เมืองหลวงและพระราชวังแห่งต้าจินถูกควบคุมด้วยทหารผ้าคลุมสีเขียวจำนวนกว่าห้าพันนายที่เสวียนชิวมอบให้จงหยวนเป็นผู้ฝึกฝน จงหุยเดินเข้ามาในพระราชวังด้วยรอยยิ้มอย่างผู้มีชัย บรรดาพระสนมทั้งหลายถูกควบคุมตัวมายังท้องพระโรงทอง ไม่เว้นแม้กระทั่งฮองเฮา
“ท่านพ่อ นี่น่ะหรือสิ่งที่ท่านและพี่ใหญ่ทำโดยไม่บอกข้า!” ฮองเฮาถามอย่างโกรธเกรี้ยว “ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่!”
“เว่ยหยางอ๋องคิดก่อกบฏ ข้าเพียงแค่รักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและผู้คนในวังหลวง” จงหุยตอบอย่างใจเย็น
“ท่านแน่ใจหรือว่ากำลังทำเช่นนั้น” ฮองเฮามองไปรอบ ๆ ไม่ว่าจะมองอย่างไร ทหารผ้าคลุมสีเขียวที่กรูกันเข้ามาก็ดูเหมือนจะเข้ามายึดครองหรือควบคุมตัวคนในวังมากกว่าปกป้อง
“หากท่านยอมหยุดตอนนี้ ข้าจะทูลขอให้ฝ่าบาทละเว้นโทษให้ท่าน”
“เฮอะ!” จงหุยแค่นหัวเราะ “เจ้าคิดว่าจินหยางหลงโปรดปรานเจ้ามากถึงขั้นจะยอมละเว้นโทษให้ข้าเชียวรึ!”
“ท่านพ่อ!”
“จงหลิง เป็นเจ้าเองมิใช่หรือที่เป็นฝ่ายขอความช่วยเหลือจากข้า เจ้าเกรงว่าเว่ยหยางอ๋องจะช่วงชิงอำนาจไปจากฮ่องเต้ ยามนี้ข้ากำลังขจัดภัยให้เจ้า เจ้าไม่ดีใจหรืออย่างไร”
“ข้าต้องการให้ท่านช่วยขจัดภัย แต่มิได้หมายความว่าจะให้ท่านก่อกบฏ!”
“กบฏหรือ” จงหุยหัวเราะ “ผู้แพ้ต่างหากถึงจะถูกเรียกว่าเป็นกบฏ และยามนี้ข้ายังมิได้พ่ายแพ้แก่ผู้ใด”
“ท่านจะแพ้ แม้ยามนี้กองทัพทั้งสามจะประจำอยู่ที่ชายแดน แต่ทัพไป๋หู่อยู่ในเมืองหลวง ท่านไม่มีวันเอาชนะทัพไป๋หู่ได้”
“อีกไม่นานทหารต้าเจาก็จะบุกเข้ามายึดที่นี่”
“นี่ท่านร่วมมือกับต้าเจาอย่างนั้นหรือ!” ฮองเฮาเข่าอ่อนจนแทบล้มทั้งยืน
“ฮองเฮา!” นางกำนัลรีบเข้ามาประคองฮองเฮาเอาไว้
“หลิงเอ๋อร์” จงหุยเรียกเสียงนุ่ม “เจ้าต้องเลือก ว่าจะอยู่ข้างพ่อบังเกิดเกล้าของเจ้า หรือจะอยู่ข้างสามีที่ไม่เคยใส่ใจเจ้าแม้แต่น้อย”
“ข้า...”
