เช้าวันต่อมา
เมื่อลืมตาตื่นคืนมาก็ไม่เจอคนที่รังแกฉันเมื่อคืนแล้ว ไม่คาดหวังให้เขายังนอนอยู่ข้างๆ หรอก ใจร้ายแบบนั้นชอบไปได้ยังไงก็ไม่รู้ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็ลงมาชั้นล่างของบ้าน เห็นแม่บ้านเดินผ่านพอดีจึงรีบถาม
“คัลเลนไม่อยู่ใช่ไหมคะป้า”
“คุณคัลเลนพาคุณหนูฟ่านฟ่านไปห้างค่ะ”
“ฟ่านฟ่านหรอคะ?” ฉันขมวดคิ้วแปลกใจเพราะไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ใครกันนะ
“คุณหนูฟ่านฟ่านเป็นลูกเลี้ยงของนายใหญ่ค่ะ”
“อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ” ฉันพยักหน้าเข้าใจ เพิ่งรู้ว่าเธอชื่อฟ่านฟ่าน เพราะไม่เคยได้ยินคัลเลนเอ่ยชื่อเลยสักครั้ง
แต่แปลกจังเขาดูไม่ชอบเด็กนั่นขนาดนั้นทำไมถึงยอมพาไปห้างได้ แต่แอบบหงุดหงิดเหมือนกันนะทีกับฉันไม่เห็นเคยพาไปเลย
“ขอกาแฟให้เกลแก้วนึงนะคะ เอาไปให้ที่สวน”
“ค่ะคุณเกล”
ฉันยิ้มให้ป้าแม่บ้านก่อนจะเดินมาที่สวน ชอบมานั่งที่นี่เพราะมันเงียบสงบดี เป็นที่ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าอยู่แล้วทำให้สบายใจอากาศที่เย็นสบายเหมือนได้หลุดพ้นจากเรื่องที่ทุกข์ใจไปชั่วขณะ
“มานั่งทำไมคนเดียวตรงนี้ล่ะครับ”
เสียงที่ไม่คุ้นเคยทำให้ฉันที่กำลังเหม่อสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมองเจ้าของเสียงที่เอ่ยทัก
“คุณ…คาแลน” ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ไม่เจอเขาเลย ทำให้แปลกใจนิดนึงที่เห็นว่าเป็นเขา แต่เราก็เคยเจอกันแล้วครั้งหนึ่ง
“ครับ ผมเห็นว่าคุณนั่งอยู่คนเดียวก็เลยเดินมาถาม”
“เกลชอบตรงนี้ค่ะมันเย็นสบายดี นั่งได้ใช่ไหมคะ”
“ฮ่าๆ ได้สิครับจะถามผมทำไม” ท่าทางที่หัวเราะอารมณ์ดีแบบนั้นทำให้ฉันแปลกใจอยู่ไม่น้อย แค่ถามมันทำให้เขาอารมณ์ดีขนาดนั้นเชียวหรอ
“ต้องถามสิคะเพราะคุณเป็นเจ้าของบ้าน”
“บ้านไอ้คัลเลนมากกว่าครับ ปกติผมอยู่คอนโดนานๆ ทีจะกลับ”
“อ๋อค่ะ”
“พี่ชายคุณสบายดีไหมครับ” เขานั่งลงก่อนจะเอ่ยถามถึงพี่เรย์ “ช่วงนี้มันคิดจะทำอะไรเลวๆ อยู่หรือเปล่า”
“ไม่รู้สิคะ ไม่ได้ติดต่อ”
“นั่นสิ ถ้าเป็นผมก็คงไม่อยากจะติดต่อกับคนแบบนั้นเหมือนกัน”
“ค่ะ” ฉันเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เพราะไม่อยากพูดเรื่องนี้ในตอนที่อารมณ์ดีมันทำให้หงุดหงิด
“คัลเลนมันไม่ใช่คนโง่ คิดเหมือนกันไหมครับคุณเกลลิน” ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงถามแบบนั้น มีอะไรแอบแฝงกันแน่
“ค่ะ เกลรู้”
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับผมแค่พูดเฉยๆ”
“เกลรู้ว่าคุณคิดอะไร แค่อยากจะบอกว่าหากเลือกได้เกลคงไม่อยากเอาตัวเองมาอยู่ในจุดที่น่ารังเกียจนี้หรอกค่ะ”
“พ่อกับพี่ชายของคุณเลือดเย็นจังเลยนะครับ ถ้าเป็นผมคงไม่อยากจะภักดีด้วย”
“……….”
