เพิ่งรู้ว่าพี่เจตอยู่ที่นี่ด้วยเพราะที่ผ่านมาไม่เจอเลย หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จฉันก็ออกมาเดินเล่นสูดอากาศด้านนอกบ้าน
“อย่าเดินไปไกลนะครับ” พี่เจตบอก
“ทำไมอาทิตย์ที่ผ่านมามิลาไม่เห็นพี่เจตเลย”
“นายเพิ่งสั่งให้มาเฝ้าคุณมิลาที่นี่ครับ”
“อ๋อ จริง ๆ เรียกมิลาว่าน้องอย่างที่เคยเรียกก็ได้นะคะ” เมื่อก่อนพี่เจตจะแทนตัวเองว่าพี่แล้วเรียกฉันว่าน้อง
“ไม่ดีกว่าครับ นายได้ยินคงไม่พอใจ”
“…” เหมือนพี่เจตยังไม่ไว้ใจฉันเท่าไร ไม่แปลกหรอกเคยทำให้เจ้านายเขาเสียใจนี่
“ผมจะไปประชุมการ์ด อย่าเดินไปไหนไกลนะครับ”
“ค่ะ มิลาจะเดินเล่นแถวนี้สักแป๊บเดี๋ยวก็กลับเข้าบ้านแล้ว”
พี่เจตพยักหน้าแล้วเดินห่างออกไป ส่วนฉันก็เดินเล่นตามทางไปเรื่อยจนมาถึงโรงบ่มไวน์ กำลังจะเดินกลับแล้วแต่เหลือบไปเห็นทางเดินลงไปใต้ดิน วันนั้นที่มาไม่ได้สังเกตเลยว่ามีอุโมงค์ตรงนั้นด้วย
เดินไปดูคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
ฉันเดินตามทางไปในอุโมงค์บรรยากาศค่อนข้างน่ากลัวจนคิดอยากจะถอยหลังกลับ ที่นี่มีไว้ทำอะไรไม่เคยได้ยินคาแลนพูดถึงเลย
ขณะที่กำลังลังเล สองขาก็ก้าวไปข้างหน้าไม่ยอมหยุด ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าตรงหน้าคือกรงเหล็กหนากั้นไว้เหมือนคุกแถมในนั้นยังมีคนอยู่
“คุณ” ฉันเอ่ยเบา ๆ แล้วก้าวขาเดินไปใกล้ ๆ เธอเป็นผู้หญิงสภาพอิดโรยเหมือนคนอดอาหาร
“เธอเป็นใคร” ผู้หญิงที่อยู่ในกรงเหล็กเงยหน้ามามอง ก่อนจะเอ่ยคำ ๆ หนึ่งขึ้นมาทำให้รู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร “นึกว่าใครที่ไหนที่แท้ก็เธอนี่เองมิลา”
“เธอคือหมอวาริสสินะ”
“ใช่ฉันเอง”
“น่าเสียดายฝีมือของเธอจริง ๆ ทำไมถึงช่วยคนเลวแบบมาลิคทำเรื่องชั่ว ๆ”
“อย่าลืมสินั่นน้องชายฉัน”
“แล้วเขาสนใจเธอหรือไง ถ้าสนใจคงไม่ปล่อยให้อยู่ในสภาพนี้”
“ต่างอะไรกับเธอล่ะ แล้วนี่น้องสาวอยู่ที่ไหน”
“…”
“เธอเองก็หนีเอาตัวรอดแล้วทิ้งน้องสาวเอาไว้”
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ทิ้ง” ฉันกำมือเหมือนหัวใจถูกบีบแน่นเมื่อเห็นรอยยิ้มนั่นของผู้หญิงในกรงเหล็ก
“ฉันเคยบอกมาลิคแล้วว่าสุดท้ายเธอจะกลับไปหาคนรัก แต่มันก็ยังเลี้ยงเธอไว้ทรยศจริง ๆ”
“เขาเลวแบบนั้นมีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องภัคดี”
“แต่เราช่วยให้น้องเธอรอดจากยานรกนั่น”
“ไม่ใช่มาลิคหรือไงที่เอายาฉีดให้มินลี่ เพราะเขามินถึงได้เป็นแบบนี้ เขาเอาน้องสาวของฉันมาต่อลอง”