“หากจินหยางหลงยังเป็นฮ่องเต้ต่อไป แต่ไม่ยอมมีโอรสกับเจ้า อำนาจของเจ้าคงมีอันต้องหมดสิ้นเข้าสักวัน ยิ่งถ้าจินเกาหยางยึดอำนาจขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะไม่เหลืออะไรอีกเลย แต่หากเจ้าอยู่ข้างข้า ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็คือลูกข้า ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าต้องตกต่ำเป็นแน่”
ฮองเฮานิ่งไป การได้ขึ้นเป็นสตรีผู้มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดินคือสิ่งที่นางปรารถนา ยามนี้นางคือฮองเฮาแห่งแผ่นดินต้าจินที่อยู่เหนือทุกคน แต่อำนาจนั้นก็ไม่แน่ว่าจะอยู่กับนางไปได้อีกนานสักเท่าใด
ฮองเฮากัดฟันแน่น กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาต่อหน้าบรรดาพระสนมทั้งหลาย แม้ใจนางจะปรารถนาในอำนาจและหวาดกลัวว่าเว่ยหยางอ๋องและฝูซิ่นฮวาจะแย่งชิงทุกสิ่งไปจากนาง แต่ให้เป็นเช่นนั้นก็ยังดีกว่าต้องเห็นแผ่นดินเกิดตกเป็นของพวกต้าเจา
“หากเจ้าเลือกที่จะอยู่ข้างข้า ก็จงเดินออกไปพบประชาชน ประกาศให้พวกเขารู้ว่ายามนี้เว่ยหยางอ๋องก่อกบฏ คิดปลงพระชนม์ฮ่องเต้เพื่อชิงบัลลังก์ เราจึงต้องควบคุมสถานการณ์ในเมืองหลวง เพื่อ...”
“ไม่!” ฮองเฮาปฏิเสธเสียงแข็ง “แม้ท่านจะเป็นบิดาข้า แต่ข้าเป็นมารดาของแผ่นดิน และข้ามิอาจทรยศต่อแผ่นดินของข้าได้!”
เกิดความเงียบขึ้นปกคลุมท้องพระโรงอยู่ครู่หนึ่ง แววตาที่จงหุยมองบุตรีเย็นชาก่อนเปลี่ยนเป็นชิงชัง
“ดี!” จงหุยกล่าวเสียงเย็น “ในเมื่อเจ้าเลือกจะอกตัญญูต่อข้า ความเป็นพ่อลูกของเราก็จบลงตรงนี้ ทหาร!”
“ขอรับ!”
“คุมตัวฮองเฮาไว้!”
ทหารสองคนตรงเข้าจับกุมฮองเฮาที่พยายามดิ้นรนขัดขืน
“นอกจากคิดก่อการกบฏแล้ว ยังคิดจะจับกุมบุตรีของตน เจ้าละอายแก่ใจบ้างหรือไม่ จงหุย!” ฝูซิ่นเล่อถาม
จงหุยหันไปมองตามต้นเสียงก็พบว่าแม่ทัพใหญ่แห่งทัพไป๋หู่กำลังเดินเข้ามาในท้องพระโรงพร้อมขุนนางจำนวนหนึ่ง ขุนนางทั้งหลายต่างมองจงหุยด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์ ใครจะคาดคิดว่าจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้จะคิดโค่นล้มราชบัลลังก์ ทั้งที่บุตรีของตนเป็นถึงฮองเฮา
“ฝูซิ่นเล่อ” จงหุยหันมายิ้มเยาะ “ในที่สุดเจ้าก็มาจนได้”
“มีคนชั่วคิดก่อการกบฏ ข้าจะอยู่เฉยได้อย่างไร”
“เช่นนั้นเจ้าจะทำเช่นไรกับข้า?” จงหุยถาม “ทั้งฮ่องเต้ ไทเฮา พี่สาวและพี่เขยของเจ้าล้วนอยู่ในกำมือข้า หากเจ้าทำอะไรบุ่มบ่าม ข้าคงมิอาจรับรองความปลอดภัยให้คนเหล่านั้นได้”
“เจ้าว่าใครอยู่ในกำมือของใครนะ” เสียงหนึ่งถามขึ้น
“ฝ่าบาท!”
หลายเสียงประสานกันขึ้นด้วยความยินดี เมื่อเห็นฮ่องเต้เสด็จเข้ามาพร้อมกับจินเกาหยางและฝูซิ่นฮวา พร้อมด้วยทหารองครักษ์อาวุธครบมือ รวมไปถึงขุนนางทั้งสี่ที่จงหุยส่งไปควบคุมตัวจินเกาหยาง
“พวกเจ้า!” จงหุยตะลึงลาน แทบเปล่งเสียงออกมาไม่ได้
“เจ้าสุนัขเฒ่า เจ้าหลอกใช้พวกเราเป็นเครื่องมือโค่นล้มราชบัลลังก์!” ฉีฟู่พูดอย่างเดือดดาล
“พวกเจ้าเองก็กระหายอำนาจ ปรารถนาในยศถาบรรดาศักดิ์จึงได้เข้าร่วมกับข้ามิใช่หรือ” จงหุยถามกลับ ขุนนางสองคนที่มาพร้อมฉีฟู่ใบหน้าซีดเผือด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