“ทำไมต้องทำตามคำสั่งของคนที่ส่งเรามาลงขุมนรกละครับ จริงไหม”
คาแลนพูดถูก ทำไมต้องทำตาม ฉันก็เฝ้าถามตัวเองอยู่ทุกวัน แค่คิดว่าถ้าได้ในสิ่งที่เขาต้องการแล้วจะหลุดพ้น แต่เหมือนกำลังขุดหลุมฝังตัวเองไปเรื่อยๆ เพราะความรู้สึกบ้าๆ ที่เกิดขึ้น
“ผมเข้าใจครับ บางครั้งครอบครัวก็ไม่ใช่เซฟโซนที่ดี”
“อย่าพูดเรื่องนี้ได้ไหมคะ เกลไม่อยากหงุดหงิดให้คุณเห็น”
เจ้าของใบหน้าคมที่มีสายตาดุดันเป็นเอกลักษณ์ จ้องมองใบหน้าของฉันแล้วนิ่งค้างไปชั่วขณะ เขาคล้ายๆ กับคัลเลนตรงสายตาดุทั้งคู่ “สวยขนาดนี้ไอ้คัลเลนมันอดใจไหวได้ยังไง”
“คะ?”
“ถ้าเป็นผมคงเผลอใจชอบคุณไปแล้ว”
“คนเราจะรักใครได้ง่ายๆ แบบนั้นเลยหรอคะ”
“ห้องมันน่าเบื่อนะ เกลขอนั่งตรงนี้ไม่ได้หรือไง”
“ไม่ได้”
“คัลเลน เกลแค่นั่งตรงนี้ไม่ได้ทำอะไรเลยมึงจะอะไรนักหนา” คาแลนช่วยพูด เขาคงไม่เข้าใจน้องชายตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องสั่งเสียงดุขนาดนั้น
“ถ้าจะนั่งตรงนี้ก็ไปเปลี่ยนเสื้อ”
“ผ้าบาง มองแล้วรำคาญตา”
“เหอะ!! มึงชอบแบบนี้กูรู้”
“กูต้องการเห็นแค่คนเดียว”
ตึกตัก! ตึกตัก! สายตาและคำพูดนั้นทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกคนที่นั่งข้างๆ หวง ไม่ได้อยากใจเต้นแรงแต่ห้ามไม่ได้เลย
“มึงหวงขนาดนั้นเลยหรอคัลเลน”
“เสือก! มีธุระอะไรก็ไปรอในบ้านมึงจะเสนอหน้าออกมาอยู่ตรงนี้ทำไม”
“ไอ้เหี้ย!!”
“คาแลน เข้าบ้านซะ”
“มึงทำให้กูแปลกใจเหมือนกันนะคัลเลน กูเคยเตือนแล้วใช่ไหม”
“กูรู้ตัวเองดี หยุดพล่าม”
“ที่มึงเป็นตอนนี้เรียกว่ารู้ตัวเองดี? หึ!! กูว่าไม่นะ”
“……..”
“มึงกำลังจะเป็นหมาบ้าชัดๆ”
ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาทั้งสองกำลังพูดเรื่องอะไรกัน แต่สายตาของคาแลนที่มองฉัน นั่นหมายความว่าเรื่องนั้นมันเกี่ยวกับตัวฉันใช่ไหม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เด็กดื้อคนโปรด (ของมาเฟีย) BAD