เดิมพันรักยัยตัวแสบ นิยาย บท 285

ตอนที่ 285 คนที่ไม่มีความน่าเชื่อถืออย่างลั่วเฉียว

“พูดจริงๆนะคะคุณพ่อ หนูก็กังวลใจอยู่เหมือนกัน แต่ยังไงหนูก็ปรึกษากับทนายแล้ว ตอนนี้หนูสามารถเอาตัวเด็กๆมาอยู่ด้วยได้ และหนูคิดว่าโอกาสที่เขาจะชนะความครั้งนี้ได้ก็มีไม่มาก…”

“ถ้างั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไร” โม้จิ่งเฉิงพยักหน้า : “ลูกก็บอกพ่อแล้วกันว่าจะเอาไงหลังจากนี้ เพราะเดี๋ยวพ่อจัดการเรื่องที่นี่เสร็จ พ่อก็จะกลับมาเลเซียแล้ว เพราะป้าเจี๋ยเธอรอพ่ออยู่…”

พอพูดถึงป้าหรูเจี๋ย กู้ฮอนก็ยิ้มออกมา

บางครั้งเธอก็อิจฉาความรักที่พ่อของเธอมีให้ป้าหรูเจี๋ย แต่…

พอเธอคิดถึงเป่หมิงโม่ เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว…

*

พอพ่อของเธอกลับไปแล้ว ลั่วเฉียวก็โทรมา : “ฮอน เธอรีบมาสตูดิโอฉือจิ่งซานเร็ว! ฉันมีอะไรสนุกๆจะให้ดู!”

กู้ฮอนฟังอย่างนั้น ก็รู้สึกคุ้นชินไปกับคนที่ไม่มีความน่าเชื่อถืออย่างลั่วเฉียวไปแล้ว

เธอไม่ต้องการที่จะไปที่นั่น แต่ว่าห้องตรงข้ามก็ยังคงซ่อมแซมปรับปรุงห้องเสียงดังระงมไปหมด

เธอจึงเลือกขับรถไปหาลั่วเฉียวที่สตูดิโอฉือจิ่งซาน

ทันทีที่ไปถึง เธอก็เห็นลั่วเฉียวที่กำลังแต่งตัวอยู่ในห้องแต่งตัวอยู่

“มีอะไรถึงรีบเร่งให้ฉันมาที่นี่เร็วๆ” กู้ฮอนพูดแล้วนั่งลงข้างๆลั่วเฉียว

“เฮ้ ละครเรื่องนี้เป็นละครเรื่องแรกที่ฉันกลับมาแสดงที่นี่เลยนะ เรื่องนี้มีชื่อว่า ‘มี่เฟย’ และแน่นอนว่าฉันเล่นเป็นนางเอกที่ชื่อมี่เฟยด้วย…” ลั่วเฉียวพูดให้กู้ฮอนฟังด้วยความตื่นเต้น

“แล้วไงต่อ มีเรื่องไรอีก!” กู้ฮอนไม่สนใจเรื่องที่เธอพูดสักเท่าไหร่

“ประเด็นก็คือเธอรู้มะว่าใครที่เล่นเป็นศัตรูของฉัน” ลั่วเฉียวเอนตัวพลางพูดกัดฟัน : “ซูยิ่งหวั่นไง แล้ววันนี้จะมีฉากที่ฉันต้องตบผู้หญิงนั่น เธอรอดูเลยว่าฉันจะแก้แค้นให้เธอยังไง!”

กู้ฮอนลูบริมฝีปากตัวเอง : “นี่เธอเรียกให้ฉันมาดูฉากที่เธอตบซูยิ่งหวั่นเนี่ยนะ”

“ก็ใช่ไง เป็นไง ฉันเป็นเพื่อนที่ดีพอป้ะ”

“พอ” กู้ฮอนยอมรับแล้วพูดต่อ : “และก็น่าเบื่อพอกันด้วย…”

*

กู้ฮอนถูกลั่วเฉียวลากเข้าไปในฉากการถ่ายทำด้วย

ซูยิ่งหวั่นชะงักไปชั่วครู่เมื่อเห็นว่าลั่วเฉียวมาพร้อมกับกู้ฮอน แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกมา

ฉากนี้เป็นฉากที่’มี่เฟย’หรือลั่วเฉียวต้องตบซูยิ่งหวั่น

ซูยิ่งหวั่นที่ยืนอยู่ตรงหน้าของลั่วเฉียวพูดเบาๆ : “พี่มี่เฟย…”

เพียะ~!

ทันใดนั้นลั่วเฉียวก็ตบเข้าที่หน้าของซูยิ่งหวั่นโดยไม่มีสัญญาณใดๆ!

