หลิ่วอวี่เจ๋อพอจะมองออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างสวี่ฉู่หมิงและฉินหงเหยียนไม่ธรรมดา!
หลิ่วหย่วนหางพูดแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อย่อมไม่กล้าขัดขืน
เขาถือแก้วเหล้าแล้วเดินไปดื่มเหล้าให้ฉินหงเหยียน “พี่หงเหยียนเรื่องก่อนหน้านี้ผมตต้องขอโทษจริงๆ ทำไมพี่ไม่บอกล่ะครับว่าพี่รู้จักกับคุณอาสวี่ ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ว่าพี่สนิทกับคุณอาสวี่ขนาดนี้ ให้ผมใจกล้ามากขนาดไหนก็ไม่กล้าไปล่วงเกินพี่หรอกครับ ผมดื่มหมดแก้วเลยแล้วกัน หวังว่าพี่หงเหยียนจะให้อภัยผม”
ฉินหงเหยียนคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อที่เป็นคนวางอำนาจบาตรใหญ่มาตลอด จะยอมขอโทษตนเอง แล้วขอร้องให้หล่อนให้อภัย
ฉินหงเหยียนเห็นมือเขายังใส่เฝือกอยู่ก็กล่าว “ไม่เป็นไรๆ คุณไม่ต้องดื่มเหล้าขอโทษฉันหรอกค่ะ”
แต่ว่าถึงแม้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อจะบาดเจ็บ แต่ก็ยังดื่มเหล้าจนหมด
นี่ถือว่าเป็นการให้เกียรติสวี่ฉู่หมิงมากแล้ว
เมื่อดื่มเสร็จ หลิ่วอวี่เจ๋ออดถามไม่ได้ “พี่หงเหยียน พี่เป็นอะไรกับคุณอาสวี่กันแน่? รู้จักกันได้ยังไง?”
ไหนเลยฉินหงเหยียนจะกล้าบอกเชพวกเขาถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคน แต่ก่อนก็ไม่รู้ว่าควรจะโกหกหรือไม่
สวี่ฉู่หมิงเป็นฝ่ายคลี่คลายสถานการณ์ “ฉันเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อของหงเหยียน หงเหยียนค่อนข้างโชคร้ายน่ะ พ่อแม่จากไปค่อนข้างไว ในฐานะที่เป็นญาติผู้ใหญ่ ฉันจะปล่อยเธอตามมีตามเกิดก็ไม่ได้จริงไหม?”
สวี่ฉู่หมิงยามอยู่ต่อนหน้าพวกคนรุ่นหลังยังอยากจะวางท่าเป็นคนให้ความสำคัญกับมิตรภาพ
เมื่อเพื่อนสนิทตายไปแล้ว เขายังช่วยดูแลลูกสาวของเพื่อนให้ด้วย
แต่ความจริงล่ะ?
สวี่ฉู่หมิงกลับนอนกับลูกสาวเพื่อนสนิทเสียงอย่างนั้น!
นี่ถือว่าเป็นการดูแลหรือเปล่านะ!
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงต่อมา หลิ่วอวี่เจ่อก็ส่งสายตาบอกหลิ่วเฟิง
จู่ๆ หลิ่วเฟิงก็ผุดลุกขึ้น “ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ”
“ผมก็ด้วย”
หลิ่วอวี่เจ๋อเองก็เดินตามหลิ่วเฟิงออกไปจากห้อง VIP
เมื่อมาถึงห้องน้ำ หลิ่วอวี่เจ๋อก็กล่าวกับหลิ่วเฟิง “พี่ครับพี่คิดว่ายังไง? ผมว่าฉินหงเหยียนกับหลิ่วอวี่เจ๋อจะต้องไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบฐาติผู้ใหญ่กับลูกหลานธรรมดาแน่ๆ พวกเขาต้องมีอะไรในกอไผ่แน่!”
หลิ่วเฟิงเองก็เห็นด้วยกับความคิดน้องชาย “หงเหยียนไม่มีทางฟันฝ่าจนมาเป็นรองประธานบริษัทหัวเซิ่งได้ด้วยกำลังตัวเองเพียงคนเดียวแน่ ฉันพอจะเดาออกตั้งนานแล้วเบื้องหลังหล่อนต้องมีนายทุนอะไรแน่ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสวี่ฉู่หมิง ในเมื่อสวี่ฉู่หมิงเป็นเพื่อนสนิทของพ่อฉินหงเหยียน งั้นพวกเขาก็รู้จักกันมาน่าจะเป็นเวลาสิบกว่ายี่สิบกว่าปี ไม่แน่ว่าเมื่อสิบปีก่อนฉินหงเหยียนอาจจะกลายเป็นผู้หญิงของสวี่ฉู่หมิง!”
“ฮ่าๆ!” หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะออกมา “ผมก็ว่าอย่างนั้นครับ! ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ หงเหยียนคงจะไปขอความช่วยเหลือจากคนรักเก่าเพียงเพราะอยากจะให้พวกเราปล่อยหล่อนไป ฮ่าๆ ถ้าอย่างนั้นจะแปลว่าเย่เฉินกำลังจะตกกระป๋องแล้วสินะ?”
หลิ่วเฟิงก็หัวเราะเสียงเย็น “คุณอาสวี่ของพวกเราคนนี้ไม่เคยทำการแลกเปลี่ยนที่ตัวเองเสียเปรียบ ในเมื่อวันนี้เขาช่วยฉินหงเหยียนแปลว่าจะต้องให้ฉินหเงหยียนตอบแทนบุญคุณเขาแน่ คิดว่าก่อนกินข้าวหล่อนคงจะปรนนิบัติคุณอาสวี่จนหนำใจไปแล้ว”
“ฮ่าๆ ฉินหงเหยีนนี่ใช้ได้จริงๆ! ถ้าแบบนี้ก็แปลว่าเย่เฉินโดนสวมเขาแล้วล่ะสิ? ฮ่าๆ”
ทันทีที่หลิ่วอวี่เจ๋อคิดได้ว่าฉินหงเหยียนอาจจะทำเรื่องที่ผิดเย่เฉิน ก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
สำหรับหลิ่วอวี่เจ๋อ ที่จริงการได้เตะต่อยเย่เฉินสักยกไม่สู้การที่ฉินหงเหยียนทรยศเขา ทิ้งเขาไป
“ไปกัน พวกเราเข้าไปแล้วลองหยั่งเชิงถามดู”
หลิ่วอวี่เจ๋อและหลิ่วเฟิงเดินกลับไปที่ห้อง VIP หลิ่วอวี่เจ๋อเป็นฝ่ายถือเหล้าเหมาไถไปรินเหล้าให้ฉินหงเหยีนก่อน จนทำให้ฉินหงเหยียนตกใจจากการได้รับความรักมากมายขนาดนี้
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “พี่หงเหยียนไม่ดื่มก็คงจะไม่รู้จักกันนะครับ คุณอาวสวี่น่ะเป็นเหมือนกึ่งๆ พ่อของผมเลย ครอบครัวของเราสองคนน่ะสนิทสนมกันมากๆ ต่อไปพวกเราทุกคนก็เป็นคนกันเองแล้ว”
“อึ้ก ขอบคุณนะ” ฉินหงเหยียนถือแก้วเหล้าขาวเป็นมารยาท
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)