ฉินหงเหยียนเองก็เคยบอกกับเย่เฉินว่าน้องสาวของหล่อนนั้นเป็นคนร่าเริงกว่าตนเอง
ที่จริงแล้วฉินหงเหยียนเองก็เป็นคนร่าเริงแจ่มใส แต่เพราะที่บ้านเกิดเรื่องกระทันหัน แถมหล่อนยังต้องเลิกเรียนเร็วเพื่อไปทำงาน ได้เพื่อนพ่อเลี้ยงดูอีกทำให้นิสัยค่อยๆ เปลี่ยนไป
แต่ฉินเสี่ยวตัวนั้นต่างออกไป หล่อนยังอายุน้อย และตั้งแต่วินาทีที่ฉินหงเหยียนเลือกจะคบหากับสวี่ฉู่หมิงนั้น ชะตาชีวิตของหล่อนก็กำหนดไว้แล้วว่าเจ้าหล่อนจะได้มีชีวิตที่สะดวกสบาย
ฉินหงเหยียนใช้ร่างกายของตนเองแลกกับกวิถีชีวิตที่หรูหราและไร้ซึ่งความกังวลใดๆ ของน้องสาว
เมื่อไม่มีพ่อแม่ ฉินเสี่ยวตั่วเองก็ค่อนข้างพึ่งพาฉินหงเหยียน สองคนพี่น้องจึงสนิทสนมกันอย่างยิ่ง
ฉินหงเหยียนกล่าวว่า “เสี่ยวตั่ว มีใครพูดกับว่าที่พี่เขยแบบเธอบ้าง? เย่เฉิน คุณอย่าไปสนหล่อนเลย หล่อนก็พูดจาแบบนี้ ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่”
เย่เฉินเองย่อมไม่สนใจ ฉินเสี่ยวตั่วยอมล้อเล่นกับตนเองนั่นแปลว่าหล่อนชอบ ‘ว่าที่พี่เขย’ อย่างเขา
ฉินหงเหยียนหันกล้องมาทางตนเองแล้วกล่าว “พวกเรากำลังกินข้าวอยู่ วางสายก่อนแล้วกัน อีกเดี๋ยวไว้พี่โทรหา”
ฉินเสี่ยวตั่วรีบกล่าว “ไม่ล่ะค่ะ ฉันเห็นสถานที่ที่พวกพี่กินข้าวสวยขนาดนี้ใช่บนเรือสำราญหรือเปล่าคะ? พี่อย่าเพิ่งกินข้าวสิ ช่วยพาเดินวนๆ รอบเรือหน่อยให้ฉันดูวิวเรือสำราญหน่อยสิ”
“เอ่อ…”
ฉินหงเหยียนมีท่าทีลำบากใจ หล่อนรู้ว่าน้องสาวชอบของหรูหราพวกนี้ ตัวหล่อนเองย่อมอยากให้น้องสาวได้เห็นว่าเรือสำราญที่หรูหราที่สุดในโลกนี้หน้าตาเป็นอย่างไร
แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าหล่อนไปแล้วปล่อยให้เย่เฉินอยู่คุยกับสวี่ฉู่หมิงตามลำพังล่ะก็
แฟนเก่าแฟนใหม่คู่นี้คงจะไม่ทะเลาะกันใช่ไหม?
เย่เฉินมองความลำบากใจของแฟนสาวออกจึงกล่าว “คุณพาน้องสาวคุณไปเที่ยวเรือเถอะ เดี๋ยวผมคุยกับคุณสวี่รอไม่เป็นไรหรอก”
ใบหน้าสวี่ฉู่หมิงเองก็แต่งแต้มรอยยิ้มเช่นกัน เมื่อรู้สึกได้ว่าโอกาสมาถึงแล้วก็กล่าว “นั่นสิ เรือสำราญของ Bill Gates สวยขนาดนี้ หล่อนต้องชอบแน่”
เพราะว่าฉินหงเหยียนเองก็เพิ่งจะขึ้นเรือ ไม่ค่อยคุ้นเคยกับเรือนัก เย่เฉินจึงเรียกพนักงานให้ไปตามไกด์มานำฉินหเหยียนลงไปชมโรงหนัง 4D ที่ชั้นหนึ่ง
หลังจากฉินหงเหยียนเดินไปแล้ว ที่นี่จึงเหลือแค่เย่เฉินและสวี่ฉู่หมิง ระหว่างชายหนุ่มสองคนก็ไม่จำเป็นต้องสงวนท่าทีอะไรอีก สามารถพูดตรงๆ ได้ตามใจคิด
สวี่ฉู่หมิงไม่รีบร้อน เขาดื่มไวน์เข้าไปก่อน แล้วรับลมเย็นๆ ขณะมองวิวตลอดสองข้างทางของแม่น้ำหวงผู้ ก็กล่าว
