“ฮ่องเต้คิดจะเล่นอะไรกับสกุลฝูของเรา!” ฝูซิ่นเล่อแทบจะกวาดถ้วยชาบนโต๊ะลงไปกองกับพื้น “จู่ ๆ ก็พระราชทานสมรสให้ท่านพี่กับเว่ยหยางอ๋อง ทรงเห็นสกุลฝูเป็นอะไร คิดจะบีบบังคับให้ใครแต่งกับใครก็ได้เช่นนั้นหรือ!”
“ซิ่นเล่อ อย่าโมโห เจ้ายังไม่หายป่วย” ฮูหยินผู้เฒ่าปรามเสียงเรียบ
“จะไม่ให้โมโหได้อย่างไรขอรับท่านย่า ที่ผ่านมา เว่ยหยางอ๋องมาที่จวนเราอยู่บ่อยครั้ง ข้าก็พอมองออกว่าเขาคิดอย่างไรกับท่านพี่ แต่นี่ท่านพี่ยังไม่ทันตอบตกลงก็มีสมรสพระราชทานมาเสียแล้ว ทำเช่นนี้เท่ากับบังคับท่านพี่ชัด ๆ”
“พี่เจ้ายังไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเลย แล้วเจ้าจะโมโหไปไย” ฮูหยินผู้เฒ่าพูดแล้วหันไปมองฝูซิ่นฮวาที่นั่งจิบชาเงียบ ๆ
“ท่านพี่” ฝูซิ่นเล่อเรียก
“อืม” ฝูซิ่นฮวาตอบรับในลำคอ
“นี่ท่านไม่เดือดเนื้อร้อนใจบ้างหรืออย่างไร ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้ท่านกับเว่ยหยางอ๋องนะ”
“แล้วจะให้ข้าทำเช่นไร บุกไปหาฝ่าบาทให้ถอนราชโองการเช่นนั้นหรือ”
“ถ้าท่านไม่คิดจะแต่งกับเว่ยหยางอ๋อง ข้าก็จะทำเช่นนั้น” ฝูซิ่นเล่อตอบขณะมองฝูซิ่นฮวาที่ใจเย็นจนผิดสังเกต “หรือว่าท่านเองก็มีใจให้เว่ยหยางอ๋อง”
ฝูซิ่นฮวายังไม่ทันได้ตอบอะไร สาวใช้ในบ้านก็วิ่งเข้ามารายงานว่าเสวียนชิวมาขอพบนาง
“นี่ก็อีกคน” ฝูซิ่นเล่อบ่น “มาได้ไม่เว้นแต่ละวัน ราวกับจะมาแข่งกับเว่ยหยางอ๋อง”
“ก็เขาแข่งกันน่ะสิ” ฝูซิ่นฮวาตอบเสียงเรียบ
ฝูซิ่นเล่อถอนหายใจ “อย่างน้อยเว่ยหยางอ๋องก็ไม่ได้น่ารำคาญเหมือนรัชทายาทต้าเจาผู้นี้”
ฝูซิ่นฮวาและฝูซิ่นเล่อออกมาพบกับเสวียนชิว รัชทายาทแห่งต้าเจามีสีหน้าเคร่งเครียดไม่น้อย ทันทีที่เห็นฝูซิ่นฮวา ชายหนุ่มก็ลุกจากที่นั่งมาหานางทันที
“ได้ยินว่าฮ่องเต้พระราชสมรสให้เจ้ากับเว่ยหยางอ๋อง เป็นเรื่องจริงหรือไม่” เสวียนชิวถาม
“จริงเพคะ” ฝูซิ่นฮวาตอบ
“เหตุใดฝ่าบาทจึงทำเช่นนั้น”
“หม่อมฉันก็หาทราบไม่ หากองค์รัชทายาทปรารถนาที่จะทราบ คงต้องไปทูลถามฝ่าบาทด้วยตัวเอง”
“ข้าทำแน่!” เสวียนชิวตอบ “ข้าเคยขอเจ้าจากฮ่องเต้แล้ว การที่ทรงทำเช่นนี้เท่ากับไม่ไว้หน้าข้าและต้าเจาเลยสักนิด!”
