เหมยฮวาบัญชาการ นิยาย บท 61

ฝูซิ่นเล่อยกพลไปยังไป๋เจาตามแผนการหลอกล่อฝ่ายตรงข้าม ต่อสู้อยู่เพียงสี่วันก็ได้รับชัยชนะเหนือทัพต้าเจา เพราะฝ่ายนั้นมัวแต่ระแวง จนไม่รู้ว่าควรรักษาเมืองใดกันแน่ จึงได้แบ่งกองกำลังกระจายไปทั่ว ทำให้เหลือทหารที่จะรับมือกับทัพไป๋หู่ไม่มากนัก

ฝูซิ่นเล่อผนวกเมืองลั่วชิวและไป๋เจาให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้สำเร็จ เมื่อเสวียนชิวทราบเข้าก็เริ่มเชื่อแล้วว่าแผนการที่ซินเอ๋อร์ขโมยมาได้นั้นเป็นของจริง จึงสั่งให้พลทหารนำหญิงสาวออกจากที่คุมขัง

ซินเอ๋อร์ซูบผอมไปถนัดตา เพราะได้รับประทานอาหารเพียงหนึ่งมื้อในสองวัน แม้มีพลทหารบางคนเห็นใจนาง แอบนำขนมเปี๊ยะเหลือ ๆ กับน้ำดื่มมาให้บ้าง แต่กระนั้นก็ไม่สามารถทำให้นางอิ่มท้องได้อยู่ดี

“สายของข้ารายงานมาว่า ยามนี้ฝูซิ่นเล่อเตรียมนำกองทัพไปยังหงเจา ตามแผนการรบที่เจ้าขโมยมาได้” เสวียนชิวพูดขณะเดินเข้ามาในกระโจมที่ทั้งเล็กทั้งแคบของน้องสาว แล้วนั่งลงรินน้ำชาดื่ม

ฝ่ายผู้เป็นน้องตัวสั่นเทา ขณะมองพี่ชายต่างมารดาดื่มชาด้วยความหวาดกลัว ราวกับกำลังมองเขาดื่มเลือดอยู่ก็ไม่ปาน

ทว่าเสวียนชิวกลับยิ้มให้กับท่าทางหวาดหวั่นนั้น

“กองทัพทหารม้าเจ็ดหมื่นของข้ากำลังจะไปยังเส้นทางสู่เมืองหงเจา รอโจมตีกองทัพของฝูซิ่นเล่อ” เสวียนชิวเล่าต่อด้วยท่าทางสบาย ๆ “เจ้าอยากให้ทหารของข้าเก็บอะไรติดไม้ติดมือจากทัพไป๋หู่มาฝากหรือไม่ โทษฐานที่พวกมันทำให้เจ้าต้องถูกขังอยู่นานครึ่งค่อนเดือน”

ซินเอ๋อร์ยิ้มขื่น ทั้งที่เสวียนชิวเป็นผู้ทำร้ายและสั่งให้คุมขังนางเองแท้ ๆ แต่กลับโทษให้เป็นความผิดของผู้อื่น

บุรุษผู้นี้ไร้ซึ่งความละอายในหัวใจโดยแท้

“สุดแล้วแต่เสด็จพี่จะเมตตาเพคะ”

“หากฝูซิ่นเล่อนำทัพมาด้วยตัวเอง ข้าจะนำหัวของชายผู้นั้นมาให้เจ้าก็แล้วกัน”

“เป็นพระกรุณา” ซินเอ๋อร์ฝืนตอบ กลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา

“หากข้าชนะศึกครั้งนี้ ข้าจะส่งเจ้ากลับวังหลวงไปหาแม่และน้องของเจ้า แต่หากนี่เป็นเพียงแผนลวงของต้าจิน...”

เสวียนชิวเดินเข้ามาหาน้องสาว มือหยาบกระด้างวางลงบนศีรษะของนางราวกับพี่ชายผู้ใจดี ทว่าถ้อยคำที่เปล่งออกมานั้นกลับตรงกันข้าม

“ข้าจะตัดหัวเจ้าส่งกลับไปแทน!”

กองทัพทหารม้าจำนวนห้าหมื่นของต้าจินที่นำโดยฝูซิ่นเล่อ กำลังเดินทางขึ้นสู่เมืองหงเจาอันเป็นเป้าหมายต่อไปของพวกเขา

สองหูของฝูซิ่นเล่อที่ฝึกยุทธ์มาตั้งแต่เล็ก แว่วเสียงบางอย่างที่สัญชาตญาณของเขารับรู้ได้ว่าเป็นอันตราย แม่ทัพหนุ่มส่งสัญญาณเตรียมพร้อมให้นายกองส่งต่อไปยังพลทหาร หลังส่งสัญญาณกันได้ไม่นาน ก็มีเสียงหนึ่งตะโกนขึ้น

“โจมตี!”

เป็นเสียงของเสวียนชิวที่ตะโกนสั่งการ!

