ฝูซิ่นเล่อไม่เปิดโอกาสให้เสวียนชิวได้โจมตี เพียงชั่วพริบตา ชายหนุ่มก็หลบหลีกจากทวนของฝ่ายตรงข้ามได้ พร้อมทั้งฟาดทวนในมือใส่เสวียนชิว แม่ทัพแห่งต้าเจาหลบได้อย่างหวุดหวิด ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ฝูซิ่นเล่อยังคงตวัดทวนในมือเข้าหาเสวียนชิวได้อย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มหมุนควงอาวุธในมือได้อย่างเชี่ยวชาญ เนื่องด้วยวิชาทวนนี้เป็นวิชาที่เขาได้รับการถ่ายทอดจากแม่ทัพฝูหานผู้เป็นบิดาโดยตรง
ยามนี้ทัพต้าเจาถูกขนาบด้วยทหารทัพไป๋หู่ เสวียนชิวขบกรามแน่น หากมิใช่เพราะต้าจินวางแผนมาเป็นอย่างดี ก็แสดงว่าแผนการที่น้องสาวของเขาขโมยมาได้เป็นแผนลวง
กลับไปถึงค่ายเมื่อใด เขาจะตัดคอนังแพศยานั่นด้วยตัวเอง!
“ว่าอย่างไร เจ้าลูกสุนัข คิดจะยอมแพ้แล้วหรือยัง”
ฝูซิ่นเล่ออาศัยโอกาสที่เสวียนชิวกำลังโมโหยั่วยุอีกฝ่ายจนขาดสติ แล้วโจมตีอย่างหนักหน่วงต่อเนื่อง จนม้าของเสวียนชิวก้าวถอยหลังหนีไปเรื่อย ๆ แต่ก็ยังมิอาจหนีจากฝูซิ่นเล่อไปได้
เสวียนชิวต้องคมจากทวนของฝูซิ่นเล่อเข้ากลางอก หากแม้มิใช่เพราะมีชุดเกราะช่วยขวางกั้นไว้ เกรงว่าทวนของแม่ทัพแห่งกองทัพพยัคฆ์ขาวคงฟันร่างเขาขาดจากกัน
โลหิตของเสวียนชิวอาบไล้อยู่บนทวนของฝูซิ่นเล่อ แต่นั่นยังไม่พอ ชีวิตของรัชทายาทผู้นั้นต่างหากที่เขาต้องการ
แม่ทัพหนุ่มวาดทวนใส่เสวียนชิวอีกครั้ง แม่ทัพแห่งต้าเจาพลิกกายหลบจนตกจากหลังม้า ยามนั้นเองที่เกาทัณฑ์จำนวนมากพุ่งเข้าใส่ฝูซิ่นเล่อ
ฝูซิ่นเล่อใช้ทวนปัดป้องเกาทัณฑ์อย่างง่ายดาย ในขณะที่เสวียนชิวได้รับการช่วยเหลือจากองครักษ์และทหารแห่งทัพต้าเจา
“ถอยทัพ! ถอย!” รองแม่ทัพต้าเจาตะโกนลั่น พร้อมกับเสียงตีฆ้อง ที่ดังขึ้น
พลทหารต้าเจาเร่งรุดหนี พลธนูของต้าจินวิ่งขึ้นมาเรียงแถวแล้วง้างคันธนู ระดมยิงไล่หลังต้าเจาไป
ยามเมื่อศัตรูถอนทัพ สิ่งที่ไม่ควรทำคือการเร่งรุดติดตามไปบดขยี้ เพราะอาจต้องกลลวงของศัตรูและถูกซุ่มโจมตีได้ ซึ่งฝูซิ่นเล่อเองก็แน่ใจว่า เสวียนชิวจะต้องมีกองกำลังทหารลับรออยู่ระหว่างทางเพื่อโจมตีเขาเมื่อติดตามไป ยามนี้ทัพไป๋หู่จึงพยายามตัดกำลังของต้าเจาให้ได้มากที่สุด ทหารต้าเจาจำนวนไม่น้อยทั้งบาดเจ็บและล้มตายด้วยฝีมือพลธนูแห่งต้าจิน
“กลับค่าย” ฝูซิ่นเล่อสั่งการ “พรุ่งนี้เราจะบุกหงเจา!”