ฝูซิ่นฮวาแค่นยิ้ม เสวียนชิวเป็นเพียงผู้ที่ขอเจรจายุติสงคราม แต่กลับเรียกร้องสิ่งนั้นสิ่งนี้โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการสานสัมพันธไมตรี
ช่างไม่รู้จักเจียมตัวเสียบ้างเลย!
“แล้วท่านคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้เรียกร้องสิ่งต่าง ๆ จากเรา” เสียงของจินเกาหยางดังขึ้นจากทางด้านหลังของเสวียนชิว
“เว่ยหยางอ๋อง!”
“ปากท่านบอกว่ามาต้าจินเพื่อถวายบรรณาการและสานสัมพันธไมตรี แต่กลับเรียกร้องสิ่งนั้นสิ่งนี้ต้องการแต่งงานกับคนสำคัญของต้าจิน ท่านคิดว่ามันถูกต้องหรือไม่”
เสวียนชิวมองจินเกาหยางด้วยสายตาเคียดแค้น ไม่ว่าจะอยู่กลางสนามรบหรือที่ใด เขาก็ไม่เคยเปลี่ยน ยังคงเลือดร้อนเอาแต่ใจและเจ้าอารมณ์เสมอ ไม่รู้จักเรียนรู้เลยสักนิดว่า ที่ตนต้องพ่ายแพ้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะนิสัยที่ชอบใช้แต่อารมณ์ของตัวเอง
“เช่นนั้นข้าก็คงไม่มีธุระอะไรที่ต้าจินอีก!”
ทันทีที่พูดจบ เสวียนชิวก็เดินจากไปโดยไม่มีการกล่าวอำลาแม้แต่คำเดียว
“มันกลับมาอีกแน่” ฝูซิ่นเล่อพูดขึ้น “ต่อให้ฝ่าบาทยกท่านพี่ให้แต่งกับมัน มันก็ต้องแว้งกัดต้าจินเข้าสักวัน”
“ข้าเห็นด้วยกับเจ้า” จินเกาหยางกล่าว “ตอนนี้พวกต้าเจาก็แค่พักรบกับเราชั่วคราวเท่านั้น เมื่อไหร่ที่พวกมันแข็งแกร่งขึ้น มันก็จะโจมตีเราดังเช่นที่เคยทำ”
“เพราะเหตุนี้ข้าจึงไม่เคยหยุดอ่านตำราพิชัยสงครามแม้แต่วันเดียว” ฝูซิ่นฮวาว่า
ทั้งสามคนหันมามองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ฝูซิ่นเล่อคล้ายกับเพิ่งนึกเรื่องสมรสพระราชทานขึ้นได้ จึงหันไปเอาเรื่องกับจินเกาหยางแทนเสวียนชิวที่เพิ่งเดินออกไป
“ตัวท่านเองก็เถอะ อย่าคิดว่ากระหม่อมมองไม่ออกว่าท่านคิดอะไรกับพี่สาวของกระหม่อม”
“ไม่ว่าเจ้าจะมองออกหรือไม่ ข้าก็ตั้งใจจะบอกเจ้าอยู่แล้ว” จินเกาหยางตอบด้วยท่าทางสบาย ๆ “ข้าชอบพี่สาวเจ้า และคิดจะแต่งนางเป็นภรรยาเดียวไปตลอดชีวิต”
“ท่านก็เลยใช้วิธีบีบบังคับนางให้แต่งด้วยสมรสพระราชทาน!”
“มิใช่” จินเกาหยางปฏิเสธ” ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อมาคุยกับเหมยเหมย หากแม้นางไม่มีใจตอบข้าหรือคิดปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้ ข้ายินดีจะไปขอร้องฝ่าบาทให้ยกเลิกการพระราชทานสมรสด้วยตัวเอง”
ฝูซิ่นเล่อเงียบไปราวกับคิดไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้ ชายหนุ่มหันไปมองหน้าพี่สาวของตนที่ยืนมองจินเกาหยางด้วยท่าทางสงบนิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