#วันต่อมา
ฉันถูกปลุกให้ลุกขึ้นจากเตียง พอแม่บ้านเห็นสภาพของฉันที่นอนเปลือยอยู่บนเตียงถึงกับต้องยกมือขึ้นมาปิดปากทำหน้าตกใจ แต่ก็ไม่ได้ท้วงอะไร หากเป็นนัยเด็กมะลิคงพูดจาใส่สารพัดแล้ว
“คุณคัลเลนบอกให้ลุกขึ้นอาบน้ำค่ะ อีกสองชั่วโมงจะมีช่างแต่งหน้าและช่างทำผมมาที่นี่”
“มาทำไมหรอ”
“คุณคัลเลนให้มาแจ้งแค่นี้ รีบๆ ลุกขึ้นดีกว่าค่ะ ถ้าคุณคัลเลนมาตามด้วยตัวเองคงไม่ใจดีกับคุณแน่ๆ”
“อือ” ฉันพยักหน้าตอบ หลังจากที่แม่บ้านเดินออกไปจากห้องก็ค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นนั่ง สองมือกุมท้องน้อยไว้เพราะรู้สึกปวดแบบหน่วงๆ
กว่าจะลุกขึ้นจากเตียงได้ใช้เวลาพอสมควรเพราะมันปวดไปทั้งร่างกาย โดยเฉพาะจุดอ่อนไหว คงไม่ต้องถามว่าเมื่อคืนถูกทำโทษหนักแค่ไหน ถึงกับตรงนั้นมีเลือดไหลซิบๆ ออกมา จริงๆ มันเป็นแบบนี้แทบทุกครั้งเลย เพราะเขาไม่เคยถนอมฉันเลย
หลังจากอาบน้ำเสร็จสายของทิชาก็โทรเข้าพอดี ฉันจึบเดินมาหยิบโทรศัพท์กดรับสาย
“ว่าไงชา”
( แกเป็นยังไงบ้าง เมื่อวานโทรหาตั้งหลายสายไม่รับเลย )
“ก็อย่างที่แกคิด แต่ฉันไหวโอเคดีไม่ต้องห่วง”
( เขาใจร้ายกับแกมากเลยใช่ไหมเกล )
“เขาไม่จำเป็นต้องใจดีกับฉันนะชา เราไม่ใช่คนรักกัน สถานะของฉันคือคนของครอบครัวที่เขาเกลียดด้วยซ้ำ”
( เฮ้อ!! หนีเลยไหม )
“พูดเหมือนง่าย แต่มันทำยากแกก็รู้”
“หวังว่าเขาจะปล่อยแกไปเร็วๆ นะ”
“ไม่เอาอย่าคุยเรื่องนี้ให้มันรู้สึกอึดอัดสิ”
ฉันบอกเพราะมันหดหู่เกินไปแล้ว เขาใจว่าทิชาเป็นห่วง แต่พอคุยเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ มันทำให้ฉันเบื่อที่จะพูด ไม่อยากเอ่ยถึงเขาในบทสนทนาเลย
ก็อกๆ ฉันที่กำลังนั่งทาครีมอยู่หันมองประตูที่เพิ่งมีคนเคาะเมื่อครู่ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาเปิด
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ช่างแต่งหน้ามารอที่ห้องรับรองแล้วค่ะ”
“หมายถึงยังไงหรอคะ”
“เชิญคุณเกลไปที่ห้องรับรองด้วยค่ะ อย่าช้านะคะเดี๋ยวจะถูกดุ”
ฉันพยักหน้าถึงจะไม่เข้าใจว่าจะให้ช่างแต่งหน้าทำผมมาทำไม แล้วทำไมต้องให้ฉันไปที่ห้องรับรอง ถึงแม่จะงุนงงแต่ก็เดินตามแม่บ้านไปอยู่ดี เมื่อเข้ามาในห้องก็พอจะเข้าใจอะไรมากขึ้น เพราะเห็นชุดเดรสสำหรับออกงานแขวนอยู่