ซูยิ่งหวั่นตกใจ!

เธอจ้องไปที่ลั่วเฉียวด้วยความตกตะลึงพลางกัดริมฝีปากของตัวเอง เธอไม่คิดว่าดาวดวงใหม่นี่จะกล้าเล่นกับเธอแบบนี้!

ผู้กำกับเห็นอย่างงั้นก็รีบถามขึ้น : “ลั่วเฉียว ทำไมเธอไม่เล่นตามคิว”

ลั่วเฉียวแสร้งทำเป็นยิ้มอย่างไร้เดียงสา : “ขอโทษค่ะผู้กำกับ ขอแก้ตัวอีกเทคนึงนะคะ…”

ต่อด้วยเทคที่สอง… สาม… สิบเอ็ด…

เพียะ เพียะ เพียะ~!

ตอนนี้หน้าของซูยิ่งหวั่นแดงและบวมไปหมด

“อ๊ะ! ขอโทษค่ะพี่ซู ฉันยังเป็นเด็กใหม่อยู่ เลยทำพลาดไปหลายครั้งหน่อย ทนหน่อยนะคะ…” ลั่วเฉียวพูดกับซูยิ่งหวั่นด้วยรอยยิ้ม

กู้ฮอนมองซูยิ่งหวั่นที่กำลังอดทนอดกลั้นอยู่ ถึงซูยิ่งหวั่นเธอจะร้ายก็จริง แต่ลั่วเฉียวก็ไม่ควรทำกับเธอถึงขนาดนี้!

ซูยิ่งหวั่นหันหน้ามามองกู้ฮอนกลับด้วยความเคียดแค้น!

ซูยิ่งหวั่นสูดหายใจเข้า พร้อมกับหันไปหาลั่วเฉียวแล้วพูดกับเธอว่า : “ทักษะการแสดงของน้องลั่วเฉียวคงจะยังไม่ดีพอ เดี๋ยวฉากนี้พี่จะสอนเองว่าต้องทำยังไง…”

เพียะ~!

“โอ๊ย…” ลั่วเฉียวกรีดร้องพลางจับแก้มของตัวเอง : “ตบฉันหรอ!”

“ก็สองน้องลั่วเฉียวเล่นฉากนี้ไง” ซูยิ่งหวั่นยกริมฝีปากของเธอขึ้นพลางพูดกับผุ้กำกับอีกครั้ง : “ผู้กำกับคะ ฉันว่าฉากแบบนี้มันไม่ค่อยเหมาะกับบทมี่เฟยที่เป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและจิตใจดีเลยนะคะ ฉากนี้เหมาะกับบทพระสนมเอกกัวมากกว่านะคะ”

“ก็สมเหตุสมผลอยู่…” ผู้กำกับผงกหัว

“ผู้กำกับคะ!” ลั่วเฉียวตกใจ “บทมี่เฟยถูกข่มเหงมาตลอดนะคะ เพราะงั้นสุดท้ายแล้วเธอก็ต้องสู้ไม่ใช่หรอ”

“ฉันว่าเอาตามที่ซูยิ่งหวั่นเสนอดีกว่า”

“แต่ผู้กำกับ…” ลั่วเฉียวพยายามทักท้วง

ด้วยความที่ผู้กำกับต้องรักษาหน้าซูยิ่งหวั่น เลยทำให้เขาตัดสินใจแบบนี้ ยังไงก็รู้ได้ไม่แน่ชัดว่าเธอเป็นคนรักของเป่หมิงโม่รึเปล่า ตอนนี้เขาก็เลยต้องทำดีกับเธอไว้ก่อน

และบทละครเรื่องนี้เดิมทีก็เป็นตอนที่พระสนมเอกกัวต้องโหดร้ายทารุณกับมี่เฟยอยู่แล้วด้วย

อีกอย่าง ดาวดวงใหม่อย่างลั่วเฉียวจะสู้ซูยิ่งหวั่นได้ยังไง

เพียะ เพียะ เพียะ เพียะ~!

หน้าของลั่วเฉียวบวมแดงขึ้นหลังจากที่ถูกตบไปหลายสิบครั้ง

ในที่สุด การถ่ายทำก็เสร็จสิ้นลง ลั่วเฉียวรีบวิ่งไปที่กู้ฮอนอย่างไม่พอใจ

“ฮอน ฉันเกลียดนังนั่น… ฉันเกลียดเธอ…”

กู้ฮอนเอาก้อนน้ำแข็งมาประคบใบหน้าของลั่วเฉียวพลางขมวดคิ้ว : “ไหนบอกจะให้ฉันดูอะไรสนุกๆไง! แล้วนี่อะไร คุ้มกันไหมเนี่ย กับการที่ช่วยแก้แค้นแทนฉัน!”

