ฉินหงเหยียนจัดการตัวเองในห้องน้ำอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินกลับที่ห้อง VIP อย่างรวดเร็ว
เมื่อหลิ่วอวี่เจ๋อรู้ความสัมพันธ์ระหว่างสวี่ฉู่หมิงกับฉินหงเหยีนชัดเจนแล้ว ก็ไม่ถามอะไรอีกแล้วหาข้ออ้างไปห้องน้ำ
เมื่อมาถึงห้องน้ำแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อก็กดโทรหาหวังเจียเหยา
“ฮัลโหล คุณภรรยาที่เคารพครับทำอะไรอยู่เหรอครับ? กินข้าวหรือยังครับ? วันนี้คุณน่าจะมาทานข้าวกับผม”
หลิ่วอวี่เจ๋อเป็นห่วงเป็นใยหวังเจียเหยา
ส่วนตอนนี้หวังเจียเหยายังโกรธอยู่ ยังไม่ให้อภัยเขาแต่กล่าวด้วยเสียงเย็นชา
“ฉันไม่ไปกับนายหรอก เดี๋ยวจะไปขัดเวลาสวีทจู๋จี๋กับแม่ดาราสาวของนายน่ะสิ”
หลิ่วอวี่เจ๋อรีบร้อนกล่าว “ที่รักครับ ผมไม่ได้ติดต่อกับดาราอะไรนั่นอีกแล้วนะ ผมรับรองเลยครับว่าผมจะไม่ทำผิดอีก”
หวังเจียเหยาแค่นเสียง “ช่างหัวนายเถอะ ยังไงเสียฉันก็ทำอะไรกับนายไม่ได้ ฉันวางล่ะ”
“อย่าเพิ่งสิครับ อย่าเพิ่งวางสายที่รัก” หลิ่วอวี่เจ๋อรีบร้อนเรียกอีกฝั่งปลายสาย “ผมมีอะไรจะบอกครับเกี่ยวกับแฟนของอดีตสามีคุณ ฉินหงเหยียนน่ะ”
“ฉินหงเหยียนเหรอ? หล่อนทำไม?”
ทันทีที่พูดถึงชื่อฉินหงเหยียน น้ำเสียงเย็นชาของหวังเจียเหยาก็ร้อนรนขึ้นมา
หล่อนเป็นคนอวิ๋นโจวที่มาที่เทียนไห่ ย่อมไม่สนใจพวกคนในเทียนไห่
แต่ฉินหงเหยียนมีอะไรเกี่ยวข้องกับหล่อน ฉินหงเหยียตบหน้าหวังเจียเหยาแถมยังคบกับอดีตสามีหล่อน
ทั้งสองคนจะต้องเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันแน่ๆ
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะหึหึ “ผู้หญิงแพศยาฉินหงเหยียน ดูภายนอกก็เหมือนสูงส่งเสียเต็มประดา แต่ที่จริงแล้วก็เป็นเมียน้อยคนอื่นตั้ง 3 ปี หล่อนเคยมีผู้ชายเลี้ยงมาก่อนด้วยซ้ำไป!”
หวังเจียเหยาเองก็ตื่นเต้นหลังจากที่ได้ยิน “หล่อนเคยมีคนเลี้ยงเหรอ? ไม่จริงล่ะมั่ง? หล่อนดูแล้วไม่เหมือนผู้หญิงที่เคยมีคนนเลี้ยงเลย แต่เหมือนผู้หญิงเก่งที่เลี้ยงผู้ชายต่างหาก”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะร่วน “จะเป็นเรื่องโกหกได้ยังไง? คนที่เลี้ยงหล่อนเป็นน้องชายร่วมสาบานกับคุณปู่ของผม สวี่ฉู่หมิงเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองเสินเฉิง! ผมกินข้าวกับพวกเขาสองคนแล้วเมื่อกี้สวี่ฉู่หมิงเพิ่งบอกผมเองกับปากเขาเลย!”
