้ตัวว่า “โอ๊ย แม่ครับ...”
พิธีกรที่นิ่งอึ้งตกใจอยู่หลายวินาทีก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา เหมือนกับว่าได้พบผู้ช่วยชีวิตอย่างไรอย่างนั้น เขารีบยื่นไมโครโฟนเข้าไปใกล้กับริมฝีปากของกู้ฮอนอย่างรวดเร็ว “คุณผู้หญิงขอถามได้ไหมครับว่าคุณคือ...”
“แม่ค่ะ ฉันเป็นแม่ของStern” กู้ฮอนใช้ภาษาอังกฤษพูดตอบออกมาอย่างคล่องแคล่วแล้วยกยิ้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด หลังจากนั้นก็หันกลับไปจูงมือหยางหยางให้มาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าผู้เข้าร่วมงานทุกคนอย่างมีมารยาท
เป่หมิงโม่ที่อยู่ด้านล่างเวทีรู้สึกตะลึง เขารีบดึงสายตาไปมองเจ้าของหญิงสาวหน้าตางดงามที่มีทรวดทรงองเอวเพรียวบางที่ยืนอยู่บนเวที
กู้ฮอน !
ยัยผู้หญิงสมควรตาย !
ผู้หญิงคนนี้ที่ตบก้นหายตัวไปนานกว่าสามเดือนโดยไม่ทิ้งคำพูดอะไรไว้สักคำ !
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตะลึงยิ่งกว่าก็คือการผู้หญิงคนนี้ชี้ไปที่เจ้าเด็กโง่ที่หน้าตาเหมือนลูกชายของเขาอย่างกับแกะแล้วพูดว่าเธอเป็นแม่ของเด็ก
พายุค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมาภายในนัยน์ตาสีดำขลับของเป่หมิงโม่...
ปากของฉิงฮัวอ้าค้างเป็นตัวโอในทันที
เฉิงเฉิงยกมือขึ้นปิดตา เขากลัวจนไม่อยากจะมองเห็นอะไรแล้วทั้งนั้น
พิธีกรส่งยิ้มกระหยิ่มออกมา “โอ้ พระเจ้า ! สุดยอดไปเลย ! คุณได้ให้กำเนิดลูกชายที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ออกมา ผลงานภาพวาดของ Stern ช่างสั่นสะเทือนผู้คนมากจริง ๆ มันยากที่จะเชื่อว่านี่เป็นฝีมือของเด็กอายุแค่ห้าขวบ ! โอ้ คุณผู้หญิง ผมล่ะรู้สึกภูมิใจแทนคุณมากจริง ๆ ที่คุณมีลูกชายที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ”
กู้ฮอนที่ยืนอยู่บนเวทีถูกแสงไฟที่ส่องเข้ามาทำให้ตาเต็มไปด้วยแสงสว่างระยิบระยับ เธอยิ้มแล้วพยักหน้า “ใช่ค่ะ Stern เด็กคนนี้เต็มไปด้วยพรสวรรค์มากมายจริง ๆ อีกทั้งเขายังมีความคิดที่ละเอียดอ่อน เฉลียวฉลาด และมีน้ำใจ วันนี้เขาสามารถคว้ารางวัลใหญ่นี้มาได้ ในฐานะที่เป็นแม่ของเขา ฉันรู้สึกภูมิใจในตัวเขามาก ๆ ! ”
เฉิงเฉิงที่อยู่ด้านล่างเวทีได้ยินดังนั้นขอบตาของเขาก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ
หลังจากที่ประกาศคำพูดพวกนี้ออกไปแล้ว กู้ฮอนรู้สึกว่าตนเองมีเหงื่อออกเต็มแผ่นหลัง
เธอวิ่งขึ้นมาบนเวทีก็เพื่อที่จะหยุดหยางหยางไม่ให้สร้างความวุ่นวายก็เท่านั้น ในสมองไม่ได้มีความคิดอื่นเลย !
ถึงอย่างไรทฤษฎีเมล็ดงาบนขนมไข่หงส์ที่หยางหยางพูดขึ้นมาก่อนหน้านั้นก็น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนเกินไป บวกกับท่าทางตื่นเต้นที่ได้พบเจอกับสาวสวยนั่นก็ด้วย เธอไม่อยากให้หยางหยางทำลายผลงานภาพวาดที่เฉิงเฉิงสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างยากลำบาก และยิ่งไม่อยากให้หยางหยางทำลายภาพลักษณ์ของเฉิงเฉิง
"โอ้ ! ช่างเป็นความรู้สึกที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง ! เห็นว่าได้ชัดเลยว่าคุณเป็นแม่ที่ยอดเยี่ยมมาก !" พิธีกรยิ้มอย่างชื่นชม
“ขอบคุณค่ะ...” กู้ฮอนตอบกลับอย่างเขินอายด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่แสนอ่อนโยน ความจริงแล้วสำหรับเฉิงเฉิงเธอไม่ได้เป็นแม่ที่ยอดเยี่ยมอะไรเลย ยังทำได้ไม่มากพอเสียด้วยซ้ำ ! เธอส่งยิ้มเล็ก ๆ แล้วจับหยางหยางเอาไว้แน่นโดยมีเหงื่อเย็นเยียบไหลท่วมฝ่ามือ
พิธีกรหัวเราะเอิ๊กอ๊ากแล้วยกไมโครโฟนขึ้นมา “โอเคครับ ถัดไปก็ขอเรียกเชิญแขกผู้มีเกียรติตัวน้อยของเรานำถ้วยรางวัลมามอบให้กับ Stern จิตรกรอัจฉริยะตัวน้อย”
ในชั่วพริบตาเสียงปรบก็ดังก้องกังวานไปทั่วด้านล่างของเวที...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เดิมพันรักยัยตัวแสบ