แรงโทสะครอบคลุมไปทั่วทั้งพระราชวังแห่งต้าเจา เมื่อพลส่งข่าวเข้ามารายงานว่ากองทัพต้าเจาถูกทัพไป๋หู่ปล้นเสบียงกลับไปได้ อีกทั้งรัชทายาทยังถูกลวงไปโจมตีถึงเมืองหลันเจา ทำให้เสียไพร่พลไปจำนวนไม่น้อย
“เสบียงก็เสีย คนก็ตาย แล้วจะเอาอะไรไปสู้กับไอ้พวกต้าจิน!” เสวียนหานเฟิงอาละวาดทำลายข้าวของจนบรรดาข้าราชบริพารต่างพากันตัวสั่น
“ฝ่าบาท หรือเราควรขอเจรจายุติสงครามพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยถาม
“เราโจมตีต้าจินหลังเจรจายุติสงครามไปได้เพียงปีกว่า ยามนี้ต่อให้เจรจาก็ต้องเสียเมืองให้ต้าจินเป็นแน่ ข้าไม่มีวันยอมให้ไอ้พวกต้าจินเข้ามาครอบครองต้าเจาของเราเป็นอันขาด!”
“แต่...”
“ไม่มีแต่! หาเสบียงเพิ่มแล้วส่งไปให้ลูกข้าที่ลวี่เจาให้เร็วที่สุด!”
“แต่ฝ่าบาท เสบียงที่เพิ่งส่งไปนั้นเราเพิ่งจะรวบรวมจากประชาชนมาได้ ยามนี้จึงเหลือเพียงลูกวัวลูกแกะที่ยังไม่เติบโตเท่านั้น”
“ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะไปหาเสบียงมาจากไหน แต่พรุ่งนี้ต้องมีเสบียงส่งไปให้ลูกข้าที่ลวี่เจา!”
“ฝ่าบาท!”
“หาไม่ ต่อให้ต้องแล่เนื้อพวกเจ้าส่งไป ข้าก็จะทำ!”
ฝูซิ่นเล่อนำกองทหารเดินทางเข้าสู่เมืองหวงเจา เพื่อมาดักปล้นเสบียงของทัพต้าเจาที่กำลังจะถูกส่งมาจากเมืองหลวง เขามั่นใจว่าฮ่องเต้ต้าเจาย่อมไม่มีวันปล่อยให้โอรสและกองทัพต้องอดอยากจากการถูกปล้นเสบียงในคืนที่ผ่านมา ดังนั้นภายในวันนี้ กองเสบียงจากเมืองหลวงจะต้องเดินทางมาถึงลวี่เจาเป็นแน่
“รายงาน!” สายของฝูซิ่นเล่อที่เขาให้ไปสืบข่าวคราวในเมืองลวี่เจาวิ่งเข้ามา “เรียนท่านแม่ทัพขณะนี้ทัพต้าเจาส่งพลทหารประมาณห้าพันนายออกจากเมืองลวี่เจา คาดว่าน่าจะไปรอรับเสบียงจากเมืองหลวงขอรับ”
“คราวก่อนเราส่งทหารห้าพันไปคุ้มกันเสบียง พวกมันฆ่าคนของเราไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว” ฝูซิ่นเล่อพูดเสียงค่อย แต่กลับเจือไปด้วยความเจ็บแค้น “ครั้งนี้เราจะทำกับมันเช่นที่มันทำกับพวกเรา!”
ศึกครั้งนี้ฝูซิ่นเล่อมิได้นำม้ามาด้วย เพราะเขาหมายใจจะนำม้าของศัตรูกลับไป เมื่อไม่มีม้าก็สามารถซ่อนตัวระหว่างทางได้ไม่ยาก ยิ่งมีทหารที่เจ้าเมืองหวงเจากับเจ้าเมืองลวี่เจามอบให้ ซึ่งเป็นผู้ชำนาญในพื้นที่อยู่ด้วยแล้ว การซุ่มซ่อนตัวเพื่อการบุกโจมตีครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง
การเคลื่อนไหวของเหล่าพลทหารหนึ่งหมื่นห้าพันนายเงียบเชียบอย่างไม่น่าเชื่อ ทหารแต่ละคนฝีเท้าเบาราวกับมีวิชาตัวเบาเลิศล้ำ ฝูซิ่นเล่อแบ่งทหารเป็นสองกอง ขนาบถนนที่ใช้ขนส่งเสบียงทั้งด้านซ้ายและขวา รออยู่ราวสองชั่วยาม ในที่สุดก็ได้เห็นกองเสบียงจากเมืองหลวง
เนื่องจากเส้นทางการขนส่งเสบียงครั้งนี้อยู่ในเขตต้าเจา ไม่เชื่อมต่อกับพื้นที่ของต้าจิน หรือเขตแดนที่ต้าจินยึดครองไปได้ ทัพต้าเจาจึงไม่ทันระวังว่าจะมีศัตรูแอบแฝงมาดักปล้นชิง จนกระทั่งได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น
“โจมตี!” ฝูซิ่นเล่อตะโกนสั่งการ
พลทหารทุกคนไม่รอช้า รีบออกจากที่ซ่อนแล้วโจมตีทหารคุ้มกันเสบียง ดังเช่นที่พวกต้าเจาเคยกระทำต่อต้าจิน จำนวนทหารที่มากกว่าสามเท่า กอปรกับฝีมือการต่อสู้ของทหารกล้าทัพไป๋หู่ ทำให้ฝ่ายต้าจินได้เปรียบ เสวียนชิงที่มาคุ้มกันเสบียง เห็นเสบียงของตนกำลังจะถูกชิงไปก็สั่งการให้ทหารกระจายกำลังออกต่อสู้คุ้มกัน แต่คาดไม่ถึงว่า ยามนี้ทหารทัพไป๋หู่จะฮึกเหิมดุดันกว่าที่เขาเคยพบ เนื่องจากยามนี้ทหารทุกคนล้วนต้องสู้ตายเพื่อให้ได้มาซึ่งเสบียง หาไม่ พวกเขาอาจต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ด้วยความหิวโหย
“เจ้าจงเร่งนำเสบียงสองร้อยคันสุดท้ายหันหลังไปเมืองหลวง” เสวียนชิงสั่งการนายทหารผู้หนึ่ง
“ขอรับ รองแม่ทัพ!”
เสวียนชิงเร่งควบม้าไปยังรถม้าขนเสบียงสองร้อยคันแรก แล้วสั่งให้นายทหารเร่งนำเสบียงกลับไปยังเมืองลวี่เจา ทหารกระจายกำลังกันออกห่างจากรถขนเสบียงที่อยู่ระหว่างกลาง พลทหารทัพไป๋หู่รีบมุ่งหน้าเข้าหาเสบียงที่ถูกทิ้งไว้ ทว่ายังไม่ทันแตะต้องรถม้า ก็ได้ยินเสียงฝูซิ่นเล่อตะโกนห้ามเสียงดังลั่น
“ถอยออกมาจากรถม้าพวกนั้น ถอย!”
พลทหารชะงักมือ ซึ่งเป็นวินาทีเดียวกับที่เสวียนชิงยิงธนูเพลิงเข้าใส่รถม้าคันหนึ่ง
“วิ่ง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