หวังเจียเหยาเองก็รู้จักสวี่ฉู่หมิงคนนี้ตั้งแต่ตอนที่ตนเองยังเด็ก
เมื่อครู่หลิ่วอวี่เจ๋อชวนหวังเจียเหยามากินข้าวด้วยกัน บอกว่าจะมากินข้าวกับสวี่ฉู่หมิงคนที่รวยที่สุดในเมืองเสินเฉิง
ทว่าหวังเจียเหยาไม่ยอมออกบ้านกับหลิ่วอวี่เจ๋อ
เพราะว่าเรื่องที่หลิ่วอวี่เจ๋อไปมีชู้นั้นคนก็รู้กันทั่ว ถ้าออกไปกับเขา ไม่ได้แปลว่าให้อภัยเขาแล้ว ถ้าทำแบบนั้นจะเห็นว่าตัวเองดูใจง่ายไปหน่อย!
หวังเจียเหยาเองก็ตกตะลึง “พี่น้องร่วมสาบานกับคุณปู่ของนายเหรอ? สวี่ฉู่หมิงอายุไม่ปาไป 70 เลยเหรอ? สวรรค์ ผู้หญิงอย่างฉินหงเหยียนนี่ไม่ติดใจอะไรเลยหรือไง คิดไม่ถึงว่าจะไปเป็นกิ๊กกับผู้ชายที่เกือบจะลงโลง? ผู้ชายอายุเกือบ 70 จะยังทำอะไรได้? หล่อนไม่รู้จักเลือกหรือไง?”
หลิ่วอวี่เจ๋ออธิบาย “ไม่เลยๆ สวี่ฉู่หมิงไม่ได้แก่ขนาดนั้น อายุเพิ่งจะ 50 ต้นๆ เอง ปกติผมเรียกเขาว่าคุณอาด้วยซ้ำไป”
“อ้อ ฉันก็ตกใจหมด ถ้าฉินหงเหยียนนอนกับผู้ชายอายุ 70 สามปี ฉันคงจะขยะแขยงแทนเธอ แต่ 50 ก็เรียกว่าแก่แล้ว!”
ตัวหวังเจียเหยาเองกับผู้ชายอายุ 40 ก็ถือว่ายังพอได้ อต่ถ้ามากไปกว่านั้นก็ทนไม่ไหวแล้ว
อันที่จริงแล้วฉินหงเหยียนก็เป็นเหมือนกัน สวี่ฉู่หมิงเลี้ยงฉินหงเหยียนก็น่าจะตอนที่อายุ 40 ปี ตอนนั้นยังอยู่ในช่วงอายุที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของบุรุษเพศ
“จริงสิ แล้วทำไมพวกนายถึงได้ไปกินข้าวด้วยกันได้ล่ะ?” หวังเจียเหยาถามอย่างประหลาดใจ
หลิ่วอวี่เจ๋อตอบ “ก็ช่วงก่อนฉันเอาแต่ไล่ขัดแข้งขัดขาหวังเจียเหยาใช่ไหมล่ะ? ทำให้หล่อนหางานไม่ได้ หล่อนไม่ยอมก็เลยไปขอความช่วยเหลือจากคนรักเก่า มื้ออาหารในวันนี้เกิดขึ้นเพราะอยากจะคลี่คลายเรื่องที่ผิดใจกัน ต่อไปผมจะไม่หาเรื่องเย่เฉินกับฉินหงเหยียนอีก ที่รัก ฉินหงเหยียนคนนี้พวกเราคงทำอะไรหล่อนอีกไม่ได้แล้ว หล่อนไม่ธรรมดาเลย เมื่อกี้สวี่ฉู่หมิงเพิ่งบอกว่าจะแต่งงานกับหล่อน! สวี่ฉู่หมิงเป็นคนที่คุณปู่ผมนับถือ เขามีทรัพย์สินมาก คนอายุพอๆ กับเขาแล้วเป็นได้อย่างเขาทั้งประเทศเรามีไม่กี่คนหรอก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)