เดิมพันรักยัยตัวแสบ นิยาย บท 267

ตอนที่267 ความชอบไม่ใช่การครอบครอง

ยิ่งไปกว่านั้น ท่าทีที่เธออยู่ในอ้อมอกของหยินปู้ฝันวันนั้น มันยิ่งเหมือนการราดน้ำมันลงบนกองไฟดีๆนี่เอง

หากไม่ใช่เป็นเพราะใช้หมายศาลวิธีนี้ ก็คงบีบเธอออกมาไม่ได้

เขามองไปทางท่านปู่และเจียงฮุ่ยซิน “ป้าซินครับ ใบสัญญาต้นฉบับที่ผู้หญิงคนนั้นเซ็นทั้งหมด รบกวนคุณป้าเอาให้ฉิงฮัวนะครับ ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าเธอจะเอาอะไรมาชนะการฟ้องร้องครั้งนี้

*

วันต่อมา

รถของเป่หมิงโม่เพิ่งเข้าจอดที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของตึกเป่หมิง เงาคนที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา...

กู้ฮอนมารอที่ช่องจอดรถประจำของเขาในลานจอดรถเพื่อพบเขา

จอดรถเสร็จ เป่หมิงโม่ลงมาจากรถด้วยความเย็นชา ทำเหมือนไม่เห็นกู้ฮอน เดินตรงดิ่งไปยังลิฟต์ทันที

“เดี๋ยวก่อน!” กู้ฮอนรีบตามไปขวางเขาไว้

เห็นเขาเหมือนแต่ก่อน ดูเย็นชาไร้อารมณ์ ใจของเธอรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ เลียนแบบท่าทางเย็นชาของเขา พูดด้วยหน้าตาที่ไร้ซึ่งอารมณ์ “เรื่องยังไม่ทันขึ้นศาล และศาลก็ยังไม่ได้ตัดสินอะไร คุณก็ยังไม่มีสิทธิ์เอาตัวหยางหยางไปนะคุณโม่”

สายตาเย็นชาของเขาสะท้าน ดีมาก เธอเรียกเขาด้วยความเหินห่างว่า’คุณโม่’งั้นเหรอ

“คุณคิดว่าคุณอยู่ในระดับที่จะมาต่อรองกับผมได้เหรอ หรือคุณคิดว่าหยินปู้ฝันมีความสามารถที่จะช่วยคุณทวงลูกชายคืนงั้นเหรอ?” เป่หมิงโม่เม้มปากแล้วแสยะยิ้มออกมา “คุณไร้เดียงสาเกินไปหรือเปล่า คุณกู้”

คำว่า ‘คุณกู้’ เหมือนถูกของแหลมทิ่มแทงเข้าไปในใจ

แววตาเธอหม่นหมองลง จากนั้นก็หันมองลึกเข้าไปยังนัยน์ตาเขา “เรื่องการฟ้องร้องก็เริ่มต้นมาจากคุณนั่นแหละ ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็จะไม่ยอมเสียสิทธิ์เลี้ยงดูหยางหยางหรอก และคุณเองก็มีเฉิงเฉิงอยู่แล้ว

“แล้วยังไง ถ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผมแล้ว ผมไม่มีทางปล่อยให้ไปที่อื่นเด็ดขาด ตอนนั้นที่คุณกู้ขโมยลูกผมไป คุณก็น่าจะรู้แล้วว่ามันต้องมีวันนี้” น้ำเสียงของเขาเรียบเฉยเหมือนกำลังต่อรองธุรกิจ

พูดจบ เขาก็เดินเลยไป

ใบหน้าของเธอขาวซีด กัดริมฝีปากแน่น พลางรีบวิ่งตามไป “แล้วคุณจะเอายังไง ถึงจะยอมปล่อยฉันกับหยางหยางไป? ยังไงซะคุณก็ไม่ชอบเด็กอยู่แล้ว ไม่ใช่เหรอ”

ทันใดนั้น ขาของเขาก็หยุดก้าวชะงัก

เธอเกือบจะชนเข้ากับแผ่นหลังของเขา ดีที่หยุดไว้ทัน

เขายักคิ้วหันมองเธออย่างพิจารณา “ผมไม่ชอบเด็ก ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ต้องการพวกเขา ความชอบกับการครอบครอง มันไม่ใช่เรื่องเดียวกันสักหน่อย”

ครอบครองงั้นเหรอ?

