หลายเดือนแห่งการทำงานอันเหน็ดเหนื่อยของฝูซิ่นฮวาและฝูซิ่นเล่อ ในที่สุดทุกสิ่งก็เป็นไปตามความคาดหวังทุกประการ ทั้งแม่ทัพ กุนซือ และทหารต่างยิ้มอย่างภาคภูมิใจในความสำเร็จของตน ขณะกล่าวอำลาชาวบ้านที่มารอส่งพวกเขาออกจากเมืองหลันเจา ซึ่งบัดนี้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับเฮยเจาแล้ว
“ในฐานะตัวแทนชาวเมือง ข้าไม่รู้จะตอบแทนพวกท่านเช่นไร จึงจะสมกับที่พวกท่านได้การช่วยเหลือเราในครั้งนี้” เจ้าเมืองหลันเจากล่าวด้วยความซาบซึ้งใจยิ่ง
“ชาวเมืองฮุยเจาเองก็ขอขอบคุณที่พวกท่านปฏิบัติต่อเราเป็นอย่างดี ทั้งยังให้ความช่วยเหลือในยามขาดแคลน น้ำใจครั้งนี้พวกเราจะไม่มีวันลืม” แม้แต่เจ้าเมืองฮุยเจาที่อยู่ไกลออกไปก็ยังเดินทางมาเพื่อส่งฝูซิ่นฮวาและฝูซิ่นเล่อโดยเฉพาะ
“โปรดรับการคำนับจากพวกเราด้วย”
ว่าแล้วเจ้าเมืองหลันเจา เจ้าเมืองเฮยเจา และเจ้าเมืองฮุยเจาก็คุกเข่าลงบนพื้น ฝูซิ่นเล่อรีบประคองทุกคนให้ลุกขึ้น
“เพียงแค่พวกท่านภักดีต่อต้าจินและองค์ฮ่องเต้ของเรา ก็นับว่าเป็นการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่แล้ว” แม่ทัพหนุ่มกล่าว
“ยามนี้พวกเราทุกคนต่างแจ้งแก่ใจแล้วว่าผู้ใดคือผู้ที่เราควรภักดีด้วย” เจ้าเมืองเฮยเจาพูดทั้งรอยยิ้ม “เมืองทั้งสามของเราเป็นของแผ่นดินจิน ไม่ว่าเป็นหรือตาย ข้าและประชาชนทุกคนก็ขอเป็นคนต้าจิน ภักดีต่อราชวงศ์จินตราบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต”
“เช่นนั้นคงถึงคราวพวกเราต้องเป็นฝ่ายขอบคุณพวกท่านบ้างแล้ว ที่ให้เกียรติร่วมเป็นพี่น้องกับเรา” ฝูซิ่นฮวายิ้มละมุน “ยินดีที่ได้รวมเป็นหนึ่ง”
ฝูซิ่นฮวาค้อมศีรษะลง
“ยินดีที่ได้รวมเป็นหนึ่ง” เจ้าเมืองทั้งสามเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
“ยินดีที่ได้รวมเป็นหนึ่ง!” ชายผู้หนึ่งตะโกนขึ้น จากนั้นเหล่า ‘ประชาชนแห่งต้าจิน’ ต่างก็พร้อมใจกันตะโกนคำว่า ‘ยินดีที่ได้รวมเป็นหนึ่ง’ ไปทั่วทั้งเมือง
ฝูซิ่นฮวาและฝูซิ่นเล่อประสานมือคำนับชาวเมืองทั้งหลายแล้ว จึงหันไปขึ้นหลังม้าควบขี่นำขบวนทหารห้าพันนายออกจากหลันเจา เพื่อมุ่งหน้ากลับสู่เมืองหลวงแห่งต้าจิน ท่ามกลางเสียงโห่ร้องด้วยความภักดีของชาวเมืองทั้งหลาย
หลังจากเดินทางกันอยู่หลายสัปดาห์ ในที่สุดฝูซิ่นฮวาและน้องชายก็กลับมาถึงเมืองหลวง
แม้ครั้งนี้สองพี่น้องสกุลฝูจะมิได้กลับมาจากสนามรบ แต่ประชาชนก็ออกมาให้การต้อนรับพวกเขาดั่งวีรบุรุษ ในฐานะที่พวกเขาสามารถทำให้เมืองหลันเจา เฮยเจา และฮุยเจารวมเป็นหนึ่งเดียวกับต้าจินได้สำเร็จ
จินเกาหยางรอฝูซิ่นฮวาอยู่ในท้องพระโรงทองกับฮ่องเต้และเหล่าขุนนางราชสำนักคนอื่น ๆ ทันทีที่เห็นหญิงสาวในชุดสีเงินของขุนนางราชสำนักเดินเข้ามาพร้อมน้องชายในชุดขุนนาง ชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มกระจ่างใสที่ยิ้มตอบกลับมา ก็ยิ่งพาให้รู้สึกว่าอยากเข้าไปสวมกอดนางเหลือเกิน
“เจ้าสองพี่น้องไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังเลยสักครั้ง” จินหยางหลงเอ่ยชม “เจ้าได้มอบเมืองทั้งสามให้แก่ข้าและแผ่นดินต้าจิน พร้อมความจงรักภักดีของประชาชน ช่างเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่นัก”
“ได้ถวายการรับใช้ฝ่าบาทและแผ่นดินเกิด นับเป็นวาสนาของกระหม่อมและพี่สาวพ่ะย่ะค่ะ” ฝูซิ่นเล่อตอบ
“ข้าดีใจที่ต้าจินมีคนเช่นพวกเจ้า”
