ข่าวเรื่องการค้าข้าวถังละห้าตำลึงในเมืองหลันเจาแพร่กระจายไปรวดเร็วยิ่งกว่าสายลม บรรดาพ่อค้าทั้งหลายต่างเร่งขนข้าวมาขายที่เมืองหลันเจา จนเจ้าเมืองไม่รู้ว่าจะซื้อข้าวจากผู้ใดดี พวกพ่อค้าเกรงว่าจะขายข้าวไม่ได้ จึงขายตัดราคากันเอง ขายไปขายมา ราคาข้าวก็ต่ำลงจนเหลือถังละไม่ถึงหนึ่งตำลึง
เซ่าจิง พ่อค้าข้าวจากแคว้นฉีที่อยู่ไกลออกไปเป็นร้อยลี้ ซึ่งนับว่าไกลกว่าแคว้นอื่น ๆ ก็ยังเดินทางมาด้วยเช่นกัน พ่อค้าวัยกลางคนสวมชุดสีน้ำเงินเข้มดูมีฐานะ น่าเชื่อถือ เขานำข้าวมาขายในปริมาณไม่มาก และขายในราคาถูกไม่ต่างไปจากพ่อค้าคนอื่น ๆ เจ้าเมืองหลันเจาจึงรับซื้อไว้ คิดเพียงว่ามีน้อยก็ยังดีกว่าไม่มี
เซ่าจิงกล่าวขอบคุณเจ้าเมืองหลันเจา ทั้งยังกล่าวอีกว่าคนของตนกำลังขนข้าวมาเพิ่ม ยังอยู่ในระหว่างการเดินทาง หากมาถึงเมื่อใดจะรีบนำมาขายให้อีก
เจ้าเมืองหลันเจากล่าวเพียงว่าดี แล้วเลือกซื้อข้าวจากพ่อค้าคนอื่นต่อ เซ่าจิงลอบยิ้มมุมปาก แววตาแฝงความชั่วร้าย ร่างสูงหันหลังกลับไปที่รถม้าของตน เมื่อบรรลุหน้าที่ในการขายข้าวให้ฝูซิ่นฮวาแล้ว
ขอเพียงแค่นางหรือใครก็ตามที่กินข้าวเหล่านั้นเข้าไป ชัยชนะก็จะตกเป็นของเขา
“ถอยไปรอที่ชายป่า คอยดูสถานการณ์ต่อไป” เซ่าจิงสั่งคนของตน
“ขอรับนายท่าน” คนบังคับรถม้ารับคำ แล้วถอยรถม้าออกไปตามคำสั่งของผู้เป็นนาย
ไม่นานนักภายในค่ายช่วยเหลือชาวเมืองก็เต็มไปด้วยข้าวสารจำนวนมาก ฝูซิ่นฮวากับเจ้าเมืองหลันเจาเดินดูข้าวสารทั้งหมดด้วยความพอใจ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกเซ่าจิงลอบมองอยู่
เซ่าจิงไม่รู้ว่าฝูซิ่นฮวาจะได้กินข้าวของเขาเมื่อไหร่ แต่เมื่อใดก็ตามที่นางหรือทหาร หรือชาวบ้านคนใดได้กินเข้าไป ข้าวมื้อนั้นจะเป็นข้าวมื้อสุดท้ายของผู้กิน
เย็นวันนั้น ฝูซิ่นฮวาเชิญพ่อค้าข้าวทุกคนมารับประทานอาหารเย็นร่วมกับเหล่าทหารอย่างมีไมตรี เพื่อเป็นการขอบคุณที่พวกเขาสู้อุตส่าห์ลำบากลำบนขนข้าวมาไกล เซ่าจิงก็ได้รับเชิญด้วยเช่นกัน ทีแรกพ่อค้าวัยกลางคนอ้างว่าตนไม่ค่อยสบาย ไม่ต้องการจะมาร่วมในมื้ออาหารนี้ เพราะรู้แก่ใจว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น แต่ในเมื่อพ่อค้าคนอื่น ๆ ต่างตอบรับคำเชิญ เขาจึงไม่กล้าปฏิเสธ ด้วยเกรงว่าจะเกิดพิรุธ
เขาเป็นคนของจงหุย และเขาลอบใส่ยาพิษลงในข้าวสารที่นำมาขาย
“ก่อนอื่น ข้าฝูซิ่นเล่อ ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมรับประทานอาหารกับข้าและเหล่าทหาร และขอบคุณที่ทุกท่านที่มีน้ำใจนำข้าวมาขายให้เรา” ฝูซิ่นเล่อยกจอกเหล้าขึ้นมา “จอกนี้ข้าขอดื่มเพื่อคารวะท่านทั้งหลาย”
