เหมยฮวาบัญชาการ นิยาย บท 29

ทหารใหม่ที่ฮ่องเต้พระราชทานให้เข้าร่วมในทัพไป๋หู่กำลังอยู่ในระหว่างการฝึกซ้อม แม้ฝูซิ่นเล่อที่หายดีแล้ว แต่ในฐานะที่ฝูซิ่นฮวาเป็นกุนซือและผู้บัญชาการ นางก็ยังต้องเข้ากองทัพมาดูแลเรื่องระเบียบวินัยต่าง ๆ ร่วมกับฝูซิ่นเล่อด้วย

พลทหารใหม่ทุกคนพอจะทราบมาบ้างแล้วว่า กุนซือแห่งทัพไป๋หู่ที่ควบตำแหน่งผู้บัญชาการเป็นสตรี และเป็นโหวหญิงคนแรกแห่งแผ่นดินต้าจิน แต่ในวันที่นางขี่ม้านำทัพกลับเข้าเมืองหลวง พวกเขาอยู่ระหว่างการคัดเลือกทหารใหม่จึงไม่ได้เห็นหน้าค่าตาของนาง แต่ละคนจินตนาการไปว่าสตรีที่ใช้ชีวิตในกองทัพ คงเป็นสตรีเก่งกล้าและแข็งแกร่งองอาจไม่แพ้บุรุษ คาดไม่ถึงว่ากุนซือฝูที่ได้เห็นในวันนี้ จะกลายเป็นสตรีรูปร่างผอมบางท่าทางอ่อนแอขี้โรค

ทัพไป๋หู่อยู่ภายใต้การบัญชาการของสตรีเช่นนี้ได้อย่างไร

“ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นใครมาจากไหน หรือเคยใช้กฎระเบียบแบบใดมาก่อน ยามนี้เมื่อมาอยู่ในทัพไป๋หู่ก็ต้องยึดมั่นในกฎเกณฑ์เดียวกันกับเรา” เฉาเทียนประกาศ “และกฎข้อแรกที่พวกเจ้าทุกคนต้องจำไว้ให้ขึ้นใจ ที่นี่ท่านกุนซือมีอำนาจเด็ดขาดเทียบเท่าท่านแม่ทัพ ขัดคำสั่งท่านกุนซือมีโทษเท่าขัดคำสั่งท่านแม่ทัพ และโทษของการฝ่าฝืนคำสั่งท่านแม่ทัพ คือตาย!”

พลทหารใหม่ต่างลอบมองหน้ากัน ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เฉาเทียนประกาศนั้นเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเพียงคำขู่กันแน่ พวกเขารู้ดีว่าในหลาย ๆ กองทัพ การขัดคำสั่งของแม่ทัพอาจนำมาซึ่งโทษประหาร แต่การขัดคำสั่งของกุนซือแห่งทัพไป๋หู่นั้นต้องโทษประหารด้วยหรือ?

บางทีเรื่องที่ว่านี้อาจเป็นเพียงคำขู่ เพื่อให้พลทหารใหม่เคารพยำเกรงกุนซือผู้อ่อนแอก็เป็นได้

ฝูซิ่นฮวาเดินดูทหารใหม่กองหนึ่งที่กำลังซ้อมรบ แม้หน้าที่ของนางคือการวางกลศึก แต่ก็ต้องทำความรู้จักกับเหล่าทหาร เพื่อให้รู้พื้นฐานความสามารถของทหารแต่ละกอง รวมไปถึงจุดอ่อนจุดแข็งและความสามารถที่โดดเด่น จะได้เลือกใช้ทหารได้เหมาะสมกับสถานการณ์

“ทหารกองนี้มีจำนวนเท่าไหร่” ฝูซิ่นฮวาหันมาถามเฉาเทียนที่เดินอยู่ข้างกาย

“หนึ่งพันคนขอรับ” เฉาเทียนตอบ

“โดยรวมเป็นอย่างไรบ้าง”

“เกือบทั้งหมดเป็นทหารใหม่ ต้องฝึกฝนทั้งเรื่องระเบียบวินัยและฝีมือในการต่อสู้”

“คงอีกพักใหญ่กว่าฝีมือจะพัฒนา” ฝูซิ่นฮวาประเมินจากการมองเหล่าทหารที่ดูเหมือนจะยังจับอาวุธไม่ถูกวิธีด้วยซ้ำ