จินหยางหลงลุกขึ้นก่อนเอ่ยพระราชทานรางวัลแก่ฝูซิ่นฮวาและฝูซิ่นเล่อ รวมไปถึงเหล่าทหารทัพไป๋หู่ที่มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูเมืองหลันเจา เฮยเจา และฮุยเจา ไม่ว่าจะเป็นเงินทองของมีค่าและที่ดิน นับว่าทรงเป็นนักปกครองที่รู้จักซื้อใจคนตั้งแต่ระดับล่างไปจนถึงระดับสูง ทุกคนที่ได้รับพระราชทานรางวัลต่างพึงพอใจ นอกจากนี้สองพี่สองสกุลฝูยังแบ่งปันรางวัลที่ได้รับพระราชทานแก่เหล่าทหารของตนดังเช่นที่ทำมาตลอด ทำให้บรรดาไพร่พลทั้งหลายต่างชื่นชมและเคารพรักทั้งสองเป็นที่ยิ่ง
หลังจัดการธุระในเมืองหลวงเสร็จสิ้น ฝูซิ่นฮวาและจินเกาหยางก็ตามฝูซิ่นเล่อไปที่จวนสกุลฝูเพื่อคำนับฮูหยินผู้เฒ่าและพักผ่อน ก่อนเดินทางกลับเมืองเว่ยหยางในวันพรุ่ง
เมื่อมีโอกาสได้อยู่กันตามลำพังในห้อง ฝูซิ่นฮวาก็ถูกสามีรวบตัวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยความคิดถึง นางยกสองแขนขึ้นกอดจินเกาหยางตอบ จึงได้รับรางวัลเป็นจุมพิตหวานละมุนที่แฝงไปด้วยแรงปรารถนา
หลายเดือนที่พวกเขาไม่ได้พบหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างยุ่งอยู่กับงานของตน มาบัดนี้ทุกสิ่งลุล่วงไปได้ด้วยดี การได้กลับมาพบหน้าจึงเป็นเรื่องที่ทั้งสองต่างยินดียิ่ง
“ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก ตำหนักเว่ยหยางอ๋องช่างเงียบเหงาเหลือเกินเมื่อเจ้าไม่อยู่” จินเกาหยางพูดขณะลูบไล้ใบหน้าของฝูซิ่นฮวา
“ข้าเองก็คิดถึงท่านพี่” เสียงหวานเอ่ยตอบ
“ยามที่ข้าไม่อยู่ ซูจื่อลู่กับซูก้านลู่ดูแลเจ้าดีหรือไม่”
“ท่านพี่คือว่า…”
“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว คืนนี้ข้าจะปรนนิบัติอาบน้ำจนกว่าเจ้าจะยอมรับว่าข้าทำได้ดีกว่าสาวใช้สองคนนั่น!”
แล้วก็เป็นไปตามที่ฝูซิ่นฮวาคิด สามีของนางไม่เคยทำเพียงอาบน้ำอย่างเดียว เพียงแต่ครั้งนี้ความคิดถึงและความโหยหาตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ไม่เจอกัน รวมกับความขัดเคืองใจเมื่อคิดว่านางเห็นสาวใช้สองคนนั่นทำหน้าที่ได้ดีกว่าเขา ระยะเวลาการลงโทษของเขาจึงเนิ่นนานจนฝูซิ่นฮวาไร้เรี่ยวแม้กระทั่งจะลุกขึ้นจากอ่างน้ำ
จินเกาหยางอุ้มภรรยาของเขามาเช็ดเนื้อเช็ดตัวแล้วช่วยนางสวมเสื้อผ้า ก่อนอุ้มนางกลับไปที่เตียงเดิมทีฝูซิ่นฮวาคิดว่าตนกำลังจะได้นอนพักอย่างสงบเสียที แต่สามีของนางก็ยังไม่วายก้มลงมากระซิบถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“ยังคิดว่าสาวใช้สองคนนั่นดีกว่าข้าอยู่ไม่” ชายหนุ่มกระซิบที่ใบหูขาวสะอาด “สิ่งที่ข้าทำให้เจ้านั้นพวกนางทำไม่ได้และไม่มีวันทำได้”
ยามนี้ฝูซิ่นฮวาตัวแดงไปทั้งตัว ไม่เพียงเฉพาะใบหน้า จินเกาหยางช่างน่าไม่อายเลยสักนิดยามที่พูดเรื่องเช่นนั้นออกมา
“ว่าอย่างไร พรุ่งนี้ยามที่เจ้าต้องอาบน้ำ เจ้าจะเลือกใครไปปรนนิบัติ ระหว่างข้ากับสาวใช้สองคนนั่น”
ฝูซิ่นฮวาไม่กล้าตอบ นางทำได้เพียงส่งยิ้มเจื่อน ๆ ไปให้ หากนางตอบว่าเป็นเขา จินเกาหยางย่อมไม่มีวันปล่อยให้นางได้อาบน้ำอย่างสงบ แต่หากนางตอบว่าเป็นสองสาวใช้ คืนนี้เขาคงไม่ยอมปล่อยให้นางได้นอนง่าย ๆ แล้วก็คงไม่ยอมจบเรื่อง ‘ปรนนิบัติ’ ยามอาบน้ำไปอีกนาน
ไม่ว่าจะตอบอย่างไร คนที่เดือดร้อนก็ดูเหมือนจะเป็นนาง
“ไม่ยอมตอบเช่นนี้ แสดงว่าข้ายังทำได้ไม่ดีพอสินะ” จินเกาหยางยิ้มร้าย
“ท่านพี่อย่าเข้าใจข้าผิด”
จินเกาหยางไม่ปล่อยให้ฝูซิ่นฮวาได้พูดอีก เขาจัดการปิดปากนางด้วยริมฝีปากร้อนของตนแล้วนำพานางไปสู่จุดหมายปลายอีกครา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