ทหารต้าเจาจำนวนเจ็ดหมื่นที่ซุ่มอยู่สองข้างทางตรงเข้าต่อสู้กับทหารทัพไป๋หู่อย่างดุดัน ทั้งเกาทัณฑ์ หอก หลาว พุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามราวพายุอาวุธร้ายที่โหมกระหน่ำ

“โล่กำแพง!” ฝูซิ่นเล่อสั่ง

โล่กำแพงเหล็กกล้าที่แข็งแกร่งดุจหินผาถูกยกขึ้นล้อมทัพไป๋หู่ไว้ เหนือศีรษะมีโล่ทรงกลมที่สามารถซ้อนทับต่อๆ กันได้ราวหลังคาเหล็ก ยากที่อาวุธใดจะทะลวงเข้ามาได้

เมื่อฝนเกาทัณฑ์เงียบหายไป โล่หลังคาก็ถูกเก็บลงอย่างพร้อมเพรียง แทนที่ด้วยเกาทัณฑ์จากฝั่งต้าจินที่ระดมยิงไปทุกทิศทุกทาง

ฝูซิ่นเล่อได้เตรียมการรับมือไว้แล้ว ด้วยคาดการณ์ได้ว่าพวกต้าเจาจะต้องดักซุ่มโจมตีระหว่างทางตามแผนการรบที่ได้ไป ทหารกล้าแห่งทัพไป๋หู่ยึดอาวุธและเกราะป้องกันในมือมั่น โล่กำแพงช่วยคุ้มกันพวกเขาพร้อมกับช่วยกระแทกศัตรูให้ร่นถอยหลัง หากศัตรูเสียหลักล้มลงเมื่อใด อาจถูกเหยียบย้ำหรือจ้วงแทงซ้ำจากทหารหลังกำแพง

การต่อสู้ดำเนินอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งทหารทั้งสองฝ่ายเริ่มเหนื่อยล้า แม่ทัพทั้งสองจึงจำต้องถอนกำลังเพื่อรอเวลาประมือกันในวันใหม่

ฝูซิ่นเล่อตั้งค่ายอยู่ไม่ไกลจากจุดสู้รบ มีการวางกำลังคุ้มกันแน่นหนา เนื่องจากศัตรูเองก็ปักหลักอยู่ไม่ไกล และอาจบุกเข้ามาโจมตีได้ทุกเมื่อ

“รายงาน!” พลทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาหาฝูซิ่นเล่อในกระโจม พร้อมกระซิบข่าวที่นำมา

มุมปากของฝูซิ่นเล่อยกยิ้มอย่างเยือกเย็น เขาสั่งการกับพลทหารคนดังกล่าว ก่อนเรียกบรรดานายกองเข้ามาทบทวนแผนการศึกในวันพรุ่งนี้ แล้วจึงแยกย้ายกันไปพัก เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง

ยามเมื่อแสงตะวันสาดส่องลงมากระทบผืนปฐพี ทหารต้าจินและต้าเจาก็มาเผชิญหน้ากัน ณ จุดที่ได้สู้รบกันเมื่อวาน หลังดูเชิงกันอยู่ครู่ใหญ่ ฝูซิ่นเล่อก็เป็นฝ่ายสั่งให้บุก

จำนวนทหารของทั้งสองฝ่ายลดน้อยลง เนื่องจากมีพลทหารบาดเจ็บที่ต้องพักรักษาตัวอยู่ในค่าย แต่ก็ยังมิอาจลดปริมาณของโลหิตสีแดงฉานที่หลั่งลงบนพื้นดินได้

เสวียนชิวมั่นใจในกำลังพลของตน เขานำกำลังคนมามากกว่าฝูซิ่นเล่อ อย่างไรก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ ชายหนุ่มยิ้มเหี้ยม ขณะตรงเข้าฟาดฟันกับฝ่ายตรงข้าม เพื่อหวังบุกไปหาแม่ทัพแห่งทัพไป๋หู่

ฝูซิ่นเล่อรอเวลาที่จะได้ประมือกับเสวียนชิวอยู่แล้ว จึงไม่รอช้า รีบรุดหน้าเข้าหาแม่ทัพแห่งต้าเจา อาวุธที่ฟาดเข้าใส่กัน ไม่ต่างอะไรจากคมเขี้ยวของพญามัจจุราช สู้กันอยู่ถึงสามร้อยกระบวนท่า ทวนของฝูซิ่นเล่อและเสวียนชิวต่างก็วางพาดอยู่ที่ต้นคอของกันและกัน

ทั้งสองฝ่ายหยุดนิ่ง เวลาเช่นนี้ ผู้ที่ตวัดทวนในมือได้เร็วกว่าเท่านั้นที่เป็นผู้รอดชีวิต

หรือไม่ ทั้งสองก็ต้องแลกชีวิตซึ่งกันและกัน

สายลมพัดกระทบใบหน้าของสองแม่ทัพ ตามด้วยเสียงฝีเท้าหนักแน่นของม้านับหมื่นที่กำลังควบเข้ามาใกล้

เวลานั้นเองที่ฝูซิ่นเล่อยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น กองทัพที่เขาสั่งให้ตามหลังมา ได้มาถึงสนามรบแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