ใกล้กันนั้นพลทหารกลุ่มหนึ่งท่าทางยโสโอหังคล้ายอันธพาลข้างถนน ไม่สนใจฝึกซ้อมเช่นทหารคนอื่น มัวแต่นั่งกวัดแกว่งอาวุธในมือเล่น พูดคุยหยอกล้อกัน ไม่ได้จริงจังกับการฝึกแม้แต่น้อย

“ดูสิว่าใครมา” คนที่ท่าทางยโสที่สุดเอ่ยกับพวกพ้องของตน “ใช่กุนซือฝูคนงามหรือเปล่า”

ว่าแล้วพวกเขาก็พากันหัวเราะ ฝูซิ่นฮวาเห็นพลทหารกลุ่มนั้นไม่สนใจฝึกซ้อม ทั้งยังมองนางด้วยสายตาดูแคลนคล้ายไม่ยอมรับในตัวนาง ดวงตาคมจึงจับจ้องไปยังกลุ่มคนเหล่านั้น

“เหตุใดคนกลุ่มนั้นจึงไม่ฝึกซ้อม” ฝูซิ่นฮวาถาม “หัวหน้ากองอยู่ที่ใด ไยไม่ดูแลทหารของตน”

เฉาเทียนมีสีหน้าเอือมระอาก่อนจะเอ่ยตอบ “คนที่กำลังหัวเราะคือจงหาน บุตรชายคนเล็กของเสนาบดีจง เป็นหัวหน้ากองของทหารกองนี้ขอรับ”

“ที่แท้เป็นน้องชายคนเล็กของฮองเฮานี่เอง” ฝูซิ่นฮวาพึมพำเบา ๆ “ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน เมื่อมาเป็นทหารในกองทัพข้า ก็ต้องเคารพในกฎกติกาของกองทัพ เส้นสายใด ๆ ก็ใช้ที่นี่ไม่ได้ทั้งนั้น”

ว่าแล้วฝูซิ่นฮวาก็เดินเข้าไปหาจงหานพร้อมกับเฉาเทียนและทหารองครักษ์กลุ่มใหญ่

“พวกเจ้าเป็นทหารใหม่ เหตุใดจึงมัวมานั่งเล่น ไม่สนใจการฝึกซ้อม” ฝูซิ่นฮวาถาม

จงหานลุกขึ้นแล้วเข้ามาหานางด้วยรอยยิ้มเยาะ ท่าทางคล้ายคนไม่ได้รับการอบรบสั่งสอน

“สตรีบอบบางเช่นกุนซือไม่ควรออกมาเดินตากแดดตากลมเช่นนี้ เกรงว่าจะป่วยไข้ไม่สบาย แล้วจะไม่มีใครช่วยวางกลศึกให้กองทัพ” จงหานพูดจาด้วยน้ำเสียงยียวน เจตนายั่วโทสะฝูซิ่นฮวา

“ข้าทำหน้าที่ในส่วนของข้าได้ดีเสมอ แต่เกรงว่าเจ้าอาจจะยังไม่เข้าใจหน้าที่ในส่วนของตน” นางเอ่ยเสียงเรียบ “พลทหารอื่นซ้อมรบ แต่หัวหน้ากองเช่นเจ้ากลับเล่นสนุก สนทนาเฮฮากับพวกพ้องเป็นเรื่องที่สมควรแล้วหรือ”

“ข้าก็แค่พักผ่อน” จงหานกล่าว “บิดาของข้าส่งข้าและไพร่พลหนึ่งพันนายมาเข้าร่วมกองทัพ เพื่อเป็นตัวแทนของฮองเฮา ไม่ได้ส่งมาเป็นพลทหารชั้นต่ำอย่างที่เจ้าเข้าใจ”

“ทหารใหม่ก็คือทหารใหม่ ไม่สำคัญว่าเจ้าจะมาจากตระกูลใด ฐานะสูงส่งแค่ไหน เมื่อเจ้าเข้าร่วมกับกองทัพ เจ้าก็คือทหารของข้า ข้าสั่งให้ฝึกซ้อม เจ้าก็ต้องฝึกซ้อม”

“ถ้าข้าไม่ทำตามคำสั่ง ท่านกุนซือคนสวยจะเช่นไรกับข้า”

“ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งข้า มีโทษเท่ากับไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของแม่ทัพ”

“โทษนั้นคือ...?”

