ฉันกดวางสายจากทิชาก่อนจะหมุตตัวหันกลับมาทางประตูห้องแต่ก็ต้องชะงักหัวใจแทบจะหยุดเต้นเมื่อเจอกับคัลเลนที่กำลังจ้องเขม็งอยู่
“มะ มาตั้งแต่เมื่อไร” ฉันกำโทรศัพท์ในมือแน่น ภาวนาในใจขอให้เขาไม่ได้ยินที่คุยกับทิชาเมื่อครู่
“คุยกับใคร” ฝ่ามือหนาคว้ามากระชากแขนของฉันอย่างแรงจนเซมากระแทกกับแผงอกแกร่ง
“กะ เกลคุยกับ พะ เพื่อน”
“คุยเรื่องอะไร?”
“……..” สายตาที่เอาผิดแบบนั้นไม่ใช่ว่าเขารู้อยู่แล้วหรอกหรอ
“ถามก็ตอบสิเกลลิน”
“คุณได้ยินใช่ไหม” ฉันเม้มปากแน่นสังเกตอาการของคนตรงหน้า แรงบีบที่ข้อมือนั้นแรงขึ้นเป็นเท่าตัว
“จะรีบหนีไปไหน อยู่ด้วยกันต่ออีกหน่อยสิ ตอนนี้ฉันยังอยากเล่นกับเธออยู่”
“………” เขาใช้คำว่าเล่นหรอ เล่นอะไรกัน อ๋อ คงหมายถึงเล่นกับความรู้สึก
“พรุ่งนี้ฉันจะโอนหุ้นของบริษัทพ่อเธอให้ แลกกับการที่เธอต้องอยู่ต่อ”
“ทำไมคะ อยากให้เกลอยู่ด้วยขนาดนั้นเลยหรอ”
“หึ!!” เขาไม่ตอบอะไรแต่โน้มลงมาใกล้ๆ แล้วซุกหน้าลงที่ซอกคอพร้อมใช้เคี้ยวฟันงับจนเกิดรอย
“อึก! อื้อ~” ความเจ็บปวดทำให้ฉันต้องขมวดคิ้วนิ่วหน้าแต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงออกไปทั้งที่ตัวเองเจ็บขนาดไหน
“ถ้าฉันไม่อนุญาตเธอก็หนีไม่พ้นหรอกเกลลิน อย่าตัดสินใจโง่ๆ”
“………”
“อยู่เป็นของเล่นให้ฉันมันดีกว่าตั้งเยอะ”
“………”
“อย่าทำให้พ่อกับพี่ชายของเธอผิดหวังสิ”
“เรื่องโอนหุ้นคืน พูดจริงๆ ใช่ไหมคะ”
“หึ!! ทำไมต้องเปลี่ยนเรื่อง” เขาพ่นลมหายใจอิกมาแรงๆ ก่อนจะผลักตัวฉันออก จากนั้นก็เดินไปนั่งลงบนเตียง
“ไม่ได้หลอกกันใช่ไหมคะ”
“ก็แค่หุ้นบริษัทของพ่อเธอฉันไม่ได้เสียดาย”
“ค่ะ”
“มานั่งคุกเข่าตรงหน้าฉันสิ ตอบแทนที่ฉันใจดีกับเธอหน่อย”
ฉันกัดฝากตัวเองจนห้อเลือดจ้องมองการกระทำของคนตรงหน้าที่กำชังปลดเข็มขัดราคาแพงแล้วรูดซิบลงช้าๆ ควักเอาแก่นกายใจออกมา
“มาทำหน้าที่ของเธอซะเกลลิน”
ฉันหายใจเข้าลึกๆ ด้วยหัวใจที่เต้นสั่น ก่อนจะคุกเข่าลงตามคำสั่งแล้วค่อยๆ ใช้มือสัมผัสแก่นกายของเขาอย่างช้าๆ
“หรอ โดนเขี่ยขนาดนี้ไม่อยากจริงๆ ?” ไม่พูดเปล่า แต่นิ้วเรียวซุกซนยังบดคลึงเม็ดเกสรพร้อมกับเขี่ยกลีบดอกไม้ขึ้นลงถี่ๆ
