จินเกาหยางนำกำลังคุ้มกันเสบียงมาจนถึงเมืองลั่วชิว เมื่อผ่านพ้นเมืองนี้ไปก็เท่ากับสิ้นสุดเขตแดนต้าจิน และเส้นทางเบื้องหน้าก็คือเส้นทางอันตรายที่อาจจะถูกซุ่มโจมตีได้ทุกเมื่อ
จินเกาหยางขี่ม้านำขบวนคุ้มกันเสบียงดำเนินผ่านเส้นทางที่ทุกคนเรียกกันว่า ‘ถนนอั้นจิ่ง’ ซึ่งเป็นถนนที่ฝูซิ่นฮวาให้ทหารมาสร้างไว้ตั้งแต่สมัยที่นางเริ่มต้นฟื้นฟูเมืองหลันเจา เพื่อใช้ในการขนข้าวของต่าง ๆ และเสบียงจากเมืองหลวง
พลคุ้มกันเสบียงมีไม่มากไม่น้อยไปจากเดิม ต่างที่ปริมาณเสบียงนั้นเบาบางลงไร้ซึ่งเนื้อสัตว์ เหล่าทหารพูดคุยกันน้อยลง เพราะต้องคอยสังเกตความผิดปกติรอบกายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
พอเดินทางออกจากเมืองลั่วชิวได้ราวหนึ่งชั่วยาม จินเกาหยางก็สั่งให้ทุกคนหยุดพักที่ข้างทาง ให้พลทหารขี่ม้าลาดตระเวนสำรวจพื้นที่ว่ามีความปลอดภัยหรือไม่ แต่ผ่านไปแล้วครึ่งชั่วยามก็ยังไม่มีวี่แววว่าพลทหารที่ออกไปลาดตระเวนจะกลับมาแต่อย่างใด
ไม่ปกติเสียแล้ว!
“มาโน่นแล้วขอรับท่านอ๋อง!” มู่จิ่วร้องขึ้นอย่างดีใจ เมื่อเห็นพลทหารสองคนควบม้ากลับมาแต่ไกลหากจินเกาหยางกลับขมวดคิ้วขณะเพ่งมองไปเบื้องหน้า
พลทหารที่กำลังควบม้ากลับมามีลักษณะการทรงตัวแปลกประหลาด คล้ายกับพร้อมจะตกลงมาจากหลังม้าได้ทุกเมื่อ แล้วเสียงฝีเท้าของอาชาที่มากกว่าสองตัวก็ดังกระหึ่มขึ้น
เสวียนชิงที่พ่ายแพ้จากศึกชิงเสบียงที่เมืองลวี่เจาโกรธแค้นที่พ่ายแพ้ต่อสองพี่น้องสกุลฝู อีกทั้งยังถูกพระบิดาคาดโทษเอาไว้ องค์ชายรองจึงนำพาความเดือดแค้นทั้งหมดมาพร้อมกับทหารห้าหมื่นนาย หวังแย่งชิงเสบียงจากต้าจินอีกครั้ง
“ข้าศึกบุก! เตรียมประจัญบาน!” จินเกาหยางตะโกนสั่งการ
กองกำลังของจินเกาหยางควบม้าขึ้นมาตั้งแถวรอตั้งรับทัพต้าเจา หอกหลาวถูกชี้ออกไปหาศัตรูเบื้องหน้า ทัพต้าเจาควบม้าเข้ามาอย่างดุดัน หากจินเกาเองก็เตรียมพร้อมต่อสู้
ทหารม้าทั้งสองฝ่ายตรงเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง แต่แล้วกองทหารที่ควรจะมีเพียงแค่ห้าพันนายของจินเกาหยางก็กลับเพิ่มจำนวนขึ้น ทหารกล้าแห่งทัพไป๋หู่พุ่งออกมาจากที่ซ่อนทั้งซ้ายและขวา เสวียนชิงยิ้มกริ่ม เขารู้อยู่แล้วว่าครั้งนี้ต้าจินต้องวางแผนรับมือเป็นอย่างดี ไม่ยอมปล่อยให้เสบียงถูกปล้นซ้ำเป็นครั้งที่สอง
“เจ้านำทหารของเจ้าแยกไปปีกซ้าย ส่วนเจ้าแยกไปปีกขวา พยายามโอบล้อมพวกมันไว้ให้จงได้!”