เขากล้าพูดออกมาว่ากับลูกเป็นแค่การได้ครอบครองงั้นเหรอ!

“เป่หมิงโม่” เขาทำให้เธอโกรธ “เฉิงเฉิงอยู่กับคุณก็ไม่มีความสุขไปคนหนึ่งแล้ว คุณยังจะมาพรากวัยเยาว์ของหยางหยางไปอีกเหรอ? คุณนิสัยพิลึกพิลั่นก็ว่าแย่แล้ว ทำไมยังจะต้องทำให้ลูกเหมือนคุณอีกฮะ”

“นิสัยพิลึกพิลั่นงั้นเหรอ” ประกายประหลาดฉายวาบในแววตา เขาหรี่ตาลง มองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความเย็นชา ——

“อย่ามาคิดที่จะท้าทายกับขีดความอดทนของผมนะ รู้อะไรไหมกู้ฮอน ผมไม่ได้รู้สึกดีใจขึ้นมาเลยที่รู้ว่าคุณเป็นแม่ของลูกชายผม ก็แค่รู้สึกอยากขำกับเรื่องโง่ๆที่ผมเคยทำให้กับคุณมากกว่า เพื่อลูกแล้วคุณต้องมาเข้าใกล้คนที่ปากคุณพูดปาวๆว่าเป็นคนแย่ เหลี่ยมจัด ทุเรศ คุณคงจะขยะแขยงมากเลยสินะ”

แน่นอนว่าตอนนี้พอผมคิดย้อนกลับไป คำพูดที่ว่าอยากดูแลคุณ เป็นห่วงคุณ อยากมีอะไรกับคุณพวกนั้น ก็รู้สึกขยะแขยงมากๆเช่นกัน ผมคิดไปได้ยังไงว่าผู้หญิงที่สามารถอุ้มบุญให้ผู้ชายคนหนึ่งได้ เธอจะยอมเป็นผู้หญิงของผมเพียงแค่คนเดียว เธอคงอยากได้แค่เงินถึงจะถูกสินะ และผมก็ให้เธอตามใจเธอทุกอย่าง เหลือก็แต่เงินที่ไม่เคยให้เธอ!

ผมเอง ก็ไม่ได้มีความยินดี ที่อยู่ดีๆก็ได้ลูกชายเพิ่มมาอีกคนหรอกนะ ก็เหมือนกับที่คุณพูด ว่าคนอย่างผมมันไม่รักเด็ก จะหนึ่งคน สองคนหรือจะอีกสักกี่คน สำหรับผมแล้วมันก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น แต่ผมก็ต้องการที่จะให้ลูกเป็นเหมือนผม โตมาแบบไม่มีความสุขนี่ล่ะ!!”

ตาเธอหรี่ลง ถ้อยคำของเขามันเหมือนมีดน้ำแข็งที่แหลมคม ค่อยๆกรีดเฉือนหัวใจเธอทีละแผล ทีละแผล

เธอยิ้มอย่างเย็นชา “ที่ผ่านมาฉันทำให้คุณขยะแขยงขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วคุณล่ะ คุณจะหาคนมาอุ้มบุญไม่ใช่เหรอ คุณถือดียังไงมาว่าผู้หญิงที่ช่วยคุณอุ้มบุญเสียๆหายๆแล้วพูดเอาดีเข้าตัวแบบนี้ เป่หมิงโม่ คุณมันสองมาตรฐาน คุณมันดูถูกดูแคลนผู้หญิงอย่างฉันเข้ากระดูกดำ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ฉันจะไม่มีทางปล่อยหยางหยาง ฉันต้องการหยางหยาง แค่หยางหยาง!”

แววตาล้ำลึกทอประกายแสงที่เย็นเยือก ริมฝีปากบางเชิด “งั้นก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูไปเถอะ ให้หยินปู้ฝันของคุณโชว์ของออกมาให้หมดล่ะ อย่าให้ผมได้หัวเราะเยาะทีหลังก็แล้วกัน”

สิ้นเสียง เขาก็เร่งฝีเท้ารีบเดินก้าวเข้าลิฟต์ไปทันที

กู้ฮอนมองตามแผ่นหลังเขา น้ำตาร่วงเผลาะ

ระหว่างเขาสองคน.... เดินมาถึงจุดนี้ได้ยังไงกันนะ

*

ตอนกลางคืน

ในบาร์เหล้า มีคนดื่มจนเมาอีกแล้ว

ป่ายมู่ซีนั่งอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์บาร์ ค่อยๆเช็ดขวดเหล้าราคาแพงอย่างใจเย็น

อาทิตย์ที่แล้วเพิ่งจะมีเรื่องต่อยกับเป่หมิงโม่ แผลฟกช้ำของเขายังไม่หายดี

สายตาเหลือบผ่านไปเห็นผู้ชายที่กำลังดื่มอย่างบ้าคลั่ง ป่ายมู่ซีก็ทนนั่งต่อไปไม่ไหว กำลังจะเดินไป...

