ชาวบ้านที่กำลังต่อแถวรอรับอาหารต่างแตกตื่นวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง ในขณะที่คนอีกกลุ่มหนึ่งตรงเข้าต่อสู้กับทหารองครักษ์ของฝูซิ่นฮวา หญิงสาวประเมินเหตุการณ์เบื้องหน้า ดูจากวิธีการต่อสู้และวรยุทธ์ของคนร้ายแล้ว มั่นใจได้เลยว่าคนเหล่านี้หาใช่ชาวบ้านธรรมดา แต่เป็นนักฆ่าที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี แววตาฝูซิ่นฮวาพลันเยือกเย็น พยายามคิดว่าวิชาการต่อสู้ของนักฆ่าที่เห็นอยู่นี้ เป็นการต่อสู้แบบใด
ฝูซิ่นเล่อเห็นคนร้ายพยายามเล่นงานพี่สาวของตนก็รีบตรงเข้ามาช่วย ชายหนุ่มมองเข้าไปในวงล้อมของทหารองครักษ์ เห็นฝูซิ่นฮวายืนสงบนิ่งไม่ไหวติง มองดูทหารองครักษ์ต่อสู้กับคนร้ายที่กำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ คาดว่าคนร้ายคงคิดไม่ถึงว่าฝูซิ่นฮวาจะมีองครักษ์มากมายถึงเพียงนี้
ครั้งนี้ต้องขอบคุณความห่วงใยเกินกว่าเหตุของเว่ยหยางอ๋องโดยแท้
“จับเป็นให้หมดทุกคน! จุดอ่อนของคนร้ายอยู่ที่ข้อมือข้างขวา จะหักแขนหรือตัดแขนพวกมันก็แล้วแต่พวกเจ้า จากนั้นโจมตีศูนย์รวมพลังปราณที่หน้าอก!” ฝูซิ่นฮวาตะโกนสั่งการ
ทันทีที่ได้รับคำสั่ง ทหารองครักษ์ก็ไม่รอช้า รีบโจมตีตามที่ฝูซิ่นฮวาสั่ง แม้แต่เหล่าคนร้ายยังพากันตกใจที่ฝูซิ่นฮวามองเห็นจุดอ่อนของพวกตน ไหนว่านางเป็นเพียงสตรีอ่อนแอขี้โรคที่ไม่รู้วรยุทธ์ เหตุใดจึงรู้จุดอ่อนของพวกเขาได้
วิชาการต่อสู้ที่คนร้ายกำลังใช้อยู่ในตำราที่ฝูซิ่นฮวาเคยอ่าน การต่อสู้ลักษณะนี้จะเน้นการเคลื่อนไหวที่ข้อมือข้างขวาเป็นหลัก แม้แต่ผู้ที่ถนัดซ้ายก็ยังต้องใช้มือขวาสำหรับวิชานี้ หากทำลายมือขวาได้ ก็จะสามารถโจมตีศูนย์รวมพลังปราณของคนร้ายซึ่งอยู่ที่หน้าอกได้สำเร็จ
เสียงร้องของบรรดานักฆ่าดังระงมไปทั่วบริเวณ บ้างถูกหักแขน บ้างถูกตัดแขน แล้วยังถูกโจมตีจุดสำคัญจนสิ้นท่า หมดหนทางต่อสู้ ถูกควบคุมตัวไว้ได้ทุกคน
“ต่อให้ข้าถาม พวกเจ้าก็คงจะไม่ยอมบอกว่าใครเป็นคนที่ส่งพวกเจ้ามา ดีไม่ดีพวกเจ้าคงไม่รู้ด้วยซ้ำกระมังว่าแท้จริงแล้ว ใครกันแน่ที่ต้องการเอาชีวิตข้า” ฝูซิ่นฮวาพูดเสียงเรียบ ขณะมองคนร้ายที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าในสภาพสะบักสะบอม
“จะฆ่าก็ฆ่า ไยต้องพูดให้มากความ” นักฆ่าคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“เพราะข้าต้องการให้ชาวเมืองหลันเจารู้ว่า พวกเขาถูกพวกเจ้าใส่ความ” หญิงสาวตอบ ก่อนจะหันไปหาชาวเมืองหลันเจาที่ถูกเรียกมา
