เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) นิยาย บท 154

สรุปบท ตอนที่ 154 ทำไมนายพูดภาษาอิตาลีได้!: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

อ่านสรุป ตอนที่ 154 ทำไมนายพูดภาษาอิตาลีได้! จาก เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 154 ทำไมนายพูดภาษาอิตาลีได้! คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

“เชื่อหรือยังล่ะ? น้องชาย?”

เย่เฉินจงใจเหล่มองจินฉ่าว

จินฉ่าวหัวเสียจนควันจะออกหู “อ๊า อิจฉาตาร้อน”

ในเวลานี้เหวินเชี่ยนเชี่ยนก็เปิดปากกล่าว “ดีแล้วใกล้จะถึงเวลาเที่ยงแล้ว หงเหยียน วันนี้พวกเธอเพิ่งมาถึงเทียนไห่ ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องเลี้ยงข้าวพวกนายสักหน่อย ไปสิ!”

เหวินเชี่ยนเชี่ยนและจินฉ่าวนั่งรถไปด้วยกัน เย่เฉินและฉินหงเหยียนขับรถของพวกเขาเอง พวกเขาสี่คนก็มาถึงร้านอาหารที่เรียกว่าปาโย่วเอ้อเฟินจืออีอย่างรวดเร็ว

ร้านอาหารแห่งนี้พูดได้ว่าร้านอาหารตะวันตกชั้นยอดในว่ายทานสามารถนั่งชมวิวแม่น้ำหวงผู่ไปพร้อมๆ กับกินอาหารได้

ดังนั้นถึงได้มีร้านอาหารชื่อนี้ เป็นเพราะว่าภาพยนตร์อิตาลีเรื่องหนึ่งมีชื่อนี้ ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารอิตาลีแห่งหนึ่ง

หลังจากทั้งสี่คนทรุดตัวลงตรงที่นั่งริมหน้าต่างแล้ว จินฉ่าวก็เอาแต่หาโอกาสหาเรื่องเย่เฉินอยู่ตลอด

“เย่เฉิน เสื้อของนายแบรนด์อะไร? ทำไมถึงไม่เห็น Logo เลย? แบรนด์ Uniqlo หรือ H&M นะ? ”

เหวินเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะคิกคักอยู่ด้านข้าง

เหวินเชี่ยนเชี่ย ฉินหงเหยียนและจินฉ่าวประโคมแบรนด์เนมกันทั้งตัว ไม่ใช่ Chanel ก็ Gucci

ย้อนมองเย่เฉินรวมๆ กันทั้งตัวอาจจะไม่ได้เสื้อผ้าของพวกเขาตัวเดียวด้วยซ้ำไป

มีผู้ชายต่างชาติวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ดูจากชุดที่เขาสวมใส่แล้ว เหมือนจะไม่ใช่พนักงานบริการ แต่น่าจะเป็นหัวหน้าเชฟของที่นี่

เขาถือเมนูเดินตรงดิ่งมาหาพวกเขาทั้งสี่คน “ไม่ทราบว่าทั้งสี่ท่านต้องการอะไร?”

“ฮ่าๆ หัวหน้าเชฟมาด้วยตัว ต้องสั่งอาหารต้องใช้ภาษาอังกฤษ คิดว่าคงจะมีบางคนตกใจจนอกสั่นขวัญแขวนเสียแล้วมั้ง!”

จินฉ่าวหัวเราะร่วนเพราะเขาคิดว่าภาษาอังกฤษของเย่เฉินน่าจะไม่ดีเท่าไหร่

เหวินเชี่ยนเชี่ยนแสร้งทำเป็นปลอบ แต่ที่จริงแล้วกำลังเยาะเย้ยเย่เฉิน “ไม่เป็นไร นายไม่ต้องพูดภาษาอังกฤษก็ได้ ใช้นิ้วชี้เอาก็ได้แล้วพูดว่า this (อันนี้) ก็ได้แล้ว”

“ฮ่าๆ…”

จินฉ่าวหัวเราะจนตัวโยน เขาเคยเห็นคนไปร้านอาหารพูดแต่คำว่า this เพราะไม่รู้ชื่ออาหารภาษาอังกฤษ

คนที่ทำแบบนั้นจะต้องดูน่าขันอย่างมาก ถือเป็นการกระทำแบบหนึ่งของพวกตลาดล่าง

ฉินหงเหยียนเห็นทั้งสองคนดูถูกเย่เฉินแบบนี้ก็รู้สึกไม่ยุติธรรมกับแฟนตนเอง

หล่อนรู้ว่าเย่เฉินอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก กับเย่เฉินแล้วภาษาอังกฤษก็เหมือนภาษาแม่ของเขา เผลอๆ ถนัดกว่าภาษาจีนด้วยซ้ำไป เขาจะใช้ภาษาอังกฤษในการสั่งอาหารไม่ได้ได้ยังไง?