หยดน้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อเอ่ยถึงเหตุการณ์เก่า ๆ วันนั้นมินลี่อาการแย่ เธอถูกมาลิคเอาตัวไปทดลองยาบ้านั่น เหตุผลเดียวที่จะรอดก็คือฉันต้องเดินออกมาจากชีวิตของคาแลน ทั้งที่ตอนนั้นเขาคุกเข่าขอฉันแต่งงาน
ทุกอย่างมันพังไปหมด
ฉันไม่เคยรู้เลยว่าพี่สาวของเขาเป็นคนผลิตยาพวกนั้นขึ้นมา แถมยังมีแค่เขาที่มียาแก้ เพราะแบบนี้ไงฉันถึงติดอยู่ในกรงนรกนั่นนานถึงห้าปี
“จะรื้อฟื้นเรื่องเก่า ๆ ขึ้นมาทำไม”
“เธอเลวไม่ต่างอะไรกับมาลิคเลยวาริส”
“แต่ตอนนี้เธอกำลังกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวนะมิลา”
“…”
“ทิ้งน้องสาวเอาไว้แบบนั้น ทำเหมือนไม่รู้จักนิสัยมาลิค ไม่เป็นห่วงน้องบ้างหรือไง”
“ฉันเชื่อใจคาแลน”
“ไอ้โง่นั่นน่ะเหรอ” ฉันกำมือแน่นเมื่อได้ยินที่เธอเอ่ย สภาพอย่างนี้แล้วยังกล้าพูดอะไรแบบนั้นออกมา อยากให้คาแลนได้ยินจริง ๆ และถ้าเขาจะทำอะไรเธอฉันคงไม่ห้ามเพราะมันสมควร
“ระวังคำพูดด้วย ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในถิ่นของเขานะวาริส”
“แต่เขาไม่ให้ยากับมิน สักวันพี่ต้องกลับไปไม่อย่างนั้นมินต้องแย่แน่ ๆ”
(ไหนบอกว่าพี่คาแลนจะมาช่วยมินไง อย่ากังวลไปเลยค่ะ)
“ตอนนี้พี่กลัวไปหมดเลยมิน”
(บอกมินได้ไหมว่าอยู่ที่ไหน)
“…” ฉันเม้มปากแน่น ไม่สามารถบอกได้จริง ๆ เพราะถ้ามีเครื่องดักฟังมันคงไม่เป็นผลดี
(ความตายมันน่ากลัวไหมพี่มิลา)
“…”
(อย่าเพิ่งวางสายนะคะเราไม่ได้คุยกันนานแล้วมินคิดถึง ตอนนี้มินกลัวจัง ช่วยมินได้ไหม พี่มิลากลับมาพามินหนีไปด้วยได้ไหมคะ)
“… มิน”
แกร็ก!! หมับ!! โทรศัพท์ในมือของฉันถูกแย่งไปโดยเคย์เดน เขาจ้องมองด้วยสายตาที่ดุดันจนต้องก้มหน้าหลบ
“ฉันเตือนแล้วนะมิลา เธอทำให้มันยากทำไม”
“ตะ… แต่มิน…”
“การที่เธอทำแบบนี้มันทำให้คาแลนตกอยู่ในอันตรายพวกนั้นมีวิธีต่อรองแน่ เผลอ ๆ มันคงรู้ที่ซ่อนแล้ว”
“…”
“ห่วงน้องแล้วไม่ห่วงมันบ้างหรือไง ทั้งที่มันทั้งรักทั้งเป็นห่วงเธอฉิบหาย”
“มิลา… ขอโทษ”
“คนที่เธอควรขอโทษคือคาแลน สารภาพกับมันซะ”
เคย์เดนยื่นโทรศัพท์มาให้หน้าจอปรากฏเบอร์ของคาแลนที่วิดีโอคอลมา เห็นแบบนั้นทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบไหวทันที
“ส่วนโทรศัพท์ถ้าคุยเสร็จฉันจะยึดเอาไว้ คาแลนติดต่อมาเมื่อไรฉันจะเอามาให้เธอคุยเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เด็กดื้อคนโปรด (ของมาเฟีย) BAD