“ชาวเมืองหลันเจาทั้งหลาย กลุ่มคนที่เจ้าเห็นอยู่นี้คือนักฆ่าที่ถูกส่งมาเพื่อฆ่าข้า แล้วป้ายความผิดให้พวกเจ้า บางทีอาจมีเจตนาเพื่อจุดชนวนสงครามระหว่างต้าจินกับต้าเจาขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในหลันเจา พวกเจ้าคงพอเดาออกใช่หรือไม่ ว่าหากข้าตายที่นี่ จะเกิดอะไรขึ้น”
ชาวเมืองหลันเจาต่างนิ่งเงียบ ทุกคนรู้ดีว่าฝูซิ่นฮวาเป็นคนสำคัญของต้าจิน ดีไม่ดีฮ่องเต้จะเห็นนางสำคัญยิ่งกว่าฮองเฮาด้วยซ้ำ หากนางต้องมาตายที่นี่ ด้วยน้ำมือของคนที่อ้างตัวว่าเป็นชาวเมืองหลันเจา พวกเขาคงไม่แคล้วถูกประหารทั้งเมืองเป็นแน่
“หากไม่เชื่อคำข้า จงมองดูใบหน้าของคนเหล่านี้ แล้วบอกข้าว่ามีคนใดบ้างที่พวกเจ้ารู้จัก” ฝูซิ่นฮวาท้า
ชาวเมืองหลายคนต่างมองกลุ่มคนที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าฝูซิ่นฮวา ยามนี้ทุกคนอาศัยอยู่ในค่ายที่ทหารทัพไป๋หู่ตั้งขึ้น ต่อให้ไม่เคยรู้จักกัน ก็ย่อมต้องเคยเห็นหน้าเมื่อมาอยู่ร่วมกันในค่ายแห่งนี้ แต่ในกลุ่มคนเหล่านั้นกลับไม่มีใครสักคนที่พวกเขาคุ้นหน้าคุ้นตา ทำให้ชาวเมืองหลันเจาเจ็บใจยิ่งนัก เมื่อคิดว่าพวกตนต้องโทษอย่างไร หากคนพวกนี้ลงมือฆ่าฝูซิ่นฮวาได้สำเร็จ
“อย่าไปฟังนาง!” ชายคนร้ายผู้หนึ่งตะโกนขึ้น “หากไม่ใช่เพราะนาง หลันเจาก็ไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เราต้องฆ่านาง เพื่อเอาเลือดของสตรีผู้นี้มาชดใช้ให้กับสิ่งที่เราต้องสูญเสีย!”
สิ้นถ้อยคำนั้น ฝูซิ่นเล่อก็ชกหน้าชายผู้นั้นอย่างแรงจนล้มลงไปกองกับพื้น
“ถึงขั้นนี้แล้วยังกล้าปลุกระดมชาวบ้าน ช่างเป็นนักฆ่าที่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ของตนเสียจริง” ฝูซิ่นเล่อพูดด้วยน้ำเสียงดูแคลน “พี่สาวข้าหาใช่คนที่ทำให้หลันเจาต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หากจะโทษ ก็โทษรัชทายาทกับองค์ชายรองแห่งต้าเจา ที่เป็นฝ่ายเผาเมืองของตัวเองโดยไม่ห่วงใยชาวบ้าน เพียงเพราะต้องการเอาชนะพี่สาวข้าเพียงเท่านั้น!”
ชาวเมืองหลันเจาต่างครุ่นคิดตามคำพูดของฝูซิ่นเล่อ ปฏิเสธไม่ได้ว่าในใจของพวกเขาก็คิดมานานแล้วว่าระหว่างรัชทายาทกับองค์ชายรองที่เผาเมืองได้โดยแทบไม่กะพริบตา กับฝูซิ่นฮวาที่ไม่เคยทำร้ายชาวเมืองหลันเจา ทั้งที่เป็นผู้ยึดครองเมืองได้ ใครกันแน่ที่เป็นศัตรูและเป็นอันตรายต่อพวกเขา
“นับตั้งแต่ยึดเมืองหลันเจาได้ ข้าไม่เคยทำร้ายชาวบ้านแม้แต่คนเดียว ยามนี้ข้าทูลขอฮ่องเต้เพื่อมาฟื้นฟูเมืองให้พวกเจ้า คิดว่าข้าเป็นศัตรูของพวกเจ้าจริง ๆ หรือ” ฝูซิ่นฮวาถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