ทางด้านซินเอ๋อร์ที่ถูกทิ้งไว้ในค่ายทหารเมืองลวี่เจา กำลังพยายามหาทางหนีออกจากค่ายที่เหลือทหารเฝ้ายามไม่มากนัก เรียกได้ว่าทั้งค่ายแทบจะว่างร้าง หญิงสาวใจเต้นแรงขณะหลบพลทหารที่ออกมาเดินตรวจตราความเรียบร้อย
“องค์หญิง” เสียงคนของฝูซิ่นเล่อที่เป็นผู้พาซินเอ๋อร์หนีออกจากหลันเจาเอ่ยเรียก
“เจ้ายังอยู่ที่นี่หรือ” ซินเอ๋อร์ถามอย่างดีใจ
“พ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มตอบ “องค์หญิงคิดจะหนีออกจากค่ายหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่” หญิงสาวพยักหน้ารับ “หากเสด็จพี่รัชทายาทพ่ายแพ้แม่ทัพฝู เขาต้องกลับมาฆ่าข้าแน่”
หญิงสาวเนื้อตัวสั่นเทาเมื่อนึกถึงแววตาอำมหิตของผู้เป็นพี่
“เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่ ข้าต้องการกลับวังหลวง”
“กลับไปวังหลวงก็มีค่าเท่ากับอยู่ที่นี่นั่นละพ่ะย่ะค่ะ โทสะของรัชทายาทจะติดตามท่านไปทุกที่”
“...”
“กระหม่อมสามารถช่วยองค์หญิงหนีออกจากค่ายได้ แต่กระหม่อมมีเรื่องที่ต้องทูลถาม”
“ว่ามา”
“เท่าที่กระหม่อมทราบมา พระมารดาขององค์หญิงเป็นบุตรีของเจ้าเมืองจินเจาใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ แม่ข้าเป็นบุตรีคนรองของเจ้าเมืองจินเจา” ซินเอ๋อร์ตอบอย่างขมขื่น
พระสนมหลัว มารดาของนางเคยเล่าว่า สิบกว่าปีก่อน ฮ่องเต้ต้าเจาเสด็จเยือนจินเจาและได้พบกับบุตรีคนรองของเจ้าเมือง ซึ่งก็คือมารดาของนาง ฮ่องเต้จึงพาหญิงงามที่ได้พบกลับมาเป็นสนม แต่ความโปรดปรานของฮ่องเต้นั้นหาใช่สิ่งที่มั่นคง หญิงงามมากมายรายล้อมข้างพระวรกาย ซ้ายโอบ ขวากอด เรียกได้ว่าหญิงงามมิเคยขาดมือ นานวันไปสนมหลัวก็เริ่มถูกลืม นางและธิดาทั้งสองคือซินเอ๋อร์และองค์หญิงซวงเอ๋อร์ถูกสนมอื่นคอยรังแก แต่กลับไม่กล้าให้ความนี้ทราบถึงเจ้าเมืองจินเจา ด้วยกลัวว่าบิดาจะคิดเป็นปรปักษ์ต่อฮ่องเต้ จนสกุลหลัวต้องโทษทัณฑ์ทั้งตระกูล
“เช่นนั้นขอองค์หญิงเสด็จไปประทับยังเมืองจินเจาเถิดพ่ะย่ะค่ะ ที่นั่นน่าจะทรงปลอดภัยมากกว่าเสด็จกลับไปที่วังหลวง”
ซินเอ๋อร์ระบายลมหายใจออกมาอย่างเครียดจัด
“ข้ารู้” นางกล่าว “แต่ข้าต้องกลับไป แม่และน้องของข้าอยู่ที่นั่น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