#วันต่อมา
กว่าจะได้โทรศัพท์แทบไม่ได้นอน คงไม่ต้องอธิบายใช่ไหมว่าฉันต้องแลกกับอะไร เขามันเจ้าเล่ห์ ในหัวหมกมุ่นไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนักหนา
หลังจากตื่นนอนทำธุระส่วนตัวเสร็จฉันก็โทรหาพี่เรย์เพื่อจะบอกว่าได้สิ่งที่เขาต้องการมาแล้วคือหุ้นของบริษัท
( มีอะไร ทำไมจู่ๆ ถึงโทรมาหาพี่ ) นี่คือคำแรกที่พี่ชายเอ่ยถามกับฉัน ซึ่งมันไม่ใช่เรืีองแปลกอะไรเพราะฉันไม่เคยโทรหาเขาเลยตั้บแต่มาอยู่ที่นี่
“เกลได้หุ้นของบริษัทแล้ว”
( ทำดีมากเกล )
“ค่ะ”
( จะนัดเจอที่ไหน )
“ทำไมต้องนัดเจอ”
( หรือเกลจะเอาเอกสารมาให้ที่บ้าน )
“เกลไม่อยากกลับไปเหยียบที่บ้านด้วยซ้ำ”
( พูดแบบนี้ถ้าพ่อได้ยินจะถูกดุเอานะ )
“เอกสารนี้เดี๋ยวเกลจะส่งให้แล้วกันค่ะ” ฉันไม่สนใจที่พี่เรย์บอกพร้อมพูดตัดบท
( อยากกลับมาอยู่ที่บ้านไหม พี่จะช่วยพูดกับพ่อให้ )
“ทำไมจู่ๆ ถึงถามแบบนั้นล่ะคะ”
( พี่กลัวว่าเกลจะรักมัน )
“ถ้าเกลรักเขาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นหรอ”
( อย่าแม้แต่จะคิด เรื่องนี้ทั้งพี่และพ่อไม่มีทางยอม )
“ส่งให้เกลเป็นเมียเขายังทำได้เลย ไม่ใช่ว่าอยากได้คัลเลนเป็นลูกเขยหรอกหรอ”
( พี่จริงจังอยู่ อย่าพูดยั่วอารมณ์นะเกล )
“ก็จริงจังอยู่เหมือนกัน เกลไม่ใช่หุ่นยนต์ มีความรู้สึก”
( พูดแบบนี้หลงรักมันแล้วใช่ไหม )
“ใช่ เกลรู้สึกกับเขา เกลรักศัตรูของพี่เรย์แล้วมันยังไงต่อหรอคะ”
( พี่เตือนว่ายังไง )
“หยุดสั่งสักที ตัดขาดกันไปเลยก็ได้ ไม่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัวที่ผลักไสให้เกลมาลงนรกหรอก”
( อย่าพูดแบบนี้ เกลเป็นน้องสาวของพี่จะให้ตัดขาดได้ยังไง )
“ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อเกลไม่คิดจะกลับไปแล้ว ต่อให้ถูกไล่ไม่มีที่ซุกหัวนอนเกลก็จะไม่อ้อนวอนขอให้พี่เรย์กับพ่อเห็นใจ”
( เกลพูดบ้าอะไรออกมา )
“เดี๋ยวส่งเอกสารไปให้ แล้วไม่ต้องโทรมานะไม่อยากคุยกับคนเห็นแก่ตัว ฝากบอกพ่อด้วย”
ฉันกดตัดสายก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม ความรู้สึกในตอนนี้มันเคว้งไปหมดเหมือนตัวคนเดียวบนโลก
ฉันเบื่อแล้วที่จะต้องมาฟังประโยคซ้ำๆ จากพี่ชายของตัวเอง ซึ่งการกระทำกับคำพูดมันสวนทางกัน มันก็แค่รูปประโยคที่ฟังดูดีเท่านั้น
“อึก~” ฉันค่อยๆ ทรุดตัวนั่งลงปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่คิดจะเช็ดมันออกจากแก้ม คิดว่าตัวเองเข้มแข็งกับเรื่องนี้แล้วแต่ไม่เลย คำพูดของคาแลนมันเป็นจริงทุกคำไม่เถียงเลย
“ร้องไห้ทำไม”
เสียงทุ้มที่คุ้นเคยเอ่ยถาม ไม่รู้ว่าคัลเลนเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไร
“เกล ใครทำให้เธอร้องไห้”
“ถามก็ตอบ”
คนที่ถามแล้สไม่ได้คำตอบดูเหมือนจะหงุดหงิด เขาเดินมาหยุดตรงหน้าก่อนจะค่อยๆ นั่งลงเอามือมาจับปลายคางของฉันให้เงยขึ้น
“มะลิหรือฟ่านฟ่าน?”
