เหมยฮวาบัญชาการ นิยาย บท 75

จินเกาหยางนำกำลังคุ้มกันเสบียงมาจนถึงเมืองลั่วชิว เมื่อผ่านพ้นเมืองนี้ไปก็เท่ากับสิ้นสุดเขตแดนต้าจิน และเส้นทางเบื้องหน้าก็คือเส้นทางอันตรายที่อาจจะถูกซุ่มโจมตีได้ทุกเมื่อ

จินเกาหยางขี่ม้านำขบวนคุ้มกันเสบียงดำเนินผ่านเส้นทางที่ทุกคนเรียกกันว่า ‘ถนนอั้นจิ่ง’ ซึ่งเป็นถนนที่ฝูซิ่นฮวาให้ทหารมาสร้างไว้ตั้งแต่สมัยที่นางเริ่มต้นฟื้นฟูเมืองหลันเจา เพื่อใช้ในการขนข้าวของต่าง ๆ และเสบียงจากเมืองหลวง

พลคุ้มกันเสบียงมีไม่มากไม่น้อยไปจากเดิม ต่างที่ปริมาณเสบียงนั้นเบาบางลงไร้ซึ่งเนื้อสัตว์ เหล่าทหารพูดคุยกันน้อยลง เพราะต้องคอยสังเกตความผิดปกติรอบกายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

พอเดินทางออกจากเมืองลั่วชิวได้ราวหนึ่งชั่วยาม จินเกาหยางก็สั่งให้ทุกคนหยุดพักที่ข้างทาง ให้พลทหารขี่ม้าลาดตระเวนสำรวจพื้นที่ว่ามีความปลอดภัยหรือไม่ แต่ผ่านไปแล้วครึ่งชั่วยามก็ยังไม่มีวี่แววว่าพลทหารที่ออกไปลาดตระเวนจะกลับมาแต่อย่างใด

ไม่ปกติเสียแล้ว!

“มาโน่นแล้วขอรับท่านอ๋อง!” มู่จิ่วร้องขึ้นอย่างดีใจ เมื่อเห็นพลทหารสองคนควบม้ากลับมาแต่ไกลหากจินเกาหยางกลับขมวดคิ้วขณะเพ่งมองไปเบื้องหน้า

พลทหารที่กำลังควบม้ากลับมามีลักษณะการทรงตัวแปลกประหลาด คล้ายกับพร้อมจะตกลงมาจากหลังม้าได้ทุกเมื่อ แล้วเสียงฝีเท้าของอาชาที่มากกว่าสองตัวก็ดังกระหึ่มขึ้น

เสวียนชิงที่พ่ายแพ้จากศึกชิงเสบียงที่เมืองลวี่เจาโกรธแค้นที่พ่ายแพ้ต่อสองพี่น้องสกุลฝู อีกทั้งยังถูกพระบิดาคาดโทษเอาไว้ องค์ชายรองจึงนำพาความเดือดแค้นทั้งหมดมาพร้อมกับทหารห้าหมื่นนาย หวังแย่งชิงเสบียงจากต้าจินอีกครั้ง

“ข้าศึกบุก! เตรียมประจัญบาน!” จินเกาหยางตะโกนสั่งการ

กองกำลังของจินเกาหยางควบม้าขึ้นมาตั้งแถวรอตั้งรับทัพต้าเจา หอกหลาวถูกชี้ออกไปหาศัตรูเบื้องหน้า ทัพต้าเจาควบม้าเข้ามาอย่างดุดัน หากจินเกาเองก็เตรียมพร้อมต่อสู้

ทหารม้าทั้งสองฝ่ายตรงเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง แต่แล้วกองทหารที่ควรจะมีเพียงแค่ห้าพันนายของจินเกาหยางก็กลับเพิ่มจำนวนขึ้น ทหารกล้าแห่งทัพไป๋หู่พุ่งออกมาจากที่ซ่อนทั้งซ้ายและขวา เสวียนชิงยิ้มกริ่ม เขารู้อยู่แล้วว่าครั้งนี้ต้าจินต้องวางแผนรับมือเป็นอย่างดี ไม่ยอมปล่อยให้เสบียงถูกปล้นซ้ำเป็นครั้งที่สอง

“เจ้านำทหารของเจ้าแยกไปปีกซ้าย ส่วนเจ้าแยกไปปีกขวา พยายามโอบล้อมพวกมันไว้ให้จงได้!”

เสวียนชิงสั่งการกับนายทหารที่รับคำแล้วนำกองทหารของตนแยกไปตามคำสั่ง ตำราพิชัยยุทธ์ว่าไว้ หากแม้มีกำลังพลมากกว่าสิบเท่าให้โอบล้อมโจมตี แม้ครั้งนี้เขาจะไม่ได้มีกำลังพลมากกว่าทัพไป๋หู่ถึงสิบเท่าดังเช่นหนก่อน แต่ก็นับว่ายังมากกว่าหลายเท่านัก

“เสวียนชิง!” จินเกาหยางเรียกชื่อของศัตรูอย่างเดือดดาล ขณะควบม้าเข้าไปหา

เสวียนชิงหาได้มีฝีมือในการใช้ทวนเทียบเท่าเสวียนชิว องค์ชายรองจึงให้นายกองอีกสองคนช่วยรับมือกับจินเกาหยาง กลายเป็นสามรุมหนึ่ง ในสายตาของทหารทัพไป๋หู่นั้น เสวียนชิงนับเป็นผู้นำที่ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี กระทั่งจะต่อสู้ตัวต่อตัวกับผู้นำทัพฝ่ายตรงข้ามก็ยังไม่กล้า

“จริงอย่างที่ชายาข้าว่าไว้ เจ้ามันก็แค่ลูกสุนัขที่ทำได้เพียงหลบอยู่หลังทหารของตน!” จินเกาหยางตะโกนยั่วยุทั้งที่มือยังต่อสู้อยู่

“อย่างน้อยข้าก็ยังขี่ม้าออกศึก ไม่เหมือนนังแพศยาของเจ้า ที่เอาแต่หดหัวอยู่แต่ในค่าย!” เสวียนชิงโต้กลับ

จินเกาหยางอยากจะถ่มน้ำลายใส่องค์ชายรองแห่งต้าเจาผู้นี้ยิ่งนัก บุรุษประเภทใดกันที่เอาตัวไปเปรียบเทียบกับสตรีเปราะบางผู้หนึ่ง

“ช่างพูดออกมาได้ เจ้าไม่อับอายไพร่พล ไม่อับอายฟ้าดินบ้างเลยหรือไร ที่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับสตรี” จินเกาหยางตะโกนถาม “หรือว่าแท้จริงแล้วจิตใจเจ้าก็เป็นสตรีเช่นนาง”

“จินเกาหยาง!”

“จะว่าอย่างนั้นก็คงไม่ได้ เพราะสตรีเช่นฝูซิ่นฮวาจิตใจสูงส่งกว่าเจ้านัก ยิ่งหากเทียบกันด้วยสติปัญญาแล้ว กลศึกของเจ้ายังไม่เคยเอาชนะกลศึกของชายาข้าได้สักครั้งเลยมิใช่หรือ”

“กระนั้นหรือ” เสวียนชิงยิ้มหยัน “ไม่ใช่เพราะข้าชิงเสบียงจากนางไปได้ จนเจ้าต้องหาข้าวปลามาให้นางใหม่ถึงที่หรอกหรือ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