“นี่นี่ ไอ้ป่าย แกหยุดเลยนะ หยุดเลย” ชูหยุนเฟิงรีบไปห้ามป่ายมู่ซีไว้

“ชูเอ้อ มันอยากจะโดนอีกหมัดหรือไงกัน รู้ทั้งรู้ว่าฉันยังโกรธอยู่ ยังจะมาดื่มเหล้าที่ร้านของฉันอีก”

“เอาน่า เอาน่า นายก็คิดซะว่าฮอร์โมนของเขาแปรปรวนแล้วกัน เห็นใจหน่อยเถอะนะ”

ชูหยุนเฟิงปรามเพื่อนป่ายเสร็จก็ให้เขาไปอยู่อีกฝั่ง แล้วค่อยๆนั่งลงข้างๆเป่หมิงโม่ พลางหยิบเหล้าแก้วหนึ่งขึ้นกระดก——

“ห.. ห..หืมม.. เหล้าแรงขนาดนี้เลยเหรอ?”

ดื่มได้เพียงสองกรึ๊บ ชูหยุนเฟิงก็ทนไม่ไหวแล้ว แต่เป่หมิงโม่กลับกระดกหมดขวด

ชูหยุนเฟิงถอนหายใจ พลางตบไหล่เป่หมิงเอ้อ “ฉันว่านะเป่หมิงเอ้อ เรื่องของนายฉันก็ได้ยินมาบ้างแล้วล่ะ แต่ยังไงซะ ก่อนอื่นก็ต้องยินดีกับนายด้วย ที่เจอลูกที่พลัดพรากกันหลายปีแล้ว......”

ปัง!!!

แก้วเหล้าถูกวางกระแทกกับเคาน์เตอร์บาร์เสียงดัง

ใบหน้านิ่งของเป่หมิงโม่ที่กำลังเมาได้ที่หันกลับมามอง ดวงตาสวยงามมองขวางมายังชูหยุนเฟิง “ยินดี นายอุตส่าห์มายินดีฉันงั้นเหรอ นายรู้ไหมว่าฉันกลุ้มจะตายอยู่แล้ว”

ชูหยุนเฟิงถือแก้วเหล้า ยักๆไหล่แล้วยิ้มๆ “นายกลุ้มอะไรกันฮะ คราวก่อนที่นายแอดมิดเข้าโรงพยาบาล นายก็รู้แล้วนี่ว่าความรักคืออะไร เป็นแบบนี้หรือคราวนี้จะให้พี่ชายคนนี้สอนนายว่าอะไรคือความรักแบบครอบครัว”

พอพูดถึงทฤษฎีความรักที่น่าสยองของชูหยุนเฟิงคราวก่อน หน้าของเป่หมิงโม่ก็รู้สึกเย็นเยือกขึ้นมา

“ไสหัวไป พูดแต่เรื่องไร้สาระอยู่ได้”

“ฮ่าๆ อย่าเพิ่งไล่สิ หรือว่าหลายเดือนนี้ฮอนฮอนไม่ได้ดับไฟ(ราคะ)ในตัวให้นายเลยเหรอ ไฟ(ราคะ)ในตัวนายมันเลยแผดเผาตัวนายอยู่ล่ะสิ” ชูหยุนเฟิงยักคิ้วหลิ่วตา พูดอย่างเจ้าเล่ห์ “แต่จะว่าไป คิดไม่ถึงเหมือนกันนะว่าฮอนฮอนจะเป็นแม่ของลูกนาย ไม่แปลกใจเลยที่เธอไม่ยอมรับรักฉัน...”

