ฝูซิ่นฮวาต้องอดทนเป็นอย่างมาก เพื่อให้ตัวเองสามารถควบม้ากลับมาถึงค่ายทหารได้โดยไม่ตกลงมาจากหลังม้า
ทว่าก้าวแรกที่กีบม้าเหยียบย่างเข้ามาในค่าย อันเป็นสถานที่ซึ่งฝูซิ่นฮวารู้ดีว่าตนปลอดภัย ร่างบอบบางก็ร่วงลงจากหลังม้าทันที โชคดีที่องครักษ์หญิงสองคนใช้วิชาตัวเบาพุ่งเข้ามารับตัวนางไว้ได้ทันก่อนที่จะกระแทกพื้น
เมื่อจินเกาหยางกลับมาถึงค่ายทหารก็พบว่าฝูซิ่นฮวาหมดสติไปแล้ว ทั้งยังมีเลือดไหลออกมาตามหว่างขา หมอหลวงพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะยื้อชีวิตนางไว้ ไม่ว่าจะเป็นยาวิเศษขนานใดที่ฮ่องเต้พระราชทานมาให้สำหรับใช้ยามฉุกเฉิน ล้วนถูกนำมาใช้จนหมดสิ้น
“ไม่น่าเชื่อว่านางจะอดทนจนกลับมาถึงค่ายได้” หมอหลวงพูดกับจินเกาหยาง หลังผ่าเอาหัวธนูทั้งหมดออกจากบริเวณไหล่ของฝูซิ่นฮวาได้ “สตรีบอบบางเช่นนาง ทั้งถูกยิงทั้งเสียเลือด แต่กลับพาตัวเองกลับมาถึงค่ายโดยมิต้องให้ใครช่วย ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก”
“แล้วตอนนี้นางเป็นเช่นไรบ้าง” จินเกาหยางถามอย่างร้อนใจ แม้เคยชินกับอาการเจ็บป่วยของนาง แต่การบาดเจ็บเพียงนี้นั้น แม้แต่บุรุษบางคนยังทนไม่ได้ ชายาของเขาบอบบางถึงเพียงนี้ นางจะทนไหวหรือ
“ตอนนี้กระหม่อมยังตอบอะไรมากมิได้ เนื่องด้วยพระชายาเสียเลือดไปมาก เมื่อนางฟื้น กระหม่อมจะจัดยาบำรุงโลหิตถวาย”
“แล้วลูกข้าล่ะ ครรภ์ของนางเป็นเช่นไรบ้าง”
“พระชายาควบม้าทั้งที่ตั้งครรภ์เพียงไม่กี่เดือน ย่อมต้องกระทบกระเทือน แต่ก็ยังไม่ถึงกับแท้งบุตร” หมอหลวงตอบ “เพียงแต่ต่อไปต้องระวังไม่ให้ครรภ์ของนางได้รับความกระทบกระเทือนแม้แต่น้อย หาไม่ อาจรักษาครรภ์นี้ไว้ไม่ได้อีก”
“ได้ ข้าจะคอยดูแลนางเอง” จินเกาหยางกล่าวพลางกุมมือเย็นเฉียบของฝูซิ่นฮวาไว้ พร้อมกับวางมืออีกข้างลงบนครรภ์ของนาง
“กระหม่อมจะมาดูอาการให้พระชายาทุกชั่วสองยาม”
“ขอบคุณท่านหมอมาก”
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ เป็นหน้าที่ของกระหม่อม” หมอหลวงตอบ ก่อนลาจินเกาหยางออกจากกระโจม เพื่อไปช่วยหมอคนอื่นดูแลผู้บาดเจ็บ
สามชั่วยามต่อมา ฝูซิ่นเล่อจึงกลับมาถึงค่าย แม่ทัพหนุ่มหาได้สนใจบาดแผลของตน ห่วงใยเพียงพี่สาวที่บัดนี้ไม่รู้ว่าเป็นเช่นไรบ้าง
“ท่านอ๋อง! พี่สาวของกระหม่อม...” ฝูซิ่นเล่อพรวดพราดเข้ามาในกระโจม ขณะที่จินเกาหยางกำลังใช้ผ้าชุบน้ำซับหน้าผากให้ฝูซิ่นฮวา
“หมอผ่าเอาหัวธนูออก พร้อมใส่ยาพันแผลให้แล้ว ยามนี้นางมีไข้” จินเกาหยางพูดพลางเช็ดหน้าให้ชายาของตนไปพลาง “แต่ท่านหมอบอกว่าตัวร้อนก็ยังดีกว่าตัวเย็น”
ฝูซิ่นเล่อเดินเข้ามาใกล้พี่สาวของตน ก่อนลงนั่งข้างฟูกที่นางนอนหลับใหลอยู่ ก่อนไถ่ถามอาการของพี่สาวและครรภ์ของนางโดยละเอียดจากผู้เป็นพี่เขย
ยามนี้มีทหารจำนวนไม่น้อยที่กำลังเป็นห่วงท่านกุนซือ ทหารบางคนที่ค่ายเห็นเลือดที่เปื้อนกระโปรงนางก็พอเดาได้ว่าหญิงสาวมีครรภ์ ยามนี้จึงกลายเป็นที่กล่าวขวัญกันไปทั้งกองทัพว่ากุนซือฝูเป็นสตรีผู้กล้า แม้ตั้งครรภ์อยู่ก็ยังออกศึกด้วยตัวเอง ทั้งยังลั่นกลองรบด้วยความกล้าหาญ แม้ถูกยิงก็ยังไม่หยุดรัวกลอง
จินเกาหยางอยากให้ฝูซิ่นฮวาตื่นมาได้ยินว่าบรรดาทหารต่างยกย่องสรรเสริญนางเช่นไรบ้าง เขาได้แต่ลูบไล้ผิวแก้มเนียนที่ขาวซีดแผ่วเบา ก่อนก้มลงจุมพิตหน้าผากของนางอย่างนุ่มนวล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