เสวียนชิงสั่งการกับนายทหารที่รับคำแล้วนำกองทหารของตนแยกไปตามคำสั่ง ตำราพิชัยยุทธ์ว่าไว้ หากแม้มีกำลังพลมากกว่าสิบเท่าให้โอบล้อมโจมตี แม้ครั้งนี้เขาจะไม่ได้มีกำลังพลมากกว่าทัพไป๋หู่ถึงสิบเท่าดังเช่นหนก่อน แต่ก็นับว่ายังมากกว่าหลายเท่านัก
“เสวียนชิง!” จินเกาหยางเรียกชื่อของศัตรูอย่างเดือดดาล ขณะควบม้าเข้าไปหา
เสวียนชิงหาได้มีฝีมือในการใช้ทวนเทียบเท่าเสวียนชิว องค์ชายรองจึงให้นายกองอีกสองคนช่วยรับมือกับจินเกาหยาง กลายเป็นสามรุมหนึ่ง ในสายตาของทหารทัพไป๋หู่นั้น เสวียนชิงนับเป็นผู้นำที่ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี กระทั่งจะต่อสู้ตัวต่อตัวกับผู้นำทัพฝ่ายตรงข้ามก็ยังไม่กล้า
“จริงอย่างที่ชายาข้าว่าไว้ เจ้ามันก็แค่ลูกสุนัขที่ทำได้เพียงหลบอยู่หลังทหารของตน!” จินเกาหยางตะโกนยั่วยุทั้งที่มือยังต่อสู้อยู่
“อย่างน้อยข้าก็ยังขี่ม้าออกศึก ไม่เหมือนนังแพศยาของเจ้า ที่เอาแต่หดหัวอยู่แต่ในค่าย!” เสวียนชิงโต้กลับ
จินเกาหยางอยากจะถ่มน้ำลายใส่องค์ชายรองแห่งต้าเจาผู้นี้ยิ่งนัก บุรุษประเภทใดกันที่เอาตัวไปเปรียบเทียบกับสตรีเปราะบางผู้หนึ่ง
“ช่างพูดออกมาได้ เจ้าไม่อับอายไพร่พล ไม่อับอายฟ้าดินบ้างเลยหรือไร ที่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับสตรี” จินเกาหยางตะโกนถาม “หรือว่าแท้จริงแล้วจิตใจเจ้าก็เป็นสตรีเช่นนาง”
“จินเกาหยาง!”
“จะว่าอย่างนั้นก็คงไม่ได้ เพราะสตรีเช่นฝูซิ่นฮวาจิตใจสูงส่งกว่าเจ้านัก ยิ่งหากเทียบกันด้วยสติปัญญาแล้ว กลศึกของเจ้ายังไม่เคยเอาชนะกลศึกของชายาข้าได้สักครั้งเลยมิใช่หรือ”
“กระนั้นหรือ” เสวียนชิงยิ้มหยัน “ไม่ใช่เพราะข้าชิงเสบียงจากนางไปได้ จนเจ้าต้องหาข้าวปลามาให้นางใหม่ถึงที่หรอกหรือ”
ทหารต้าจินพากันถอยทัพตามคำสั่งเว่ยหยางอ๋อง เสวียนชิงหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ จินเกาหยางที่เพิ่งพูดจาปรามาสเขาเมื่อครู่ ยามนี้เร่งนำพลทหารหนีตายยิ่งกว่าสุนัขจนตรอก
จินเกาหยางเหลียวกลับมามองเสวียนชิงที่กำลังหัวเราะ และมองรถม้าขนเสบียงกว่าสามร้อยคันที่กำลังถูกทหารต้าเจาโอบล้อม ก่อนตัดสินใจหมุนม้ากลับแล้วมุ่งไปเบื้องหน้า ทิ้งรถม้าขนเสบียงทั้งหลายไว้เบื้องหลัง
“หากต้องปะทะกันครั้งต่อไป อย่าเพิ่งรีบฆ่าจินเกาหยางเสียล่ะ” เสวียนชิงยิ้มเหี้ยม
“เหตุใดกันขอรับ” นายทหารคนหนึ่งถามอย่างไม่เข้าใจ
“ข้าไม่อยากให้มันตายก่อนชายาของมัน” เสวียนชิงตอบ “จินเกาหยางและฝูซิ่นเล่อจะต้องมองดูพี่ชายข้า ตัวข้า และทหารคนอื่น ๆ เสพสุขจากเรือนร่างของฝูซิ่นฮวา ข้าจะให้พวกมันมองดูสตรีที่มันรักและเทิดทูนหนักหนาอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชที่สุด อยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้!”
“...”
“ทั้งจินเกาหยาง ฝูซิ่นเล่อ และฝูซิ่นฮวาจะต้องตกต่ำที่สุด ข้าจะไม่มีวันยอมให้พวกมันได้มีความสุขแม้เพียงชั่วพริบตา ข้าจะให้พวกมันชดใช้ให้ชาวต้าเจาที่ต้องหลั่งเลือดด้วยความเจ็บปวดทรมานตลอดทั้งชีวิตของพวกมัน!”
รอยยิ้มของเสวียนชิงอำมหิตเหี้ยมเกรียม บรรดาทหารทั้งหลายต่างรู้ดีว่าแม้ภายนอกเสวียนชิวจะเป็นคนอารมณ์ร้อนและโมโหร้ายเพียงใด แต่องค์รัชทายาทก็ยังน่ากลัวไม่เท่าองค์ชายรองที่ดูใจเย็นสุขุมผู้นี้
เสวียนชิงมีสารพัดวิธีที่จะใช้ทรมานผู้คนให้ตายทั้งเป็น แต่จะไม่ยอมให้คนผู้นั้นได้ตายง่าย ๆ เพราะเขาชื่นชอบการมองดูความทุกข์ทรมานของศัตรูยิ่งกว่าสิ่งใด
บางทีปีศาจแห่งต้าเจาอาจจะไม่ใช่รัชทายาทผู้ดุดัน แต่เป็นองค์ชายรองผู้ซึ่งอำมหิตและเลือดเย็นที่สุดผู้นี้ต่างหาก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