เจิ้งปินแต่งงานกับซ่งหงเย่ช้ากว่าเย่เฉินและหวังเจียเหยาหนึ่งปี ตอนนี้ก็น่าจะเป็นเวลาสองปีแล้ว
เย่เฉินและหวังเจียเหยาแต่งงานกันมาสามปีไม่เคยนอนร่วมห้องกันดังนั้นตอนนี้ถึงได้เพิ่งมีลูก
แต่เจิ้งปินกับซ่งหงเย่เป็นคู่สามีภรรยาที่ปกติ ตามหลักแล้วแต่งงานกันมาตั้งสองปีน่าจะมีลูกไปนานแล้ว
พอพูดถึงเรื่องนี้ เจิ้งปินก็ตะขิดตะขวงใจน้อยๆ เขาดื่มเหล้าอึกใหญ่ก่อนจะวางแก้วเหล้าลงแล้วกล่าวต่อ
“พ่อแม่ผมน่ะเร่งให้มีหลานตั้งแต่เริ่มแต่งงานแล้ว แต่หงเย่บอกว่าตอนนี้หล่อนอายยุยังน้อย ไม่ถือเป็นช่วงอายุที่ดีที่สุดในการมีลูก ไม่อยากหุ่นพังตั้งแต่อายุยังน้อย แถมยังต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกด้วย”
เย่เฉินพ่นลมออกจากจมูก นี่ซ่งหงเย่คิดจะฉวยโอกาสตอนที่ตัวเองอายุยังน้อยอ่อยผู้ชายคนอื่นไม่ใช่หรือไง!
ผู้หญิงเมื่อคลอดลูกแล้ว บางคนก็ฟื้นตัวได้เร็ว บาคนฟื้นตัวได้ช้ามาก
ซ่งหงเย่เป็นคนอ้วนง่ายแล้วผอมยากเสียด้วย
ถ้าเรือนร่างหล่อนเกิดการเปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่อ้วนท้วมขึ้นมา ต่อให้หล่อนมีเงินมากเท่าไหร่ หนุ่มๆ ก็ไม่มองหล่อน
ทันใดนั้นเองเจิ้งปินก็พูดต่อ “แต่เมื่อปีก่อน หงเย่เกิดพลาดท้องมาครั้งหนึ่ง!”
“พลาดท้อง!”
เย่เฉินและฉินหงเหยียนตกตะลึงไปพร้อมกัน พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะไม่ธรรมดาแบบนั้น
เจิ้งปินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเล่าต่อ “พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะมีลูกกัน แล้วก็คุมกำเนิดกันแล้วด้วย แต่สวรรค์มีตารู้ว่าผมอยากมีลูก สวรรค์เลยเมตตาให้หงเย่ท้องลูกของเรา”
“ตอนแรกหงเย่ปิดบังผม มีวันหนึ่งผมเห็นหล่อนทำท่าเหมือนอยากจะอาเจียนอยู่บ่อยๆ เลยถามหล่อน หล่อนถึงจะยอมรับ”
“พอมีลูกผมย่อมดีใจอยู่แล้ว แต่หงเย่ดูไม่ค่อยจะดีใจเท่าไหร่ เหมือนไม่ค่อยอยากมีลูกเท่าไหร่”
“ผมอุตส่าห์ยกเลิกงานทั้งหมด เพื่อจะได้ไปดูแล ประคบประหงมหล่อน จนในที่สุดหล่อนก็ยอมเก็บเด็กคนนี้เอาไว้”
“เสียดายก็แค่พอไปตรวจที่โรงพยาบาล ก็พบว่าเด็กผิดปกติเลยต้องยุติการตั้งครรภ์ไป”
เย่เฉินและฉินหงเหยียนสะดุ้งแล้วรีบปลอบใจเจิ้งปิน
ทว่าเย่เฉินกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เจิ้งปินคิด
“เมื่อปีก่อนจำได้ว่าไปเจอซ่งหงเย่กับโค้ชของฟิตเนสคนหนึ่งที่ห้างสรรพสินค้ากับโรงภาพยนตร์บ่อยๆ เกรงว่าเด็กคนนั้นน่าจะไม่ใช่ของเจิ้งปินด้วยซ้ำไป!”
เจิ้งปินมักจะไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ จะกลับมาแค่ครั้งละวันสองวันเท่านั้น บางครั้งอาจจะแค่ครึ่งวันเท่านั้น ทั้งสองคนก็ไม่ได้วางแผนจะมีลูก คงจะไม่บังเอิญขนาดนี้
เย่เฉินอยากจะบอกเจิ้งปินอย่างมาก โชคดีที่เด็กไม่ได้คลอดออกมา ไม่อย่างนั้นซวยแน่!
ทันทีที่ย้อนคิดถึงการกระทำทั้งหมดของซ่งหงเย่ เย่เฉินก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้สมควรได้รับการลงโทษอย่างสาสม!
ทั้งสามคนดื่มเหล้ากินหม้อไฟกันต่อ ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นเย่เฉินก็ส่งวีแชทหาไมเคิล
“ถึงหรือยัง?”
“ถึงแล้ว”
คราวนี้เย่เฉินไม่ได้ให้ไมเคิลกับซ่งหงเย่ไปนัดพบกันที่โรงแรม แต่ให้ไปที่บ้านของซ่งหงเย่แทน
ถ้าให้ไปจับชู้กันที่โรงแรม หนึ่งคือ เย่เฉินไม่รู้ว่าจะบอกกับเจิ้งปินยังไง
สองก็คือเย่เฉินกลัวว่าซ่งหงเย่กับหวังเจียเหยาจะมีนิสัยเหมือนกัน ก็คือต่อให้เปิดห้องในโรงแรมก็ไม่ยอมรับ
เย่เฉินไม่อยากให้เจิ้งปินเดินซ้ำรอยเดิมกับตนเอง เพื่อที่เขาจะได้เห็นว่าภรรยาของตนเองเป็นคนแบบไหนได้ชัดเจนแจ่มแจ้งในครั้งเดียว!
ดังนั้นเย่เฉินจึงบอกเจิ้งปิน “พี่ปิน พวกเราดื่มอีกแก้วแล้วพี่ก็กลับบ้านเถอะครับ”
เจิ้งปินกลัวจะรับรองพวกเขาได้ไม่ดี “ไม่ต้องๆ ไม่อย่างนั้นเราสองคนดื่มเบียร์กันต่อไหม?”
เย่เฉินโบกมือ “อย่าดื่มเยอะเกินไปนะ พี่ยังต้องเอาของขวัญไปให้ซ่งหงเย่อีกนะครับ”
เจิ้งปินหัวเราะร่วน เขาเองก็อดใจรอไม่ไหวที่จะเอาชุดเครื่องแก้วที่ประณีตนี้ไปให้ภรรยาตนเอง!
“ก็ได้ งั้นดื่มแก้วนี้ให้หมดแล้วคราวหน้าค่อยหาโอกาสมาดื่มกันอีก!”
ทั้งสามคนยกแก้วสุดท้ายดื่มจนหมด ตอนเจิ้งปินจะจ่ายเงินก็พบว่าเย่เฉินจัดการจ่ายก่อนแล้วเรียบร้อย เขาจึงคาดโทษเย่เฉิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)