สายตาเป่หมิงโม่ดุดันขึ้น คว้าแก้วเหล้าขึ้นมากระดกอีกรอบ พูดออกมาอย่างรำคาญ “อย่ามาพูดถึงพูดหญิงคนนั้นให้ฉันได้ยินอีก”

ชูหยุนเฟิงเม้มปาก “เฮ้อ นายนี่ก็แปลกนะ ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น เขามารู้ว่าผู้หญิงที่ชอบก็คือแม่ของลูกตัวเองแล้วล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะดีใจแค่ไหน รีบพาตบแต่งเข้าบ้านเป็นเรื่องเป็นราวไปแล้ว ใครจะไปเหมือนนาย มานั่งอมทุกข์ยังกับพ่อเสีย เอ่ออ... ว่าแต่ฉันไม่ได้แช่งคุณท่านเป่หมิงหรอกนะ...”

เป่หมิงโม่ขมวดคิ้วครุ่นคิดนาน แล้วจึงกระดกเหล้าต่ออีกหนึ่งกรึ๊บ “ชูเอ้อ ฉันแคร์ ฉันแคร์เรื่องนี้มากๆเลย”

“ยังไง แคร์ที่เธอหลอกนายเหรอ? หรือแคร์ที่เธอเป็นคนที่อุ้มบุญให้นาย?”

“………….” หน้าตาที่ปกติไม่ค่อยสบอารมณ์ของเป่หมิงโม่ ตอนนี้เริ่มแดงเพราะความเมา นานๆทีจะเผยอารมณ์ออกมา ตอนนี้เขาทำให้คนที่เห็นเริ่มเป็นห่วงและทุกข์ใจตาม....

ชูหยุนเฟิงถอนหายใจ มือจับบนไหล่ของเป่หมิงโม่ “พวกเราเป็นเหมือนพี่น้องกัน เข้าใจนะว่าถูกผู้หญิงหลอกลวงมันรู้สึกแย่ ยิ่งคิดว่าถ้าเป็นลูกหลานที่ไปอุ้มบุญเพราะต้องการเงิน ในใจก็คงยิ่งปวดร้าว แล้วแกไอ้เป่หมิงเอ้อ เป็นพวกรักสะอาดมากด้วย นายก็คงยิ่งแคร์ไปใหญ่ แต่นายบ้าไปแล้วเหรอ ฮอนฮอนเธออุ้มบุญให้คนนั้นก็คือนายนะ เจ้าโง่เอ๊ย”

“……….” คิ้วโค้งเรียวของเป่หมิงโม่ขมวดติดกันแน่น แกว่งแก้วเหล้าในมือ “แล้วถ้าไม่ใช่ฉันล่ะ ถ้าเป็นคนอื่นล่ะ เธอก็จะทำเหมือนกันหรือเปล่า ถ้าหากว่าเป็น... เป่หมิงยี่เฟิงล่ะ หรือว่าเป็นหยินปู้ฝันล่ะ”

“ถ้าเป็นเป่หมิงยี่เฟิงคงยอมแน่ๆ...”

“…..!” สายตาของชายบางคนเหมือนมีดบินออกไป

“เอ่ออ ฮ่าฮ่า ฉันคงพูดเกินจริงไปใช่ไหม ก็เป่หมิงยี่เฟิงเป็นรักแรกของเธอนี่ แถมหน้ายังดูขาวหล่อเหมือนตุ๊กตา ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะตอนนั้นยี่เฟิงจนล่ะก็ นายคิดเหรอว่าจะมีใครมาชอบคนที่ดูเหมือนลุงอย่างนาย”

“ชูเอ้อ!” ชายบางคนเตือนอย่างเปิดเผยและชัดเจน

“เอ่อ.. คือว่า ฉันได้ยินมาผ่านๆนะว่าไอ้หยินปู้ฝันเนี่ย มันเป็นลูกที่อกตัญญูต่อพ่อหยินเฉินเหยา แน่นอนว่ารวยก็สู้นายไม่ได้ แต่เขาดีกว่าตรงที่เป็นคนปากหวาน อ่อนโยน ดึงดูดผู้หญิงได้ดีกว่านาย นายมันปากร้ายคำพูดพ่นพิษได้ นายมัน...”

“ชูหยุนเฟิง!” ชายบางคนกำลังจะหมดความอดทนลงแล้ว

“พอล่ะ เรากลับเข้าเรื่องกันดีกว่า ตอนนี้ความจริงก็คือนาย คุณชายรองตระกูลเป่หมิงที่โชคดีได้เป็นผู้ชนะแล้ว นายยังจะต้องกังวลอะไรอีกมิทราบ”

“เธอรู้ทั้งรู้ว่าเป็นแม่ของลูกผม ก็ไม่ควรที่จะหนีตามเป่หมิงยี่เฟิงไปนี่”

“อืม ป้ารองพาหลานชายหนีเหรอ ฟังยังไงก็ดูไม่เข้าท่า.....”

“ชูหยุนเฟิง วันนี้นายมาที่นี่เพื่อจะแซะฉันใช่ไหมฮะ” ชายบางคนเริ่มฉุน

“ฮ่าฮ่า อย่าโกรธเลยนะ อย่าโกรธเลย ....” ชูหยุนเฟิงปลอบไปยิ้มไป “นายต้องเข้าใจว่าเธอเจอหลานนายก่อน แล้วถึงจะมาเจอลุงรองอย่างนาย นายเป็นพวกที่มาทีหลังแต่ได้กินไก่ก่อน”

คำว่า’ไก่’นั้นชูหยุนเฟิงพูดได้กำกวมมาก ถึงกลับโดนกลอกตาใส่ทันที

“………….” ชายบางคนนิ่งไปครู่หนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งขึ้นมา “ชูเอ้อ นายไม่เข้าใจ....”

“ยังจะต้องเข้าใจอะไรอีกล่ะ” ชูหยุนเฟิงกลอกตามองบน “ไม่รู้ว่าเส้นประสาทเส้นไหนของนายมีปัญหาหรือยังไง ถึงกับต้องไปฟ้องร้องเพื่อแย่งลูก ความโกรธมันบังอยู่หรือยังไง? ถึงขั้นต้องแย่งชิงกันเลยเหรอ นายต้องการลูก ก็รับผู้หญิงมาอยู่พร้อมกันด้วยเลย แฮปปี้เอ็นดิ้ง”

“แฮปปี้เอ็นดิ้งไปคนเดียวเลยไป ฉันไม่แฮปด้วย เข้าใจไหม!” เป่หมิงโม่พูดจบก็กระดกเหล้าอีกกรึ๊บหนึ่ง

ชูหยุนเฟิงถอนหายใจพลางส่ายหน้า ยกแก้วขึ้นมาชนกับเขา “หรือว่านายยังติดอยู่กับเรื่องราวในอดีตงั้นเหรอ ก็เหมือนกับเพลง’แสงจันทร์สีขาว’ที่ฮอนฮอนเลยร้องนั่นแหละ ลึกๆแล้วในใจของทุกๆคนย่อมมีแสงจันทร์สีขาว(คนที่รักแต่ไม่สามารถอยู่ด้วยกัน และไม่มีวันลืม)ด้วยกันทั้งนั้น แต่เป่หมิงเอ้อ มันผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว นายควรเรียนรู้ที่จะปล่อยวางได้แล้วนะ.....”

เป่หมิงโม่ดื่มแก้เซ็งอีกแก้ว

ชั่วขณะหนึ่ง

เขาครุ่นคิดพลางค่อยๆส่ายหน้า “ไม่ใช่ว่าฉันปล่อยวางไม่ได้ อย่างที่นายบอก ผ่านมาสิบปีแล้ว ก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรใช่อะไรไม่ใช่ แต่ก่อนหน้านี้ฉันกลับยังจินตนาการว่าเจอเธอ.... ชูเอ้อ นายรู้ไหม ฉันยอมทำเป็นว่าฉันอยู่สเปนไม่เคยกลับมาที่นี่ ฉันยอมทำเป็นเหมือนว่าตัวเองไม่เคยพบเจอกู้ฮอนมาก่อน แบบนี้ชีวิตที่เคยสงบสุขของฉันคงจะไม่วุ่นวายยุ่งเหยิงไปหมดเหมือนอย่างทุกวันนี้...”

ชูหยุนเฟิงพยักหน้ารับรู้“เข้าใจนะเพื่อน ความวุ่นวายที่ควบคุมไม่ได้นะ ฉันเองก็เคยเจอ ก็เหมือนที่นายเคยชินกับชีวิตที่สงบสุขของนายนั่นแหละ เคยชินกับการควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้ พอมันเกินความคาดหมาย ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเราแล้ว นายก็จะกลายเป็นคนที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไง เริ่มจากตรงไหนก่อน มันผิดแผนไปหมด... พวกนี้ฉันเข้าใจหมด....”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เดิมพันรักยัยตัวแสบ