จินเกาหยางควบม้าออกจากขบวน ทิ้งทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง ไม่รอแม้กระทั่งทหารองครักษ์ ยามนี้ไม่ว่าสิ่งใดก็มิอาจเทียบความห่วงใยที่เขามีต่อฝูซิ่นฮวาได้ แม้พลส่งข่าวจะแจ้งว่าชายาของเขาปลอดภัยดี แต่นั่นก็มิอาจทำให้ใจของจินเกาหยางสงบลงได้ หากมิได้ไปอยู่ข้างกายและปกป้องคุ้มครองนางด้วยตัวเอง
พายุลูกใหญ่เบื้องหน้าคือสิ่งที่จินเกาหยางต้องเผชิญ แม้สายฝนจะโหมกระหน่ำเพียงใด เขาก็หาได้หวั่นเกรง หวาดหวั่นห่วงใยเพียงความปลอดภัยของฝูซิ่นฮวาเท่านั้น เขาพักกินอาหาร ดื่มน้ำ และเปลี่ยนม้าตามจุดพักม้าต่าง ๆ แล้วออกเดินทางต่อโดยไม่ฟังเสียงห้ามปรามของใครทั้งสิ้น
สายฝนตกกระหน่ำติดต่อกันถึงสามวันสามคืน จินเกาหยางมาถึงเมืองหลันเจาในคืนวันที่สาม ขณะที่ฝูซิ่นฮวากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในกระโจม
“พระชายาเพคะ!” ซูจื่อลู่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา “พลทหารมารายงานว่าท่านอ๋องเสด็จมาถึงแล้ว”
“ยามนี้น่ะหรือ” ฝูซิ่นฮวาลุกจากเก้าอี้ ตกใจไม่น้อยที่สามีของตนมาถึงเมืองหลันเจา เสียงลมพายุและเสียงฟ้าฝนกระหน่ำยังดังให้ได้ยินอย่างต่อเนื่อง แล้วสามีของนางเดินทางฝ่าพายุมาได้อย่างไร
“เหมยเหมย!”
จินเกาหยางเดินเข้ามาในกระโจมของฝูซิ่นฮวาอย่างรีบร้อน เนื้อตัวเปียกโชกตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า จนแทบไม่เหลือภาพเว่ยหยางอ๋องผู้น่าเกรงขามเลยสักนิด
“ท่านพี่!” ฝูซิ่นฮวารีบเดินมาหาจินเกาหยางทันที นางมองเขาอย่างเป็นกังวล ก่อนจะหันไปสั่งสาวใช้
“เตรียมน้ำอุ่นกับเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ท่านอ๋อง”
“แต่ท่านอ๋องเดินทางมาคนเดียว ไม่มีเสื้อผ้าติดมาด้วย”
“เช่นนั้นก็ไปขอยืมจากท่านแม่ทัพ”
“เพคะ”
ซูจื่อลู่วิ่งออกจากกระโจมไปพร้อมร่มเคลือบน้ำมัน ในขณะที่ซูก้านลู่ไปหาผ้ามาให้จินเกาหยางเช็ดเนื้อเช็ดตัว
“เจ้าไปเตรียมน้ำอุ่นได้แล้ว ที่เหลือข้าจัดการเอง” ฝูซิ่นฮวากล่าว
“เพคะพระชายา”
ซูก้านลู่ถอยออกไปอย่างรู้หน้าที่ โชคดีว่าทหารของฝูซิ่นเล่อได้รับรายงานมาว่าจินเกาหยางกำลังเร่งเดินทางมาหาฝูซิ่นฮวา จึงได้ตั้งกระโจมหลังใหม่ให้นางกับพี่สาวอยู่ไม่ไกล หาไม่ พวกนางคงไม่รู้ว่าจะทำตัวเช่นไร หากต้องนอนในกระโจมหลังเดียวกับท่านอ๋องและพระชายา
“ท่านพี่ เหตุใดจึงเดินทางฝ่าพายุมาเช่น...”
ฝูซิ่นฮวายังเอ่ยไม่ทันจบประโยคก็ถูกจินเกาหยางรวบตัวเข้าสู่อ้อมกอด
“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เขาถามพลางดันกายหญิงสาวออกเบา ๆ แล้วจับร่างของนางหันซ้ายหันขวาเพื่อสำรวจดูว่านางบอบช้ำตรงไหนหรือไม่
แม้จะได้รับรายงานว่านางปลอดภัย แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจ หากไม่ได้มาเห็นกับตาตัวเอง
“นี่รอยอะไร!” จินเกาหยางถามเมื่อเห็นรอยช้ำที่ข้อมือของฝูซิ่นฮวา หลังสำรวจร่างของภรรยาอยู่ครู่หนึ่ง
“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ ตอนที่องครักษ์ของท่านช่วยข้าไว้ นางดึงข้าให้ไปหลบข้างหลังนาง”
“คนนี้แรงเยอะไป ข้าต้องหาคนที่แรงน้อยกว่านี้”
“โธ่ ท่านพี่” ฝูซิ่นฮวานึกขำในใจ “นางดีที่สุดแล้วเจ้าค่ะ หากไม่ได้นางช่วยไว้ ข้าคงไม่รอด”
“แต่ว่านางดึงเจ้าแรง”
“ช่วงเวลานั้นฉุกละหุกยิ่งนัก ไม่ว่าผู้ใดก็คงไม่ทันได้ออมแรงหรอกเจ้าค่ะ”
จินเกาหยางถอนหายใจหลายครั้ง จริงอย่างที่ฝูซิ่นฮวาพูด ยามนั้นไม่ว่าผู้ใดก็คงไม่ทันนึกถึงเรื่องออมแรง ย่อมต้องห่วงความปลอดภัยของนางมากกว่าจะมาเป็นกังวลเรื่องรอยช้ำเช่นนี้
“แล้วเจ้าทายาหรือยัง”
“ยังเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นข้าจะทายาให้” ชายหนุ่มลูบข้อมือที่มีรอยช้ำของนางแผ่วเบา ก่อนจะก้มลงจูบรอยช้ำนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