“ตาย”

น้ำเสียงของฝูซิ่นฮวานิ่งเรียบ จงหานมองหญิงสาวราวกับนางกำลังพูดเรื่องตลกแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ข้าเป็นน้องชายร่วมสายเลือดของฮองเฮา บิดาข้าเป็นเสนาบดีและเป็นพ่อตาของฮ่องเต้ เจ้าอาศัยอำนาจใดมาสั่งฆ่าข้า” จงหานถาม

“อาศัยอำนาจที่ข้าเป็นกุนซือและผู้บัญชาการของทัพไป๋หู่”

“ข้าเป็นน้องชายของฮองเฮา กล้าล่วงเกินข้า พวกเจ้าต้องตาย!”

“อุดปากเอาไว้ด้วย!” เฉาเทียนสั่งอย่างรำคาญ

จงหานถูกควบคุมตัวเอาไว้ ไร้หนทางจะต่อสู้ เขาไม่อาจขัดขืนทหารองครักษ์รูปร่างสูงใหญ่กำยำได้ ฝูซิ่นฮวาเชิดหน้าขึ้น ขณะมองจงหานถูกพาตัวไปยังลานพิจารณาโทษ

เมื่อมาถึงลานพิจารณาโทษ พลทหารทั้งเก่าและใหม่ต่างยืนเข้าแถวเรียงรายรอฟังการพิจารณาความผิดของจงหาน พลทหารใหม่หลายคนแอบคิดในใจว่าฝูซิ่นฮวาเพียงแค่ขู่เท่านั้นอย่างไรเสียหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ผู้นี้ก็คงไม่กล้าตัดสินโทษตายให้ผู้ที่เป็นถึงน้องชายของฮองเฮาเป็นแน่

ฝูซิ่นเล่อ นายกอง และหัวหน้ากองทหารทั้งหมดต่างมากันอย่างพร้อมเพรียง แม่ทัพหนุ่มก้าวขึ้นมายืนเคียงข้างผู้เป็นพี่ ขณะที่จงหานถูกบังคับให้นั่งคุกเข่าอยู่กลางลานพิจารณาโทษ

“จงหาน เจ้าเป็นทหารใหม่ แต่กลับไม่สนใจการฝึกซ้อม ไม่เชื่อฟังคำสั่งของกุนซือ ทั้งยังออกคำสั่งให้ทหารในกองของตนทำร้ายนาง เจ้าจะยอมรับความผิดข้อนี้หรือไม่” เฉาเทียนถาม

“ข้าทำแล้วอย่างไร! พวกเจ้ากล้าทำเช่นนี้กับข้า บิดาข้าต้องไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่!”

“ที่นี่เป็นกองทัพทหาร หาใช่จวนเสนาบดีจง แม้แต่บิดาเจ้าก็ไม่มีอำนาจที่นี่!” ฝูซิ่นเล่อตวาด

“ข้าเป็นน้องของฮองเฮา หากฆ่าข้า ฮองเฮาจะต้องประหารพวกเจ้าทุกคน!”

“กว่าฮองเฮาจะมาประหารเรา เราก็คงประหารเจ้าแล้ว” ฝูซิ่นฮวากล่าวเสียงเรียบ

“บิดากับพี่สาวข้าจะต้องไม่ละเว้นพวกเจ้า!” จงหานเริ่มลนลานมากขึ้นทุกที “ท่านพ่อ ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย!”

“ที่นี่ไม่มีทั้งบิดาและพี่ของเจ้า” ฝูซิ่นเล่อกล่าว “เจ้าทำผิดกฎของกองทัพ ละเลยการฝึกซ้อม ลบหลู่กุนซือ ทั้งยังคิดจะทำร้ายนาง โทษของเจ้าคือประหาร!”

กฎของกองทัพคือความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดที่ทำให้ทหารอยู่ร่วมกันอย่างมีระเบียบวินัย หากวันนี้ฝูซิ่นเล่อและฝูซิ่นฮวาละเว้นจงหาน ก็จะเป็นตัวอย่างให้ทหารคนอื่นในกองทัพปฏิบัติตามจนเสียการปกครอง และการที่พี่น้องสกุลฝูจะปกครองทหารนับแสนนายได้นั้น สิ่งที่พวกเขาต้องมีคือความเด็ดขาด แม้ว่ามันอาจทำให้พวกเขาต้องมีปัญหากับฮองเฮาและเสนาบดีจงก็ตาม

“ประหาร!”

สิ้นสุดคำนั้น ศีรษะของจงหานก็ขาดกระเด็นออกจากร่างทันที!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