“อึก~”
“แค่ตอบมา ฉันจะไปจัดการให้”
“มะ ไม่ใช่ อึก~”
ฉันโผล่กอดคนตรงหน้าแน่นคงเพราะตอนนี้อ่อนแอเกินไป ความรู้สึกมันอ่อนแอ อยากมีใครสักคนที่อยู่ข้างๆ ถึงแม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นใจร้ายก็ตาม ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะมาเล่นสงครามประสาทอะไรทั้งนั้น
“ขอเกลกอดคุณหน่อยได้ไหม อย่าเพิ่งผลักไสกันเลยนะคะ”
“ฉันยังไม่ได้ห้าม”
“อยากกอดก็กอดไป นานเท่าไรก็ได้ฉันให้กอดฟรีไม่คิดเงิน” คนที่ใจร้ายในตอนนี้กลายเป็นคนที่ฉันรู้สึกปลอดภัยในเวลาที่อยู่ด้วย ไม่เคยได้รับการโอบกอดจากเขามาก่อนก็เลยไม่รู้ว่ามันอบอุ่นมากขนาดนี้
“เกลป่วยยังคิดจะทำเรื่องพวกนั้นอีกหรอคะ อึก~”
“ตาบวมเป็นไข่ห่าน หยุดร้องสักที”
“อึก~ ใจร้าย ออกไปเลยนะ”
“ลุกขึ้นมากินยา”
“ไม่ อึก~” ฉันเบือนหน้ามองทางอื่น ถ้าไม่ป่วยคงลุกขึ้นหนีไปแล้ว น้ำตาก็ไหลอาบแก้มไม่หยุด รู้สึกเบื่อตัวเองที่เป็นแบบนี้
คัลเลนเงียบไปครู่ใหญ่ไม่รู้ว่าเขาทำอะไร จู่ๆ แขนของฉันก็ถูกดึงให้ลุกขึ้นนั่ง ยังไม่ทันจะถามอะไรก็ถูกริมฝีปากหนาประกบจูบ ดวงตาของฉันเบิกกว้างสมองขาวโพลน ก่อนจะมีสติเพราะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างถูกส่งจากปากของเขาเข้ามาในปากของฉัน
“น้ำ ห้ามคายทิ้งไม่อย่างนั้นฉันจับเธอกรอกยาหมดแผงแน่ๆ”
“……….”
“หยุดร้องซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่พาไปมัลดีฟส์”
“เห็นเกลเป็นเด็กหรอคะ”
“ตอนนี้เธอก็ไม่ต่างจากเด็กเท่าไร”
พูดจบคัลเลนก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาทำท่าเหมือนจะเดินจะออกไปจากห้องฉันจึงรีบดึงชายเสื้อเอาไว้
“อะไร?” เขสหันมาขมวดคิ้วถามด้วยสีหน้าปนรำคาญ
“คืนนี้….นอนกับเกลได้ไหม” ฉันรู้สึกว่าตอนที่เขานอนด้วยมันทำให้หลับสบายไม่ฟุ้งซ่าน
“ฉันแค่จะเอาน้ำไปเก็บ เดี๋ยวมา”
“จริงๆ นะ”
“อย่าทำหน้าแบบนั้น ฉันไม่อยากรังแกคนป่วย”
ไม่รู้ว่าหน้าฉันมันเป็นยังไง พอเขาบอกแบบนั้นฉันก็รีบกัดริมฝีปากแน่นทันที
“ห้ามกัดปาก”
“ทำไมอีกคะ อะไรก็ห้ามหมดเลยแล้วเกลต้องทำยังไง”
คัลเลนพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เขาจบกรามแน่น ทำให้ฉันยิ่งงุนงง ก่อนสายตาจะเลื่อนต่ำลงมามองตรงเป๋ากางเกงอย่างไม่ตั้งใจ
ดวงตาของฉันเบิกกว้างใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อเห็นว่าท่อนเอ็นที่อยู่ภายใต้กางเกงนั้นมันกำลังดันเนื้อผ้านูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เด็กดื้อคนโปรด (ของมาเฟีย) BAD