กองทัพเจ็ดหมื่นของเสวียนชิวรุดออกจากเมืองมายังหลันเจา ในขณะที่เสวียนชิงนำกองกำลังหนึ่งหมื่นไปคอยรับมือกับฝูซิ่นเล่อ
การที่ฝูซิ่นเล่อยกพลไปถึงลวี่เจานั้นย่อมหมายชิงเสบียงคืน การบุกไปถึงถิ่นของศัตรูต้องใช้กำลังพลจำนวนไม่น้อย อีกทั้งแม่ทัพใหญ่ยังยกทัพไปด้วยตัวเอง ยามนี้ในหลันเจาจะเหลือผู้ใดเล่า นอกจากกุนซือขี้โรคกับพลทหารที่หิวโหย
เสวียนชิวใคร่จะได้เห็นใบหน้ายามพ่ายแพ้ของฝูซิ่นฮวาให้เต็มสองตา จนแทบจะทนไม่ไหว!
เหนือกำแพงเมืองหลันเจา เหล่านายกองและทหารทั้งหลายกำลังทอดสายตาไปเบื้องหน้าราวกับกำลังรอคอยผู้ที่กำลังจะกลับมา หรือกำลังจะมา
แสงสว่างจากดวงจันทร์สะท้อนให้ถึงกลุ่มควันขนาดใหญ่ พื้นดินที่สั่นสะเทือนน้อย ๆ บ่งบอกว่ามีบางสิ่งที่มีจำนวนไม่น้อยกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขา
ทันใดนั้นเสียงร้องตะโกนข่มขวัญก็ดังกู่ก้องขึ้น ทั้งหมดจึงได้ประจักษ์ว่านี่หาใช่กองกำลังของตนที่จากไปเพื่อปล้นเสบียง แต่เป็นกองทัพของศัตรูที่คิดฉวยโอกาสนี้บุกเข้าตีเมืองหลันเจา
“ท่านกุนซือ!”
พลทหารกำลังจะรีบไปรายงาน ทว่าร่างในชุดสีขาวไข่มุกคลุมทับด้วยผ้าคลุมสีเงินก็ปรากฏกายขึ้นบนกำแพงเมืองเสียก่อน
มุมปากสีชมพูกลีบกุหลาบยกยิ้มอย่างเยือกเย็น ในที่สุดนางก็ได้เห็นกองทัพทหารม้าที่ยิ่งใหญ่แห่งต้าเจากำลังรุดหน้ามาหานางจนได้
“ข้าคิดว่าข้างล่างมืดเกินไปแล้ว เพิ่มแสงสว่างให้พวกต้าเจาหน่อยเป็นไร”
“ขอรับท่านกุนซือ” นายทหารผู้หนึ่งรับคำ จากนั้นจึงหยิบคันธนูและเกาทัณฑ์ที่ติดไฟขึ้นมา ฝูซิ่นฮวาจึงเอื้อมมือไปรับของทั้งสองสิ่ง
“ท่านกุนซือ”
“ส่งมาให้ข้า” ฝูซิ่นฮวาเอ่ยเสียงเรียบ พลทหารจึงส่งคันธนูและเกาทัณฑ์ติดไฟให้นาง
เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นฝูซิ่นฮวาจับอาวุธ
หญิงสาวที่เคยฝึกยิงธนูมาบ้างรับคันธนูนั้นมา แล้วเล็งยิงไปยังเบื้องล่าง
พื้นที่ที่ชุ่มไปด้วยน้ำมันติดไฟขึ้นทันที กองทัพต้าเจาจำนวนไม่น้อยถูกไฟลุกท่วมดิ้นรนหนีตายเอาตัวรอด เสวียนชิวเหลียวหลังไปมองทหารของตนที่ถูกไฟคอก ยามที่พวกเขาขี่ม้าเข้ามานั้นได้กลิ่นน้ำมันอยู่บ้าง แต่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ทัน ทำให้ทหารส่วนหนึ่งต้องถูกเผาทั้งเป็น
เสวียนชิวหันกลับมายังกำแพงเมืองหลันเจา ผ้าคลุมสีเงินของฝูซิ่นฮวาสะท้อนกับแสงไฟจากคบเพลิง ทำให้ดูราวกับนางกำลังยืนอยู่ท่ามกลางกองไฟ งามสง่าและดูน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน
กองทัพที่ผ่านพ้นกำแพงไฟมาได้พยายามรุดหน้าเข้าสู่กำแพงเมืองหลันเจา ในขณะที่กองทัพที่อยู่ด้านหลังพยายามดับไฟ
“ยิง!” ฝูซิ่นฮวาสั่งการเสียงดังอย่างผิดปกติวิสัยของนาง
พลทหารธนูระดมยิงธนูเพลิงทันทีที่ได้ยินเสียงของฝูซิ่นฮวา ไม่บ่อยนักที่จะได้ยินนางตะโกนเช่นนี้เพราะกุนซือสาวมักสั่งการด้วยน้ำเสียงราบเรียบเสมอ เห็นได้ชัดว่าการสูญเสียพลทหารคุ้มกันเสบียงห้าพันนาย สร้างความเจ็บปวดให้นางมากเพียงใด
ฝูซิ่นฮวาก้มหน้าลงมองต่ำ เห็นเสวียนชิวกำลังจับจ้องมาที่นางด้วยแววตาอาฆาตแค้น หญิงสาวยิ้มเย็นก่อนพึมพำเสียงแผ่วคล้ายพูดกับตัวเอง
“มาหาข้าสิ เสวียนชิว”
ชายผ้าสีเงินสะบัดพลิ้ว ขณะที่ฝูซิ่นฮวาหมุนตัวกลับแล้วเดินลงจากกำแพงเมืองพร้อมทหารองครักษ์ เสวียนชิวรู้ว่านางกำลังท้าทายเขา แม้ไม่ได้ยินเสียงของนางที่อยู่ไกลออกไป แต่เขากลับรู้สึกคล้ายได้ยินเสียงหวานกระซิบถ้อยคำท้าทายให้เขาไปหานาง
“ทำลายประตูเมือง!” เสวียนชิวตะโกนลั่น
ทว่ายังไม่ทันที่ใครจะก้าวขาเข้าใกล้ประตูเมือง ประตูก็เปิดออก เสวียนชิวชะงักไปครู่หนึ่ง
หรือว่าเขาจะตกหลุมพรางของฝูซิ่นฮวาเข้าอีกครั้ง!
ฝูซิ่นฮวาก้าวเท้าผ่านกองทัพทหารม้าที่ยิ่งใหญ่ของตนมาหยุดอยู่ที่อาชาศึกของผู้เป็นแม่ทัพ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