ตอน 6 โมงเย็น เย่เฉินกำลังขับรถจักรยานให้เช่ากลับวิลล่าเฝยชุ่ย
สวี่ฉู่หมิงเหยียดหยามเย่เฉินว่าเป็นแค่คนส่งพัสดุ แต่กลับไม่รู้อะไรเลยว่าสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากการส่งพัสดุในทุกวัน ความคิดของเขาในทุกๆ วันล้วนแต่อาจจะสามารถเขย่าวงการขนส่งได้เลย!
หลังจากการส่งพัสดุไปสองวัน และได้สนทนาร่วมกับกลุ่มคนหลากหลายประเภท เขาก็พบว่าที่ชุนเฟิงกลายเป็นพี่ใหญ่ในวงการเป็นเพียงเพราะแค่พวกเขาปลอดภัยว่า เร็วกว่าและการบริการดีกว่าก็เท่านั้นเอง
แต่ทั้งหมดนี้ก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายและค่าบริการที่แพงกว่าเจ้าอื่นๆ
สำหรับเย่เฉินแล้วหลังจากที่รับช่วงต่อไป๋ลี่ ก็สามารถทำเหมือนกับอีกฝ่ายได้ และยังสามารถทำราคาที่ต่ำกว่าอีกเจ้า เพราะสิ่งที่ตระกูลเย่มีมากที่สุดนั้นก็คือเงินทอง
อีกอย่างเขาพบว่าเนื้องานของวงการขนส่งมีเพียงงานเดียว เย่เฉินอยากจะรวมกิจการจนส่งกับเดลิเวอรี่อาหารเอาไว้ด้วยกัน ตอนที่เย่เฉินส่งอาหารหรือไม่ก็พัสดุยังสามารถแปะป้ายโฆษณาได้ด้วย
พนักงานขนส่งถึงขั้นที่สามารถใช้เวลาในการขนส่งอาหารหรือพัสดุในการทิ้งขยะ ขนย้ายสิ่งของ ช่วยขนย้ายระหว่างทางเป็นต้น นี่จะสามารถช่วยเพิ่มรายรับจำนวนมหาศาลให้กับพนักงานขนส่ง
อีกอย่างเย่เฉินยังคิดจะจ้างสาวสวยและหนุ่มหล่อมาเป็นพนักงานขนส่ง ขอแค่หน้าตาของพนักงานไป๋ลี่ดูดีกว่าบริษัทอื่นๆ อย่างั้นแขกก็จะเลือกรับเอกสาร ส่งเอกสาร ตัวเลือกแรกก็จะเป็นไป๋ลี่
เมื่อคิดถึงเรื่องที่ต้องทำเป็นลำดับต่อไป เย่เฉินก็ผลักประตูวิลล่าออกแล้วเดินตรงไปที่โต๊ะอาหาร
ฉินหงเหยียนทำกุ้งผัดน้ำมัน เนื้อวัวผัดแห้ง แล้วก็แกงจืดรากบัว
เย่เฉินหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารที่ฉินหงเหยียนทำใส่ปาก ทันใดนั้นเองก็รู้สึกว่าอาหารเลิศรสเกินจะบรรยาย
ไม่เพียงแต่อาหารอร่อย แต่หลักๆ ก็คือน้ำใจจากแฟนสาวที่ทำอาหารให้เขาด้วยตนเอง ทำให้เย่เฉินยิ่งตื้นตันไปมากกว่าเดิม
“ตอนนี้ผู้หญิงในประเทศของพวกเราที่ยอมทำอาหารด้วยตัวเองก็น้อยลงไปทุกที เหมือนหวังเจียเหยาที่อยู่บ้านไม่ทำอะไร ไม่ยอมทุ่มเททำอะไรทั้งนั้น ไม่ยอมทำงานบ้าน ไม่ยอมซักผ้าทำอาหารด้วยซ้ำ พวกหล่อนรู้สึกว่าหลังจากแต่งงานไปแล้วต้องทำเรื่อพวกนี้ไม่สู้เป็นโสดไปตลอดชีวิตยังจะดีกว่า แต่ว่าฉินหงเหยียนกลับยอมทำเรื่องพวกนี้เพื่อผม ต่อให้ผมไม่ยอมปล่อยให้เธอทำก็เถอะ”
เย่เฉินถึงได้เข้าใจว่าการรักใครสักคนอย่าแท้จริง คือการยินยอมทุ่มเทเรื่องนี้ ยินยอมลำบากเพื่ออีกฝ่าย
หวังเจียเหยาแตกต่างกับฉินหงเหยียนราวฟ้ากับเหว!
เย่เฉินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วส่งข้อความหาฉินหงเหยียน “ที่รักครับ อาหารที่คุณทำอร่อยสุดยอดไปเลย! รอคุณกลับบ้านเรานะครับ ถ้าจะให้ผมไปรับก็โทรบอกผมนะครับ!”
……
1 ทุ่ม ณ ร้านอาหารส่วนตัว ในวิลล่าจิ่วเจียนถังหมายเลข 51
ที่นี่ไม่รับการจองล่วงหน้า มีแค่คนสนิทเท่านั้นถึงจะมากินข้าวที่นี่ได้ เพราะว่าเป็นส่วนตัวอย่างมาก ดังนั้นแขกจึงเป็นพวกผู้บริหารของธุรกิจใหญ่ๆ มาคุยธุรกิจที่นี่
ฉินหงเหยียนและสวี่ฉู่หมิงเคยมากินอาหารที่นี่เมื่อ 7 ปีก่อนกับพวกผู้บริหารที่ทำธุรกิจค้าขาย
ตอนนี้คนพวกนั้นถ้าไม่ใช่คนที่สนิทกันมากๆ ก็เป็นพวกคนที่ร่ำรวยกันสุดยอด อีกทั้งยังเก็บตัวอย่างมาก ฉินหงเหยียนอยากจะติดต่อพวกเขาอยู่หลายครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้
ฉินหงเหยียนและสวี่ฉู่หมิงมาถึงก่อนแล้วนั่งดื่มชารอคนอื่น
หลิ่วหย่วนหางมาที่ห้อง VIP ตรงเวลาพอดี
“พี่ใหญ่!”
สวี่ฉู่หมิงลุกขึ้นแล้วทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าๆ น้องฉู่หมิง!”
หลิ่วหย่วนหางยิ้มจนตาหยี แล้วสวมกอดกับสวี่ฉู่หมิง ดูแล้วทั้งสองคนสนิทสนมกันจริงๆ
“คุณหลิ่ว”
ฉินหงเหยียนที่แต่งตัวสวยเป็นพิเศษ แล้วทักทายหลิ่วหย่วนหางอย่างนับถือ
“ฉินหงเหยียนเป็นคนเมืองเสินเฉิง เรียกหล่อนว่าเสี่ยวฉินก็ได้” สวี่ฉู่หมิงแนะนำ
“อ้อ เสี่ยวฉิน สวัสดีๆ หน้าตาสวยจริงๆ”
หลิ่วหย่วนหางที่แต่ไหนแต่ไรไว้ตัว และไม่เคยส่งยิ้มให้คนแปลกหน้า คิดไม่ถึงว่าจะส่งยิ้มพลางจับมือกับฉินหงเหยียนแล้วชมว่าหล่อนสวยด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)