ตั้งแต่เสวียนชิวกลับมาถึงต้าเจาก็เรียกประชุมเหล่าแม่ทัพและกุนซือทั้งหลาย เพื่อหาทางเล่นงานพวกต้าจินอีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งเจรจาขอสงบศึกและสานสัมพันธไมตรีกับฝ่ายตรงข้าม
“ข้าต้องการบุกต้าจินให้เร็วที่สุด แม้ยามนี้เราจะยังไม่พร้อม แต่ก็ควรเร่งวางแผนไว้ก่อน เพราะอีกฝ่ายคือฝูซิ่นฮวาที่ทำให้พวกเราแพ้หมดท่ามาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง” เสวียนชิวพูดอย่างหัวเสีย
“รู้เช่นนั้นแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่พยายามพาตัวนางกลับมาต้าเจาของเราให้ได้” เสียงหนึ่งดังขึ้น เมื่อทุกคนหันไปมองก็พบกับผู้ที่เป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินต้าเจา
“ถวายบังคมฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” ข้าราชสำนักพากันคุกเข่าถวายคำนับ
“ว่าอย่างไรรัชทายาท เหตุใดจึงไม่หาทางนำตัวนางผู้นั้นกลับมาต้าเจาด้วยเล่า” เสวียนหานเฟิง ฮ่องเต้แห่งต้าเจาถามซ้ำ
“ทูลเสด็จพ่อ ลูกได้ขอสมรสพระราชทานกับฝูซิ่นฮวาจากฮ่องเต้ต้าจินแล้ว แต่ในฐานะที่พวกนั้นเป็นผู้ชนะสงคราม จึงปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้าเรา ทั้งยังพระราชทานสมรสให้ฝูซิ่นฮวากับอนุชาของตน โดยไม่เห็นแก่หน้าลูกที่ยังอยู่ในต้าจินแม้แต่น้อย”
“ก็ดี จะได้รู้กันไปว่าพวกมันไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับเราจริง ๆ” เสวียนหานเฟิงกล่าว “แต่ก็ช่างเถิด อย่างไรเสีย เราเองก็ไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับพวกนั้นอยู่แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ว่าแต่พวกเจ้าวางแผนกันไปถึงไหนแล้ว” เสวียนหานเฟิงถาม
“ทูลเสด็จพ่อ ยามนี้เราเสียเมืองหลันเจา เฮยเจา และฮุยเจาให้แก่พวกต้าจิน ลูกเห็นว่าเราควรจะยึดเมืองของเราคืนมาให้ได้ก่อน แล้วค่อยใช้วิธีเดียวกับที่พวกมันเคยทำกับเรา ยึดครองเมืองเล็กของพวกมันให้ได้มากที่สุด” เสวียนชิงตอบแทนผู้เป็นพี่ “ส่วนเรื่องเสบียงอาหาร ลูกมีคำสั่งออกไปให้ชาวบ้านหาวัวหาแกะมาเลี้ยงเพิ่ม เพื่อเป็นเสบียงแก่กองทัพของเรา”
“ดี” เสวียนหานเฟิงว่า “แต่จงจำเอาไว้ว่า การศึกสงครามนั้นมีราคาที่ต้องจ่าย ยามนี้พระคลังว่างเปล่า หากพ่ายแพ้อีก เราจะเสียเมืองอย่างแท้จริง”
“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”
เสวียนหานเฟิงไม่กล่าวสิ่งใดอีก พระองค์เสด็จออกจากห้องประชุมไปเพื่อทำหน้าที่ในส่วนของพระองค์ ยามนี้ประชาชนต้าเจาเดือดร้อนหนัก อดอยากจากการพ่ายศึกที่ผ่านมา จึงต้องเร่งหาทางเยียวยา แม้ว่าจะแทบไม่เหลือทรัพย์สินในพระคลังเลยก็ตาม
“ฝ่าบาท” เจียงกงกงถวายคำนับ “มีสารลับถึงฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“สารลับหรือ? จากใครกัน” เสวียนหานเฟิงรับสั่งถามขณะรับจดหมายมาจากเจียงกงกง
เจียงกงกงชะโงกหน้าไปกระซิบ เสวียนหานเฟิงเบิกตาขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบ แล้วรีบเดินกลับไปยังห้องทรงงานเพื่ออ่านจดหมายลับที่ถูกส่งมาจากบุคคลสำคัญของต้าจิน
ฝูซิ่นฮวานั่งอยู่ในห้องหนังสือ บนโต๊ะมีตำรายุทธศาสตร์การรบ แผนที่ และตำราเกี่ยวกับภูมิประเทศเปิดอ้าอยู่หลายเล่ม เบื้องหน้าของนางคือกระดาษที่หญิงสาวกำลังเขียนความเป็นไปได้ต่าง ๆ ที่ต้าเจาจะบุกเข้ามาโจมตี และวิธีการที่นางจะใช้ในการตั้งรับ ข้าง ๆ กาย สามีของนางกำลังช่วยฝนหมึกและอ่านตำราที่นางเปิดไว้ไปพลาง
“หากต้าเจาจะเปิดศึกกับเราคงอ้อมมาทางนี้” นางลากนิ้วไปบนแผนที่ผ่านเมืองเล็กทั้งสามที่ยึดครองมาได้ จนถึงเมืองเล็กแถบชายแดนในอาณาเขตของต้าจิน ที่อยู่ติดกับเมืองเล็กอีกเมืองของต้าเจา “ไป๋เจา”
“กบฏหรือ?”
“ใช่” ฝูซิ่นฮวาตอบ “คนของเราใช่ว่าจะไว้ใจได้ทั้งหมด ต้องคอยระวังให้ดี โดยเฉพาะคนที่จะมีส่วนได้ส่วนเสียต่อการศึกสงครามระหว่างเรากับต้าเจา”
“หรือไม่ก็อาจเป็นพวกขายชาติ รับสินบนจากต้าเจา” จินเกาหยางครุ่นคิด ในขณะที่ฝูซิ่นฮวาพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“จุดเสียเปรียบของเราข้อนี้เป็นจุดที่ต้องระมัดระวังให้มากที่สุด และก็หาตัวคนทรยศได้ยากที่สุดเช่นกัน” หญิงสาวมีสีหน้าเคร่งเครียด “ท่านช่วยจับตาดูทุกคนในราชสำนักได้หรือไม่”
“นั่นเป็นสิ่งที่ข้าทำมาโดยตลอด เจ้าอย่าได้กังวล” จินเกาหยางตอบ
“ส่วนคนในกองทัพ ข้าจะให้ซิ่นเล่อคอยจับตาดูเอง”
“ฮูหยินของข้าช่างรอบคอบยิ่งนัก ใครจะโชคดีมีวาสนาเท่าข้า ที่ได้เจ้ามาเป็นภรรยา” จินเกาหยางเอ่ยชม
“ทำเป็นพูดดี หากข้ามีลูกไม่ได้แล้วอย่ามาว่าข้าทีหลังก็แล้วกัน”
“ข้าขยันขันแข็งกับเจ้าทุกคืนเช่นนี้ ถ้าลูกข้ามันจะดื้อด้านไม่ยอมมาเกิด ก็ให้มันรู้ไปสิ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