ฮ่องเต้และไทเฮาส่งแม่สื่อพร้อมของขวัญมงคลจำนวนมากมายังจวนสกุลฝู เพื่อทำการสู่ขอฝูซิ่นฮวาจากฮูหยินผู้เฒ่า นับเป็นการกระทำที่ให้เกียรติฝูซิ่นฮวายิ่งนัก นางเป็นหญิงสามัญชน ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่ฝ่ายนั้นกลับปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี ราวกับพวกเขายอมลดตัวลงมาเป็นสามัญชนเพื่อนางและเพื่อไม่ให้มีพิธีใดในงานมงคลสมรสขาดตกบกพร่องตามประเพณี
ฮูหยินผู้เฒ่ามอบวันเดือนปีเกิดของฝูซิ่นฮวาให้แม่สื่อตามธรรมเนียม เพื่อให้อีกฝ่ายนำไปเสี่ยงทาย ซึ่งแน่นอนว่าหลังแม่สื่อนำวันเดือนปีเกิดของฝูซิ่นฮวาไปถวายไทเฮาให้นำไปวางไว้หน้ารูปปั้นเทพเจ้าแล้ว ก็หามีสิ่งใดที่บ่งชี้ถึงความไม่เป็นมงคลเกิดขึ้นแม้แต่น้อย การเตรียมพิธีมงคลสมรสจึงเริ่มต้นขึ้นนับจากนั้น
ตัวแทนของจินเกาหยางส่งเทียบหมั้นและเทียบสินสอดที่ร่ายยาวราวกับชายหนุ่มยกสมบัติส่วนตัวทั้งหมดให้เป็นสินสอดของฝูซิ่นฮวาจนหมดสิ้น ทั้งสองฝ่ายมอบของขวัญให้กันและกันไทเฮาหาฤกษ์ดีได้ตรงกับวันที่สอง เดือนสิบสอง ซึ่งเป็นเวลาที่ดีที่สุดและใกล้ที่สุด และฮูหยินผู้เฒ่าเองก็เห็นด้วยทุกประการ
กระทั่งมาถึงวันแต่งงาน จวนสกุลฝูที่ควรจะวุ่นวายกลับไม่มีสิ่งใดที่ดูอลหม่านให้เห็น เนื่องจากฮูหยินผู้เฒ่าได้เตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว บางทีนางอาจเป็นผู้หนึ่งที่ช่วยสอนให้ฝูซิ่นฮวามีความสามารถในการเตรียมพร้อมทุกสิ่งได้เป็นอย่างดี ไม่เว้นแม้กระทั่งการเตรียมพร้อมสำหรับการรบและบัญชาการภายในกองทัพ
คืนที่ผ่านมา กว่าฝูซิ่นฮวาจะได้เข้านอนก็เป็นเวลาดึกดื่น เหตุเพราะฮูหยินผู้เฒ่าให้สาวใช้มาช่วยกันอาบน้ำขัดผิวให้นางด้วยน้ำที่แช่ด้วยใบทับทิม เพื่อความเป็นสิริมงคลและปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง เมื่อต้องนอนดึก ผิวหน้าของฝูซิ่นฮวาก็ดูซีดเซียวไปบ้าง ดังนั้นเมื่อใกล้เวลาที่ฝ่ายเจ้าบ่าวจะเดินทางมารับตัวนางตามที่ได้ระบุไว้ในเทียบเชิญเจ้าสาว ฝูซิ่นฮวาก็ถูกเรียกตัวมาแต่งหน้าทำผม นางไม่เข้าใจสักนิดว่าเหตุใดจึงต้องแต่งหน้า ในเมื่อสุดท้ายแล้ว ใบหน้าของนางจะต้องอยู่ใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ไม่ให้แขกผู้ใดได้ชื่นชมแม้แต่น้อย แต่เมื่อเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมา หญิงสาวก็จนปัญญาจะเอ่ยค้าน ได้แต่ปล่อยให้ผู้ที่ถูกส่งตัวมาจากในวังช่วยแต่งหน้าและจัดการผมเผ้าให้ จนฝูซิ่นฮวาแทบจะจำตัวเองที่เห็นในกระจกทองเหลืองไม่ได้
ยามนี้ร่างระหงอยู่ในชุดเจ้าสาวสีแดงสดปักลายหงส์คู่ด้วยไหมสีทอง ประดับลายดอกเหมยสีชมพูอ่อนและเมฆมงคลสีเงินสลับทอง ทุกฝีปักละเอียดประณีตราวกับถูกตัดเย็บมาเพื่อองค์หญิงสูงศักดิ์โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีมงกุฎเจ้าสาวและเครื่องประดับศีรษะที่มีน้ำหนักพอสมควร ฝูซิ่นฮวาทราบมาว่าไทเฮากับสือกุ้ยเฟยเป็นผู้จัดการเรื่องเครื่องประดับทั้งหลายให้นาง โดยเฉพาะสือกุ้ยเฟยที่รู้ว่านางชอบสีขาว จึงได้เลือกสรรเครื่องประดับที่ทำจากไข่มุกและหยกขาวเกือบทั้งหมดมาให้ ความใส่ใจเหล่านี้ ฝูซิ่นฮวารู้สึกซาบซึ้งจนไม่รู้ว่าต้องกล่าวคำขอบคุณมากเท่าไหร่จึงจะพอ
จินเกาหยางเดินทางมาเคารพศาลบรรพชนของสกุลฝูตามที่พึงกระทำ แล้วจึงไปรอรับฝูซิ่นฮวาขึ้นเกี้ยวที่หน้าจวนสกุลฝูด้วยความรู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้เจ้าสาวของเขา