“มีเงินนี่ดีนะ สามารถทำเรื่องที่ตัวเองอยากทำได้ตลอดเวลา ได้ไปในสถานที่ที่ตัวเองต้องการจะไป น้องเย่เฉิน ที่จริงแล้วฉันก็ไม่ได้มีอคติอะไรกับนายหรอกนะ นายอย่าเข้าใจผิดล่ะ เดิมทีฉันมีโอกาสจะมีลูกชายสักคน ถ้าหากว่าเขาคลอดมาก็คาดว่าคงจะโตพอๆ กับนาย”
ฉันรู้ว่านายมีพื้นฐานครอบครัวที่ดี และเป็นลูกเศรษฐีด้วยซ้ำไป ทว่าคนเราต้องมองไปข้างหน้า ไม่สามารถยึดติดอยู่กับอดีต ตอนนี้นายมาส่งพัสดุ ก็เหมือนทำลายตัวเองไปเสียเปล่าๆ! เอาแบบนี้แล้วกัน ในเมื่อนายไม่อยากเรียนต่อก็มาทำงานที่บริษัทฉันสิ ฉันจะจัดแจงงานจัดการในระดับกลางๆ ให้นายเอง เงินเดือนสักห้าแสน! ก็ถือว่าเป็นสวัสดิการที่ดีไม่เลวเลย นายคิดว่ายังไง?
สวี่ฉู่หมิงเองก็ไม่รู้ว่าเย่เฉินไปเอาเรือลำนี้มาได้ยังไง แต่เดาจากท่าทางของฉินหงเหยียนก็พอจะมองออกว่าเย่เฉินตอนนี้คงจะไม่ค่อยมีเงินนัก
ถ้าหากว่าฉินหงเหยียนรู้ว่าเย่ฉินมีเงินล่ะก็ จะต้องบอกเขาแล้วเพื่อให้เขาหยุดความคิดเหลวไหลที่อยากแต่งงานกับหล่อน
เย่เฉินยิ้มเรียบๆ “เงินเดือนห้าแสนหรอ? ฮ่าๆ ขอบใจนะ ผมมันคนรักสบายน่ะ เหมาะกับเกาะผู้หญิงกินมากกว่า”
โครม!
สวี่ฉู่หมิงหัวเสีย ตบโต๊ะอย่างหัวเสีย
ถ้าหากว่าเย่เฉินเป็นผู้ชายที่เจียมตัว แล้วเห็นเงินและศักดิ์ศรีเป็นสิ่งที่สำคัญมากล่ะก็ คงจะโดนสวี่ฉู่หมิงฉีกหน้าจนร้องไห้ไปแล้ว
แต่เย่เฉินต่างออกไป ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร เย่เฉินก็ไม่สนใจแถมยังพูดว่าการรักสบายเกาะผู้หญิงกินเป็นเรื่องที่มีเกียรติเสียอย่างนั้น
สวี่ฉู่หมิงหัวเสีย “เย่เฉิน! ในฐานะที่นายเป็นผู้ชาย เกาะผู้หญิงกิน นายไม่คิดว่ามันหน้าอายหรือไง ฉันไม่มีทางปล่อยให้ฉินหงเหยียนแต่งงานกับผู้ชายที่ไร้ความสามารถแบบนาย!”
เย่เฉินหัวเสีย เขาไม่ถูกชะตาสวี่ฉู่หมิงตั้งนานแล้ว!
เย่เฉินตบโต๊ะ “ฉินหงเหยียนอยากจะแต่งงานกับใครก็ได้ คุณมีสิทธิ์อะไรมายุ่งด้วย!”
สวี่ฉู่หมิงกล่าว “หล่อนมีวันนี้ได้ เพราะได้ฉันคอยเลี้ยง! ฉันเป็นเพื่อนรักกับพ่อหล่อน ก่อนพ่อหล่อนจะตาย ฝากให้ฉันดูแลหล่อน ฉันย่อมมีสิทธิ์ยุ่งเรื่องของหล่อนอยู่แล้ว!”
เย่เฉินหัวเสีย เขาพ่นคำหยาบออกมาทันที “แม่งเอ๊ย คุณมันเดียรัจฉาน ยังมีหน้ามาพูดถึงพ่อหล่อนอีก! ก่อนที่พ่อของหล่อนจะจากไปฝากให้คุณดูแลหล่อน แต่คุณดันลากลูกสาวของเขาขึ้นเตียงเนี่ยนะ! คุณไม่รู้สึกผิดกับคำว่าเพื่อนหรือไง? คุณเห็นแก่มิตรภาพบ้างหรือเปล่า!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)