ฉินหงเหยียนเปิดปากเอ่ย “เย่เฉินเขา…”

ใครจะรู้ ในตอนที่ฉินหงเหยียนกำลังจะออกตัวแทนเย่เฉินนั้นเอง เย่เฉินก็พูดกับเหวินเชี่ยนเชี่ยนว่า “ได้ ขอบคุณคุณเหวินที่สอนวิธีนี้กับผม ง่ายดีทีเดียว ผมชอบ”

ฉินหงเหยียนยิ้มบางๆ ดูแล้วเย่เฉินคงไม่คิดจะหักหน้าเหวินเชี่ยนเชี่ยนแล้ว

ฉินหงเหยียนโลดแล่นในสังคมมาหลายปีขนาดนี้ เห็นผู้ชายที่หักหน้าคนอื่นอย่างรุนแรงเพียงเพราะโดนดูถูก

คนอย่างเย่เฉินที่สุขุมนุ่มลึก เป็นคนในสังคมชั้นสูงที่ทำอะไรตามใจตัวเองก็ได้ แล้วยังอายุน้อยขนาดนี้ มีไม่เยอะ

เป็นตระกูลที่ลึกลับไม่เหมือนใคร เด็กที่ได้รับการฟูมฟักดูแลจากตระกูลนี้แตกต่างจากคนในตระกูลอื่นๆ เป็นคนละเรื่องกันเลยทีเดียว

อาหารจีนกับอาหารตะวันตกนั้นต่างกัน เพราะอาหารจีนสามารถสั่งอาหารให้คนทั้งโต๊ะโดยคนเพียงคนเดียวได้

แต่อาหารตะวันตกต้องต่างคนต่างสั่ง

เมื่อทั้งสามคนสั่งอาหารเสร็จ หัวหน้าเชฟก็หันมาถามเย่เฉินว่าเขาต้องการสั่งอาหารอะไร

เย่เฉินดูชื่ออาหารละรูป แล้วก็ทำตามที่เหวินเชี่ยนเชี่ยนสอน เขาชี้อาหารเรียกน้ำย่อยในนั้นแล้วพูดว่า “this!”

“ฮ่าๆ”

จินฉ่าวและเหวินเชี่ยนเชี่ยนต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

ยุคนี้แล้วพูดอังกฤษได้ก็ถือว่าเฉยๆ เด็กประถมที่พูดได้ก็มีถมเถไป หรือจะท่องชื่ออาหารภาษาอังกฤษเด็กมัธยมต้นก็ทำได้

ในสังคมระดับสูงคนที่พูดภาษาอื่นได้ถึงจะเป็นคนระดับสูงอย่างแท้จริง

ฉินหงเหยียนอมยิ้ม หล่อนชอบดูแฟนตัวเองแสดงความสามารถของเขา

เหวินเชี่ยนเชี่ยนถามอย่างประหลาดใจ “เย่เฉินนายเรียนจบอะไรไหม? เป็นนักศีกษาป.โทหรือป.เอก? ตั้งใจจะทำงานอะไรที่เทียนไห่?”

เย่เฉินตอบ “ผมไม่มีใบจบมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ ผมกะว่าจะส่งพัสดุที่เทียนไห่”

“ส่งพัสดุ?”

เหวินเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะขำ เพื่อนสนิทตนเองหาแฟนดันไปเอาคนส่งของมาเป็นแฟนเหรอเนี่ย?

จินฉ่าวหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ กระทั่งใบปริญญาก็ไม่มี งั้นก็แค่ครูพักลักจำล่ะมั้งเนี่ย? พูดอิตาลีได้ไม่กี่ประโยคจะมีประโยชน์อะไร? ถึงว่านายเหมาะกับการส่งพัสดุ ฮ่าๆ!”

ฉินหงเหยียนเองก็รู้ว่าถึงครอบครัวเย่เฉินจะร่ำรวย แต่วิธีการสั่งสอนลูกหลานของพวกเขาไม่เหมือนคนทั่วไป

โดยปกติแล้วถึงแม้ว่าเป็นลูกหลานคนมีเงินแต่พวกเขาก็จะส่งเสียให้เรียนจนจบได้ใบปริญญา ต่อให้ใบปริญญานั้นไม่มีประโยชน์อะไร

แต่ตระกูลเย่ถึงแม้ว่าจะให้เย่เฉินเรียนมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดแต่ก็ไม่ให้ใบปริญญาเขา

ยุคสมัยนี้ไม่มีใบปริญญา อยู่เทียนไห่ก็ทำอะไรลำบาก แค่พูดได้ไม่มีประโยชน์อะไร

ดังนั้นฉินหงเหยียนถึงได้ถามเหวินเชี่ยนเชี่ยน “เชี่ยนเชี่ยน พอจะหาตำแหน่งอะไรในบริษัทให้แฟนฉันได้ไหม?”

เหวินเชี่ยนเชี่ยนมีท่าทีลำบากใจ “เธอก็รู้นี่ว่าบริษัทพวกเราเป็นบริษัทผลิตภัณฑ์เสริมความงาม พนักงานต้องเข้าใจวงการแฟชั่นให้มากๆ”

จินฉ่าวรีบร้อนพูดต่อ “จริงด้วย ดูสิว่าเย่เฉินใส่อะไร ผมว่ากระทั่ง Chanel Gucci LV เขาคงแยกไม่ออกด้วยซ้ำ!”

ฉินหงเหยียนไม่สนใจจินฉ่าว แต่กลับหันไปพูดกับเหวินเชี่ยนเชี่ยน “เชี่ยนเชี่ยน เรื่องเล็กแค่นี้เธอคงจะเห็นแก่ฉันใช่ไหม?”

เหวินเชี่ยนเชี่ยนครุ่นคิดแล้วกล่าว “เย่เฉินคือแบบนี้ ฉันมีคำถามง่ายๆ จะถามนาย ถ้านายตอบถูก ฉันจะยอมรับนายเข้าทำงานที่บริษัทเรา”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)