เหมยฮวาบัญชาการ นิยาย บท 32

เสนาบดีจงและครอบครัวยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ให้จงหาน จึงมิได้อยู่ร่วมออกความเห็นในการฟื้นฟูเมืองเล็กทั้งสาม แต่เป็นเช่นนั้นก็ดี เพราะเขาเองก็ไม่ต้องการออกความเห็นใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยเกรงว่าอาจทำให้สิ่งที่กำลังกระทำอยู่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

ฮองเฮาได้รับพระราชทานอนุญาตจากฮ่องเต้เป็นพิเศษให้กลับมาเยี่ยมบ้าน เพื่อร่วมไว้ทุกข์ให้น้องชายร่วมสายเลือด ทว่านางกลับมิได้โศกเศร้าเสียใจดังเช่นที่อยู่เบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ เนื่องด้วยน้องชายผู้นี้เป็นน้องชายต่างมารดาที่เกิดจากฮูหยินคนใหม่ที่แต่งเข้ามาหลังจากที่มารดาของนางเสียชีวิต ยามนี้สีหน้าและแววตาของฮองเฮาจึงเปี่ยมด้วยความเจ็บแค้นมากกว่าโศกเศร้าไม่ต่างไปจากบิดา เหตุใดครอบครัวของผู้ที่เป็นถึงฮองเฮาเช่นนาง จึงต้องพ่ายแพ้ให้กับพวกคนสกุลฝู

“ท่านพ่อคิดจะจัดการกับพวกสกุลฝูอย่างไรเจ้าคะ” ฮองเฮาถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ เมื่อบิดาเอาแต่จ้องมองไปยังป้ายวิญญาณของน้องชายโดยไม่เอ่ยสิ่งใดมาเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว

“เลือดต้องล้างด้วยเลือด ฝูซิ่นเล่อกับฝูซิ่นฮวาตัดหัวน้องเจ้า ข้าก็จะเอาหัวของพวกมันมาเซ่นสังเวยวิญญาณของหานเอ๋อร์!” จงหุยตอบเสียงเหี้ยม

เดิมทีเขาตั้งใจจะส่งจงหานและพลทหารหนึ่งพันนายไปเข้าร่วมทัพไป๋หู่ เพื่อคอยสืบเรื่องภายในกองทัพ และหาทางใช้ทหารหนึ่งพันนายก่อเรื่องวุ่นวายให้ฝูซิ่นเล่อกับฝูซิ่นฮวา แต่กลับกลายเป็นว่าบุตรชายของเขาถูกตัดหัว ส่วนทหารหนึ่งพันนายก็ถูกยึดเข้าทัพไป๋หู่ โดยไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าเป็นสายให้เขา ด้วยกลัวว่าจะมีชะตากรรมเช่นเดียวกับจงหาน

“ได้ยินว่าฝูซิ่นเล่อกับฝูซิ่นฮวากำลังจะออกเดินทางไปหลันเจา เราฉวยโอกาสนี้ลอบสังหารพวกมันได้หรือไม่เจ้าคะ”

“คิดอะไรโง่ ๆ” จงหุยว่า “หากลงมือยามนี้ คนที่จะตกเป็นผู้ต้องสงสัยที่สุดก็คงหนีไม่พ้นพวกเรา อีกทั้งฝูซิ่นเล่อกับฝูซิ่นฮวายังเดินทางไปพร้อมทหารจากทัพไป๋หู่อีกห้าพันนาย ยากจะเข้าถึงตัวได้ ไม่สู้ว่าให้พวกนั้นไปถึงหลันเจาก่อน แล้วส่งยอดฝีมือเข้าไปลอบสังหาร โดยทำให้ดูเหมือนเป็นฝีมือของคนในหลันเจาไม่ดีกว่าหรือ”

“จริงด้วยเจ้าค่ะ” ฮองเฮาเห็นด้วย “ฆ่าฝูซิ่นฮวา ให้ฝูซิ่นเล่อคิดว่าเป็นฝีมือของพวกต้าเจาจนอาละวาดเปิดศึกกับต้าเจาอีกครา เมื่อนั้นคงไม่แคล้วถูกฮ่องเต้ยึดตราพยัคฆ์และกองทัพคืน จนแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่กลายเป็นคนสิ้นอำนาจ”

ฮองเฮาหัวเราะออกมาด้วยความพอใจ

“ทางด้านของพี่ใหญ่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะท่านพ่อ” ผู้เป็นบุตรีถาม เมื่อนึกถึงพี่ชายคนโตขึ้นมาได้

“ข้าให้พี่เจ้าไปทำงานสำคัญงานหนึ่ง”

“งานอะไรหรือเจ้าคะ”

“ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะรู้”

ฮองเฮาเม้มริมฝีปาก คำตอบของผู้เป็นพ่อทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากโต้เถียง ได้แต่เก็บงำความไม่พอใจไว้ข้างใน ด้วยยังหวั่นเกรงต่อบิดาของตนอยู่ นางรู้ดี แม้นางจะเป็นฮองเฮาแล้ว แต่หากทำสิ่งใดให้บิดาไม่พอใจ เขาก็สามารถกระชากนางลงมาจากตำแหน่งฮองเฮาได้ทุกเมื่อ

“เช่นนั้นลูกคงต้องลาท่านพ่อกลับวังก่อน” นางกล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืนคำนับบิดา

“เดินทางปลอดภัย”

“เจ้าค่ะ ลูกจะรอฟังข่าวดีจากท่านพ่อ”

ฮองเฮาเดินออกจากจวนไปขึ้นรถม้า จงหุยมองตามบุตรีของตนไปจนลับสายตา

เมื่อขบวนของฮองเฮาเคลื่อนออกจากจวนไป คนของจงหุยก็ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมจดหมายฉบับหนึ่งในมือ

“จดหมายจากคุณชายใหญ่ขอรับ”

“เอามา” จงหุยรีบรับจดหมายจากบุตรชายคนโตมาอ่านทันที

ชายชราไล่สายตาอ่านข้อความในจดหมายทุกตัวอักษร รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปาก สิ่งที่อยู่ในจดหมายนี้ คือสิ่งที่เขาและบุตรชายคนโตกำลังทำโดยมิอาจให้ฮองเฮาล่วงรู้ ด้วยเกรงว่าการใหญ่นี้อาจรั่วไหลไปถึงฮ่องเต้ได้

ยามนี้จงหุยพร้อมสละได้ทุกสิ่ง ไม่เว้นแม้แต่บุตรีของตน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