ฝูซิ่นเล่อเดินมารับฝูซิ่นฮวาที่นั่งคอยอยู่ ใบหน้าของนางซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ยามนี้เขาทั้งยินดีและโศกเศร้าไปพร้อม ๆ กัน ยินดีที่พี่สาวได้ออกเรือนกับคนดี ๆ อย่างเว่ยหยางอ๋อง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโศกเศร้าที่พี่สาวของตนจะต้องย้ายออกจากจวนไป
“มาเถอะขอรับท่านพี่ ข้าจะพาท่านไปขึ้นเกี้ยวเอง” ฝูซิ่นเล่อจับมือผู้เป็นพี่
“อืม” ฝูซิ่นฮวาตอบรับเสียงค่อย
ฝูซิ่นเล่อประคองพี่สาวที่เขาคอยดูแลมาทั้งชีวิตไปขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวที่รออยู่หน้าจวน แต่ละย่างก้าวทำให้ผู้ประคองและผู้ถูกประคองรู้สึกใจหายราวกับกำลังจะสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิตไป
“ข้าขอให้ท่านพี่อยู่กับเว่ยหยางอ๋องอย่างมีความสุขนะขอรับ” ฝูซิ่นเล่อกล่าวอวยพรพี่สาวเป็นครั้งแรก “ท่านอ๋องรับปากกับข้าว่าจะไม่บีบบังคับให้ท่านอยู่ในกฎเกณฑ์ใด ๆ หากเป็นเช่นนั้นได้ ข้าก็เชื่อว่าท่านพี่จะต้องมีความสุขกับชีวิตคู่ แต่ถ้าไม่ ท่านก็กลับมาอยู่ที่จวนของเรากับข้าและท่านย่าเหมือนเดิม”
“หากเกาหยางทำไม่ดีกับข้า ข้าจะต้องกลับมาหาเจ้าแน่ น้องข้า” ฝูซิ่นฮวาตอบ
“ตั้งแต่เล็กจนโต เรามีกันแค่สองคนพี่น้อง ท่านพี่เป็นทั้งพี่และแม่ให้ข้า และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป”
“เจ้าเองก็จะเป็นน้องที่ข้ารักที่สุดตลอดไป ซิ่นเล่อ”
ไทเฮาประทับรออยู่ด้านใน ไม่บ่อยนักที่พระนางจะเสด็จออกจากวังหลวง แต่ครั้งนี้ทรงยอมเสด็จมาเพื่อร่วมพิธีไหว้ฟ้าดินของพระโอรสและพระสุนิสาที่เพิ่งแต่งเข้าสกุล เห็นได้ชัดว่าไทเฮาทรงให้ความสำคัญกับฝูซิ่นฮวามากเพียงใด
หลังจากพิธีไหว้ฟ้าดินก็เสร็จสิ้นลง จินเกาหยางและฝูซิ่นฮวาก็ถูกส่งตัวเข้าหอ นางเข้ามานั่งรอจินเกาหยางอยู่บนเตียง ในขณะที่อีกฝ่ายออกไปดื่มสุราและพูดคุยกับแขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความยินดี
จินเกาหยางเพียงอยู่สนทนากับแขกที่มาร่วมงานตามมารยาท ไม่ว่าใครก็พอจะมองออกว่าเขาอยากจะกลับเข้าไปหาเจ้าสาวที่รออยู่ในห้องหอ บรรดาพี่น้องต่างมารดาและญาติทั้งหลายพากันหยอกล้อว่าเว่ยหยางอ๋องคงต้องมนตร์เสน่ห์ของพระชายาเป็นแน่ จึงได้รีบร้อนอยากจะกลับเข้าห้องหอถึงเพียงนี้
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ จินเกาหยางจึงได้กลับเข้าไปหาเจ้าสาวของเขาเสียที ทันทีที่เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก เขาก็นิ่งอึ้งไป เมื่อใบหน้าหวานที่เคยซีดเซียวบัดนี้ถูกแต่งเติมจนมีสีสัน คิ้วสวยได้รูปถูกวาดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เปลือกตาทาด้วยสีชมพูอ่อน ขับให้ดวงตาของนางดูงดงามราวผลท้อ พวงแก้มสีชมพูอ่อนยิ่งมีสีชมพูชัดขึ้น ริมฝีปากที่เคยซีดขาวเคลือบด้วยสีกลีบกุหลาบชวนให้หลงใหล
ใครหนอช่างบรรจงแต่งหน้าให้นางจนดูงดงามปานนางฟ้านางสวรรค์เช่นนี้ ใช่คนของสือกุ้ยเฟยหรือไม่ หากใช่ วันพรุ่งนี้หลังพาฝูซิ่นฮวาไปคำนับไทเฮาในวังแล้ว เขาจะตกรางวัลให้คนผู้นั้นอย่างงามเลยทีเดียว
จินเกาหยางและฝูซิ่นฮวาคล้องแขนดื่มสุรามงคลด้วยกัน และได้รับคำอวยพรให้อยู่กันยั่งยืน มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง แล้วจึงถูกปล่อยให้อยู่กันตามลำพังเพียงสองคน
ทั้งสองเงียบกันไปครู่หนึ่ง ฝูซิ่นฮวาเห็นจินเกาหยางจ้องมองนางด้วยสายตาหลงใหลเช่นนั้นก็พาให้เขินอาย จนต้องก้มหน้าหลบสายตาของเขา แต่ก็ไม่วายถูกจินเกาหยางเชยคางขึ้นมาสบตากับเขาอีกจนได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