พูดจบแม่ทัพหนุ่มก็ยกจอกเหล้าขึ้นดื่ม บรรดาพ่อค้าคนอื่น ๆ ต่างดื่มให้เขา ฝูซิ่นเล่อกับฝูซิ่นฮวาพูดคุยกับพวกพ่อค้าหลายประโยค กระทั่งอาหารถูกยกเข้ามา
ข้าวที่เพิ่งหุงสุกใหม่ ๆ ส่งกลิ่นหอมน่ารับประทาน หลายคนเริ่มลงมือกินข้าวที่อยู่ตรงหน้า เซ่าจิงลังเลเล็กน้อยขณะจับตะเกียบขึ้นมา
“ข้าวที่นำมาให้ทุกท่านในวันนี้ เป็นข้าวคุณภาพดีที่ได้มาจากพ่อค้าแคว้นฉี” ฝูซิ่นฮวากล่าว ขณะส่งยิ้มให้เซ่าจิง
เซ่าจิงชะงักมือที่กำลังจะคีบข้าวในทันที
“ข้าวจากแคว้นฉีเมล็ดสวยงาม ไม่แตกหัก หุงแล้วน่ากินยิ่งนัก เหล่าทหารต่างยินดีที่ได้กินข้าวมื้อนี้” จินเกาหยางพูดพลางใช้ตะเกียบคีบข้าวใส่ปาก
เซ่าจิงมองเว่ยหยางอ๋องค่อย ๆ เคี้ยวข้าวกลืนลงคอ ทั้งยังหันมาพูดคุยกับทุกคนที่ร่วมรับประทานอาหารอย่างเป็นมิตร
“ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าชื่อเซ่าจิง พ่อค้าแคว้นฉีที่เป็นผู้ขายข้าวมื้อนี้ให้เราใช่หรือไม่” เจ้าเมืองหลันเจาที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเซ่าจิงเอ่ยถาม
“ใช่ขอรับ” เซ่าจิงตอบ
“ข้าวของท่านเป็นข้าวดี เหตุใดไม่กินเสียล่ะ”
“ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายขอรับ จึงไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่”
“เช่นนั้นหรือ?” ฝูซิ่นฮวาถาม “ข้านึกว่าที่เจ้าไม่กล้ากิน เพราะใส่อะไรลงมาในข้าวที่ขายให้ข้าเสียอีก”
เซ่าจิงหัวใจแทบหยุดเต้น!
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก เมื่อครู่ที่ข้าบอกว่าเป็นข้าวของเจ้า ข้าเพียงแค่เย้าเล่น แท้จริงแล้วข้าวมื้อนี้เป็นข้าวจากแคว้นหมิงที่อยู่ไม่ไกลนี่เอง” จินเกาหยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม ทว่าในสายตาของผู้มอง รอยยิ้มนี้ช่างเยือกเย็นจนน่าพรั่นพรึง
“ข้า...ข้าไม่รู้ว่าพวกท่านพูดเรื่องอะไร”
“เจ้าไม่รู้หรือ?” ฝูซิ่นฮวาเลิกคิ้ว ก่อนจะหันไปหามู่จิ่ว “เจ้าไปเอาข้าวจากแคว้นฉีที่หุงสุกแล้วมาหน่อย”
มู่จิ่วรับคำแล้วเดินหายไป ไม่นานนัก เขาก็กลับมาพร้อมกับข้าวถ้วยหนึ่ง
“นี่เป็นข้าวจากแคว้นฉีที่เจ้านำมาขายให้ข้า กินเสียสิ” ฝูซิ่นฮวาพูดเสียงเรียบ
เซ่าจิงเหงื่อแตกเต็มใบหน้า เมื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับฝูซิ่นฮวาก็พบว่านางกำลังมองเขาด้วยแววตาดุดัน ขัดกับภาพลักษณ์อ่อนแอของนางโดยสิ้นเชิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