ใช้เวลาสามชั่วโมงกว่าในการแต่งหน้าทำผมและเปลี่ยนชุด ที่มันนานขนาดนี้เพราะตามตัวของฉันมีรอยแดงเป็นจ้ำๆ อยู่หลายจุดก็เลยต้องใช้เวลาในการปกปิด บอกตามตรงเลยว่าอายมากๆ ดีที่ช่างแต่งหน้าไม่พูดอะไร
“สวยมากเลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันยืนมองตัวเองในกระจกโดยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ใส่ชุดหรือแต่งหน้าสวยๆ แบบนี้ เพราะมันหมายความว่าฉันอาจจะได้ไปออกงานสังคม ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ
“ยิ้มหน่อยสิคะ เวลาคุณเกลยิ้มสวยมากเลยค่ะ”
“กูแค่ชม”
“เช็ดน้ำลายด้วย ในหัวมึงคิดเหี้ยอะไรกับผู้หญิงของกูอยู่ อย่าคิดว่ากูไม่รู้”
เขาต่อว่าพี่ชายของตัวเองแต่ไม่ได้พูดอย่างจริงจังนัก เพราะฉันไม่ได้อยู่ในสถานะที่อีกฝ่ายจะต้องมาตั้งแง่หวงขนาดนั้น เขาแค่พูดเพราะฉันคือสิ่งของของเขามากกว่า
“มิลินนะคะ พี่คนสวยชื่ออะไรหรอ” ผู้หญิงตัวเล็กที่นั่งตรงข้ามถาม เพราะเธอยิ้มให้จึงยิ้มตอบ “เกลลินค่ะ”
“พี่สวยมากๆ เลยค่ะ ผิวเนียนมากเลย มิลินขอเคล็ดลับดูแลผิวหน่อยได้ไหมคะ”
“มันใช่เวลามาถามเรื่องแบบนี้ไหม” ผู้ชายที่นั่งข้างๆ เธอเอ่ยขัด
“ทำไม พี่ลีวายมีปัญหาอะไรกับมิลินหรอคะ ห๊ะ!!”
“เปล่าครับ ไม่มีเลย เชิญถามตามสบายได้เลย แต่อย่าขึ้นเสียงใส่กันได้ไหม ใจมันบาง”
ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดที่ทั้งยอมและคลั่งรักออกมาจากปากของผู้ชายที่ทรงแบดๆ ดุๆ เจ้าชู้แบบนั้น ทำเอาฉันอึ้งไปเลย
ที่นี่มีแต่พวกนักธุรกิจมีหน้ามีตาทางสังคม เหมือนเป็นงานประมูลอะไรสักอย่าง
“สวัสดีครับ ไม่คิดว่าจะมางานนี้ด้วย” เสียงของคนที่มาใหม่เอ่ยทักขึ้น และคนที่เป็นเป้าหมายคือฉันเอง เพราะคนที่ทักเมื่อครู่คือบารอน
“…….” ฉันเงยหน้ามองคนที่ยืนยิ้มอยู่ ใครจะไปคิดว่าเขาจะกล้าเข้ามาทักแบบนี้แถมไม่สนใจคนอื่นที่นั่งร่วมโต๊ะเลย สายตาคู่นั้นมองแค่ฉันคนเดียว
“มีอะไรกับผู้หญิงของผมหรอครับคุณบารอน” คัลเลนเป็นคนตอบกลับก่อนที่เขาจะเอาแขนมาโอบเอวฉันไว้ แล้วยกยิ้มมุมปาก
“ไม่ยักรู้ว่าเกลมีเจ้าของแล้ว น่าเสียดายจังเลยนะครับ” ดูเหมือนบารอนพยายามจะพูดยั่วโมโหคัลเลนมากกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เด็กดื้อคนโปรด (ของมาเฟีย) BAD