“ก็ฉันอดไม่ได้กับความเย่อหยิ่งของนังนั่นนี่!” ลั่วเฉียวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน : “เธอไม่รู้สึกดีบ้างรึไงที่เห็นนังนั่นถูกฉันตบเข้าไปตอนแรก!”

“ต่อไปอย่าไปยุ่งกับซูยิ่งหวั่นอีก เพราะเธอไม่ใช่คู่แข่งอะไรกับฉัน ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรเลยสักนิด”

“แต่นังนั่นไม่ได้คิดอย่างงั้นนี่! นังนั่นคิดจะกำจัดเธออยู่ทุกเมื่อไม่รู้บ้างหรอไง!” ลั่วเฉียวพูดไปก็เหลียวมองซูยิ่งหวั่นไป : “ดูสายตานังนั่นสิ ที่จริงไม่จำเป็นต้องเล่นบทพระสนมเอกกัวเลยด้วยซ้ำ เพราะเธอก็เป็นคนแบบนั้นในชีวิตจริงอยู่แล้ว!”

*

พอกู้ฮอนแยกกับลั่วเฉียวแล้ว เธอก็เห็นว่าซูยิ่งหวั่นกำลังดักรอเธออยู่

“ไม่ได้เจอมาแค่สองปี ไม่นึกเลยว่าจะกลายมาเป็นนักเขียนดาวรุ่งคนใหม่!” ซูยิ่งหวั่นยืนขวางรถกู้ฮอนพลางพูดเยาะเย้ย

“ค่ะคุณซู แต่ยังไงนักเขียนตัวเล็กๆคนนี้ก็เทียบเท่าดาราดังอย่างคุณซูไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วช่วยหลีกทางให้หน่อยนะคะ” เธอพูดอย่างไม่ใส่ใจ

ซูยิ่งหวั่นขยับตัวเล็กน้อย : “เธอคิดว่าฉันไม่รู้รึไงว่าเธอสั่งให้ลั่วเฉียวทำกับฉันแบบนั้น!”

กู้ฮอนขมวดคิ้วพลางจ้องหน้าซูยิ่งหวั่น แต่เธอฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าถ้าเธอปฏิเสธคนที่จะตกที่นั่งลำบากก็คือลั่วเฉียวเพราะพวกเธอยังต้องถ่ายทำด้วยกันอีกในอนาคต : “ค่ะ!”

“หึ! เธอนี่ร้ายเหมือนกันนะ!” กู้ฮอนมองอย่างเย็นชา : “แล้วที่เธอเขียนหนังสือนั่นขึ้นมา อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอเขียนเพื่อที่จะป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นแม่ของเด็กสองคนนั้น! แล้วก็เพื่อที่จะกลับไปหาเป่หมิงโม่ด้วย!”

กู้ฮอนรู้สึกว่าตัวเองกำลังฟังเรื่องที่ไร้สาระอยู่ : “ก็ตามที่คุณพูดนั่นแหละ”

ไม่รู้จะมีใครเชื่อรึเปล่าว่าเธอกับเป่หมิงโม่ไม่มีโอกาสที่จะกลับมาอยู่ด้วยกันตั้งแต่ที่ตัดสินใจสู้กันในศาลเมื่อสองปีก่อนแล้ว สิ่งเดียวที่เธอต้องการตอนนี้ก็คือความรักของเป่หมิงโม่ที่จะมีให้กับเด็กๆ ความรักที่ทำให้เด็กๆเติบโตขึ้นมาอย่างเข้มแข็ง

“หึ งั้นก็ไม่ต้องมาทำเป็นว่าตัวเองสูงส่ง! ทำไมเธอต้องเข้ามาขัดขวางผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเป่หมิงโม่ด้วย ฉันจะบอกให้นะ ถึงแม้เธอจะกำจัดฉันได้ แต่ก็ยังมีผู้หญิงอีกคนที่เธอไม่สามารถกำจัดได้ อยากรู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร”

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่อยากรู้!”

กู้ฮอนขมวดคิ้ว พลางขึ้นไปนั่งบนรถแล้วสตาร์ทเครื่อง

“เฟยเอ๋อไง! ผู้หญิงคนนั้นคือเฟยเอ๋อ!” ซูยิ่งหวั่นตะโกนอย่างดื้อรั้น ไม่สนใจว่าเธอจะอยากรู้หรือไม่อยากรู้

มือของกู้ฮอนที่จับพวงมาลัยอยู่กระตุกเล็กน้อย

“เฟยเอ๋อคือผู้หญิงที่อยู่ในเหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อสิบสองปีก่อนที่สเปน ทุกคนคิดว่าเธอโดนไฟคลอกตายไปแล้ว แต่ไม่! ใช่! เธอรู้ไหมว่าเฟยเอ๋อเป็นคนที่เป่หมิงโม่แคร์ที่สุด เปรียบเป็นแสงจันทร์สีขาวที่อยู่ในใจของเป่หมิงโม่มาโดยตลอด…”

หลังจากที่ได้ยินคำว่า ‘แสงจันทร์สีขาว’ ดูเหมือนว่ามีบางอย่างแทงเข้าหัวใจเธออย่างจัง

เธอเจ็บเหลือเกิน!

