จินเกาหยาง ฝูซิ่นฮวา และฝูซิ่นเล่อกำลังเผชิญหน้ากับเสนาบดีจงและฮองเฮาที่มาร้องขอความเป็นธรรมจากฮ่องเต้ ในการตัดสินโทษประหารจงหาน
“หมิงยู่โหวตัดสินโทษบุตรชายของกระหม่อมเกินความผิด หานเอ๋อร์เพียงแค่พักจากการฝึกซ้อมแต่หมิงยู่โหวกลับสั่งประหารเขา ขอฝ่าบาทโปรดเมตตา คืนความเป็นธรรมให้กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ” จงหุยคุกเข่าโขกศีรษะด้วยความเจ็บแค้น ในขณะที่ฮองเฮาร้องห่มร้องไห้
“ฝ่าบาทโปรดเมตตาด้วยเพคะ น้องชายของหม่อมฉันเข้ากองทัพหวังรับใช้บ้านเมือง แต่กลับต้องมาจบชีวิตอย่างน่าอนาถ เพียงเพราะขัดใจคนสกุลฝู!”
“เจ้าว่าน้องชายของเจ้าต้องโทษประหารเพียงเพราะขัดใจคนสกุลฝูเช่นนั้นหรือ” จินหยางหลงถามอย่างใจเย็น
“เพคะ ขอฝ่าบาทคืนความเป็นธรรมให้สกุลจงด้วย”
“ช่างกล้าพูด!” จินหยางหลงตบโต๊ะเสียงดังด้วยความโมโห “เป็นทหาร แต่ไม่เคารพกฎของกองทัพไม่เชื่อฟังคำสั่งของกุนซือ เจ้าเห็นระเบียบวินัยในกองทัพเป็นเรื่องล้อเล่นหรืออย่างไร!”
“ฝ่าบาท!”
“ข้าให้คนไปสืบความในทัพไป๋หู่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ทหารในกองทัพล้วนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าจงหานละเลยการฝึกซ้อม วางอำนาจบาตรใหญ่กับเหล่าทหารด้วยกัน โดยอ้างความเป็นน้องชายของฮองเฮา ฝูซิ่นฮวาเข้าไปตักเตือนให้ฝึกซ้อมก็คิดจะทำร้ายนาง นี่น่ะหรือที่พวกเจ้าสองพ่อลูกคิดว่าเป็นเพียงความผิดเล็กน้อย!”
“ฝ่าบาท ทหารของทัพไป๋หู่ก็ย่อมต้องเข้าข้างหมิงยู่โหว ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” จงหุยว่า
“คนของข้าไปสืบความจากทหารหนึ่งพันนายที่เจ้าส่งเข้าร่วมทัพไป๋หู่ เช่นนี้แล้ว เจ้ายังกล้าพูดอีกหรือไม่ว่าคนพวกนั้นเข้าข้างฝูซิ่นฮวา!”
จงหุยถึงกับนิ่งอึ้ง คิดไม่ถึงว่าคนของตนจะเป็นผู้รายงานความผิดของจงหานให้ฮ่องเต้ทรงทราบ
“แม้หานเอ๋อร์จะทำผิดจริง แต่การทำผิดเพียงแค่ละเลยการฝึกซ้อม หากหมิงยู่โหวไม่พอใจ ก็น่าจะให้เขาออกจากกองทัพแล้วส่งเขากลับบ้าน ไม่น่าถึงขั้นประหารพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าเป็นถึงเสนาบดี เหตุใดจึงคิดไม่ได้ว่าการกระทำเช่นนั้นจะทำให้ทัพไป๋หู่เสียการปกครอง!” จินหยางหลงเริ่มกริ้วมากขึ้นทุกที “กฎข้อบังคับและระเบียบวินัยคือความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของกองทัพ ข้ามอบอำนาจเด็จขาดในทัพไป๋หู่ให้ฝูซิ่นเล่อและฝูซิ่นฮวา แต่ลูกชายของเจ้ากลับขัดคำสั่งฝูซิ่นฮวาต่อหน้าทหารนับพัน หากนางไม่ลงโทษให้เห็นเป็นตัวอย่าง แล้วจะปกครองทหารหลายแสนนายได้อย่างไร!”
“แต่...”
“ยังจะกล้าเถียงอีกเรอะ!”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของจินหยางหลงทำให้จงหุยกับฮองเฮาถึงกับเงียบเสียงลง ดวงตาของจงหุยยังเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ส่วนฮองเฮาก็จ้องมองฝูซิ่นฮวาอย่างชิงชัง
“หากเจ้าไม่พร้อมจะให้ลูกรับกฎระเบียบของกองทัพ ก็ไม่ควรส่งจงหานไปเข้าทัพไป๋หู่ตั้งแต่แรก แต่ในเมื่อได้ทำลงไปแล้ว ก็จงยอมรับผลที่ตามมา”
จงหุยได้แต่ก้มหน้ากัดฟันตอบ “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
จินหยางหลงถอนหายใจ “เอาเถอะ อย่างไรข้าก็ขอแสดงความเสียใจกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับสกุลจง”
“เป็นพระกรุณาพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าอนุญาตให้เจ้าหยุดงานได้หนึ่งเดือน เพื่อจัดการพิธีศพให้ลูกชาย ส่วนฮองเฮา หากจะกลับไปร่วมพิธีศพของน้องชาย ข้าก็ไม่ว่าอะไร” จินหยางหลงพยายามรักษาน้ำใจของคนสกุลจงเท่าที่จะทำได้
“เป็นพระกรุณาเพคะ” ฮองเฮากัดฟันตอบทั้งน้ำตา
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าจะกลับไปทำงานต่อ” จินหยางหลงลุกขึ้นยืน “อะไรที่แล้วไปแล้ว ก็ให้แล้วกันไป อย่าได้ผูกใจเจ็บกันอีกเลย รังแต่จะทำให้เกิดความบาดหมางขัดแย้งกันเองในราชสำนักเสียเปล่า ๆ”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“เพคะฝ่าบาท”
จินหยางหลงเดินออกจากห้องทรงงานไป คนที่เหลือต่างส่งเสด็จพร้อมถวายคำนับแด่องค์ฮ่องเต้ ทันทีที่จินหยางหลงพ้นจากท้องพระโรง จงหุยก็ก้าวเข้ามาหาฝูซิ่นฮวาทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