“อื้อ กะ เกลไม่อยาก หะ ให้เกลรีบทำสิคะ” เพราะกลัวว่าตัวเองจะทนไม่ไหวและต้องเผลอทำตัวน่าอาย จึงอยากให้เขาปล่อยให้เป็นอิสระ
“ก็ได้ งั้นก็เตรียมใจไว้ดีๆ” พูดจบคัลเลนก็ขยับตัวขึ้นมานั่งคร่อมบริเวณริมฝีปากฉัน แล้วดันท่อนเอ็นแข็งเข้ามา จากนั้นก็ขย่มเอวสอบเข้าออกถี่ๆ
“อื้อ!” ฉันดิ้นพล่านเพราะคนด้านบนทำเอารู้สึกหายใจไม่ออก เพราะฉันอยู่ในท่านอนราบยิ่งหายใจยากกว่าปกติ
“ซี้ด ดูหน้าเธอตอนกำลังกลืนเอ็นฉันสิ สวยจัดโคตรเสียว” เสียงครางของคัลเลนเริ่มหลง บ่งบอกว่าเขากำลังเสียวซ่านเกินลิมิต
มือนึงของร่างสูงยื่นลงมาลูบไล้เนินโหนกของฉัน ขณะที่เอวสอบยังตอกท่อนเอ็นกระทุ้งใส่ปากอย่างไม่ยั้ง
“อึก! อ่อก!” ฉันเบิกตาโพลงพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำ ปลายหัวเห็ดทิ่มลึกเข้ามาในคอจนชวนอาเจียน หยดน้ำใสๆ ไหลออกมาอาบแก้ม
“อ๊า อดทนอีกนิดนะเกล ฉันชอบจริงๆ เวลาเห็นเธอทุรนทุรายเพราะโดนเอ็นยัดปาก”
คัลเลนใช้มือจับศีรษะฉันไว้แน่น จากนั้นก็ควงเอวหมุนท่อนลำภายในโพรงปาก พร้อมทั้งโยกขย่มจนริมฝีปากฉันระบมและรู้สึกแสบร้อน
“อ่อก! อึก!” ฉันเหมือนคนใกล้จะสิ้นลมมากเข้าทุกที เพราะคัลเลนไม่แม้แต่จะผ่อนแรงลงเลย จนภาพในหัวมันเริ่มพร่าเบลอ
“ทำไมต้องขยันทำให้โกรธนักนะ ทั้งที่ฉันไม่ได้อยากรุนแรงใส่เธอด้วยซ้ำ” คำพูดนั้นทำเอาหัวใจฉันเต้นรัว มันหมายความว่ายังไงกัน
แต่นั่นไม่ใช่เวลาที่จะมาหวั่นไหว เพราะตอนนี้ฉันจะขาดอากาศหายใจตายอยู่แล้ว
ฉันใช้สองมือดันหน้าท้องแกร่งบออกเป็นการส่งสัญญาณบอกว่ากำลังจะทนไม่ไหว แทนที่คับเลนจะยอมหยุด แต่เขากลับเร่งความเร็วและความถี่ให้เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
“ซี้ด จะแตกแล้ว ฉันแตกในปากเธอนะ กลืนให้หมดด้วยห้ามคาย อ๊า!!” สิ้นสุดเสียงครางครั้งสุดท้าย ท่อนเอ็นใหญ่ก็กระตุกหงึกและพ่นน้ำกามเข้ามาในโพรงปากอย่างรุนแรฃ จนบางส่วนไหลลงคอฉันไปเลยด้วยซ้ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เด็กดื้อคนโปรด (ของมาเฟีย) BAD