หลังจากนั้นเธอก็เหยียบคันเร่งออกไป…

ซูยิ่งหวั่นกำมือมองรถของกู้ฮอนเคลื่อนออกไปอย่างเงียบๆ…

ในที่สุดห้องตรงข้ามก็ปรับปรุงซ่อมแซมเสร็จสักที หลังจากที่กู้ฮอนต้องทนกับเสียงดังรบกวนอยู่สองอาทิตย์

แม้จะเป็นฤดูหนาว แต่ในบ้านก็ไม่ได้หนาวเหมือนกับข้างนอกนั่น

กู้ฮอนเปิดคอมพร้อมกับกำลังจะนั่งเขียนหนังสือเล่มที่สองของตัวเอง

ตั้งแต่ที่หนังสือเล่มแรก ‘Years when his father couldn’t do it’ ของเธอวางจำหน่าย ก็มีหลายสำนักพิมพ์พยายามจะติดต่อนัดหมายกับเธอ

ตอนแรกเธอคิดว่าชีวิตเธอจะผ่านไปอย่างราบรื่น

แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น

จู่ๆเสียงของห้องตรงข้ามที่ก่อนหน้านี้เงียบลงไปแล้วนั้น กลับมีเสียงดังขึ้นมาอีกระลอก

เธอรีบเปิดประตูไปดูอย่างกระวนกระวาย เธอเห็นคนหลายคนกำลังพากันขนเฟอร์นิเจอร์เข้าไปยังห้องนั้น

เธอชำเลืองมองเฟอร์นิเจอร์พวกนั้น เฟอร์นิเจอร์พวกนั้นล้วนแต่เป็นเฟอร์นิเจอร์หรูคุณภาพดี ถ้าไม่มีเงินคงซื้อของพวกนี้ไม่ได้แน่

“ขอโทษค่ะ… ช่วยเบาเสียงกว่านี้นิดนึงได้ไหมคะ”

“ขอโทษครับ พอดีเราต้องรีบขนเข้ามาตามที่ลูกค้าสั่ง” เขาขอโทษขอโพยเธอด้วยสำเนียงเมืองเหนือ

“งั้นรบกวนเร็วๆหน่อยนะคะ!”

เธอขมวดคิ้วบอก พลางมองไปที่เฟอร์นิเจอร์พวกนั้นอีกครั้ง

จริงๆแล้วเจ้าของห้องไม่ควรจะมาอยู่ห้องราคาถูกอย่างที่นี่เลย ถ้าจะมีเงินซื้อเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงพวกนี้เข้ามา ไม่สมเหตุสมผลเลยจริงๆ

พอปิดประตูลง เธอก็ปิดคอมแล้วมานั่งดูทีวีบนโซฟา

บอกตามตรง เธอคิดถึงช่วงเวลาหลายปีก่อนที่หยางหยางนั้นอยู่ข้างกายเธอ ภาพของเด็กทารกที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ เธอยังคงคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นอยู่เสมอ…

สิ่งที่เธอรู้สึกเสียใจและรู้สึกพลาดก็คือเธอไม่มีช่วงเวลาเหล่านั้นกับเฉิงเฉิง เธอนึกภาพอยู่เสมอว่าถ้าเธอกับเฉิงเฉิงมีช่วงเวลาเหล่านั้นมันจะดีสักแค่ไหน

เธอยังคงคิดถึงพวกเขาอยู่เสมอ

คิดไปคิดมาเธอก็เผลอหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า…

*

เวลาสามทุ่ม

ปัง ปัง ปัง!

ประตูห้องของกู้ฮอนถูกเคาะโดยใครบางคน

พอได้ยินเสียงเคาะประตูนั่น เธอก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างหัวเสีย!

จะมาเคาะอะไรตอนนี้เนี่ย เธอกำลังฝันถึงลูกๆอยู่แท้ๆ!

ปัง ปัง ปัง!

ประตูนั่นยังคงถูกเคาะไม่หยุด

“ใครคะ” เธอลุกขึ้นเกาหัวตัวเองพร้อมกับกำลังจะเดินไปเปิดประตู

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เดิมพันรักยัยตัวแสบ