เมื่อเห็นเย่เฉินสงสัยในคำพูดของซ่งหงเย่ หลิวเจิ้งคุนก็รีบวางก้ามเป็นนักเลงตะคอกใส่ซ่งหงเย่
“นี่แม่สาวแซ่ซ่ง กล้าโกหกคุณชายเย่ ระวังจะโดนดี!”
สีหน้าซ่งหงเย่เหนื่อยหน่าย “ฉันจะกล้าโกหกคุณเย่ได้ยังไง? ก่อนนี้เพราะล่วงเกินคุณเย่ถึงได้ตกอยู่ในสภาพนี้ มีสามีดีๆ ก็หายไปแล้ว ตอนนี้ต่อให้ฉันใจกล้าขนาดไหน ฉันก็ไม่กล้าโกหกคุณเย่หรอก”
เย่เฉินอ่านสีหน้าของอีกฝ่ายออกว่าซ่งหงเย่ไม่เหมือนคนกำลังโกหก
หรือจะบอกว่าด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ของหญิงสาวทำให้หล่อนไม่กล้าโกหก
เย่เฉินถามต่อ “คุณไม่เคยไปโรงพยาบาล งั้นคุณเคยบอกหวังเจียเหยาว่าผมมีลูกไม่ได้ไหม?”
ซ่งหงเย่รีบร้อนอธิบาย “ฉันขอสาบานกับฟ้าเลยว่าฉันไม่มีทางพูดถึงคุณแบบนี้ หวังเจียเหยาพูดเอง”
“คุณว่ายังไงนะ?” เย่เฉินประหลาดใจอีกครั้ง
ซ่งหงเย่กล่าวต่อ “ตอนนั้นหล่อนเพิ่งแต่งงานกับคุณอีกรอบเพราะเคยทรยศคุณ กลัวว่าตระกูลคุณจะไม่ยอมรับหล่อน จึงอยากมีลูกอย่างมาก แม่จะได้ดิบได้ดีก็เพราะลูก หล่อนก็หวังว่าลูกของหล่อนจะได้สืบทอดมรดกของตระกูลเย่ แต่ตอนที่พวกคุณอยู่ด้วยกันหล่อนไม่ท้องสักที เลยร้อนใจมากพูดกับฉันหลายครั้งว่า ‘หงเย่ เธอว่าทำไมฉันไม่มีลูกเสียทีหรือเพราะเย่เฉินมีลูกไม่ได้นะ?’ฉันพูดแล้วยิ้มว่าร้อนใจอะไร มีลูกจะรวดเร็วอะไรเบอร์นั้น อีกทั้งเย่เฉินยังเอาชนะคนสิบคนได้ด้วยตัวเอง ร่างกายแข็งแรงอย่างมากจะต้องไม่มีปัญหาอะไรแน่
อ้อฉันคิดออกแล้ว ตอนนั้นหล่อนเป็นคนพูดถึงเรื่องที่คุณเคยผ่าตัดมาก่อน แถมยังลากฉันไปดูด้วย แต่ตอนนั้นฉันไม่มีเวลาก็เลยไม่ได้ไปเป็นเพื่อนหล่อน”
เย่เฉินชะงักไปเขาไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใครกันแน่
ผู้หญิงสองคน เล่าเรื่องแตกต่างกัน อีกทั้งผู้หญิงทั้งสองคนนี้ล้วนแต่เป็นผู้หญิงที่ชอบโกหกทั้งคู่
ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็วางแก้วเหล้าในมือลง ไม่ได้มีท่าทีหมดอาลัยอยากอยาก ไร้เรี่ยวแรงเหมือนที่ผ่านมา แต่ลองหยั่งเชิงซ่งหงเย่ด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
“หงเย่ คุณนี่โกหกเก่งจริงๆ พูดโกหกออกมาหน้าตาย นับถือจริงๆ”
ใบหน้าซ่งหงเย่เหนื่อยหน่าย “คุณเย่ เราก็ไม่ได้รู้จักกันแค่วันสองวันแต่รู้จักกันมาถึงสามปี ฉันเป็นคนยังไงคุณยังไม่รู้อีกเหรอ?”
“ใช่ ฉันมันโง่ ฉันบ้าผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาแต่ฉันก็เป็นคนที่มีหลักการนะ! ฉันเคยพลาดท้องกับเด็กมาก่อน ฉันตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไปทำแท้ง! ฉันไม่อาจปล่อยให้สามีของฉันเลี้ยงลูกของชายอื่นได้! ฉันหลอกเขาเรื่องนี้ไม่ได้!”
เย่เฉินพยักหน้ารับเพราะเขาเองก็พอจะรู้เรื่องนี้มาบ้าง
ซ่งหงเย่จึงกล่าวต่อ “คุณเย่ คุณมักจะพูดว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี ฉันแค่อยากจะถามว่าสามปีที่ผ่านมาฉันปฏิบัติกับคุณยังไง? ตลอดสามปีที่ที่คุณแต่งเข้า ตอนเพื่อนของหวังเจียเหยาเยาะเย้ยคุณ ฉันเคยพูดจาดูถูกคุณหรือไง?”
เย่เฉินเงียบลงไป เมื่อย้อนคิดถึงเวลาสามปีที่ผ่านมา ซ่งหงเย่อาจจะนับได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดกับเย่เฉิน
เพื่อนคนอื่นๆ ของหวังเจียเหยาเมื่อเจอเย่เฉินที่ห้างสรรพสินค้าหรือไม่ว่าที่ไหน ก็ไม่อยากจะสนใจเขา
ต่อให้รู้จักเขาก็ไม่อยากจะทักทายเขา
แต่ซ่งหงเย่แตกต่างจากคนอื่นๆ ทุกครั้งที่เจอกันหล่อนมักจะเป็นฝ่ายทักทายเขาก่อน อีกทั้งยังเลี้ยงข้าวเขาเสมอ
เย่เฉินไพล่คิดไปว่าเป็นเพราะซ่งหงเย่คนนี้บ้าผู้ชายหล่อ แล้วบังเอิญว่าตนเองหน้าตาดีพอดี
แต่พอคิดอย่างละเอียดแล้วซ่งหงเย่น่าจะนอนกับผู้ชายมามากแล้ว
แถมตนเองยังเป็นสามีของเพื่อนสนิทหญิงสาว ต่อให้หล่อนเลี้ยงข้าวเขาร้อยมื้อ ก็ไม่น่าอยากจะพัฒนาความสัมพันธ์อะไรกับเขา
นี่แปลว่าซ่งหงเย่เป็นคนดีใช้ได้คนหนึ่ง
ซ่งหงเย่แก้ตัวต่อ “คุณมักจะคิดว่าฉันพาหวังเจียเหยาไปใจแตก แต่คุณรู้ไหม? ครั้งแรกที่ฉันมีชู้ทำผิดต่อสามีก็เพราะหวังเจียเหยาบอกให้ฉันทำแบบนี้!”
ถ้าสิ่งที่หวังเจียเหยาพูดเป็นเรื่องจริง งั้นเย่เฉินก็คงทำได้เพียงโทษตัวเองที่ล้มเหลว โทษที่ตนเองไม่สามารถครองใจของหวังเจียเหยาในช่วงเวลาที่รักกันที่สุดก็ยังทำไม่ได้
เรื่องนี้ทำได้เพียงแค่ยอมรับแล้วปล่อยให้จบลงไป
แต่ถ้าสิ่งที่ซ่งหงเย่พูดเป็นเรื่องจริงล่ะ!
เช่นนั้นแล้วพ่อของฝาแฝดก็เป็นชายอื่น!
เย่เฉินถามซ่งหงเย่ “รักแรกของหล่อนชื่ออะไร? รู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน?”
ซ่งหงเย่กล่าว “ชื่อหวงหมิงเจ๋อ อาศัยอยู่ที่เขตลวี่หยวน”
เย่เฉินบี้บุหรี่แล้วชันตัวลุกขึ้น “ไปกัน รีบไปที่เขตลวี่หยวนในอวิ๋นโจว!”
เย่เฉินต้องการจะไปที่อวิ๋นโจวด้วยตนเองสักครั้ง ไปดูหน้ารักครั้งแรกของหวังเจียเหยา จากนั้นก็ถามเขาให้รู้แน่ชัดว่าเขาเป็นพ่อของเด็กน้อยหรือเปล่า!
“ครับ!”
หลิวเจิ้งคุนรีบคว้าแขนซ่งหงเย่แล้วลากหล่อนขึ้นรถ
ฉินหงเหยียนเองก็อยากจะไปกับเย่เฉิน แต่ถูกชายหนุ่มปฏิเสธ “หงเหยียน คุณอยู่ที่เทียนไห่เถอะ เรื่องนี้ผมจัดการเองก็ได้”
“ค่ะ” ฉินหงเหยียนรู้ว่าตนเองไปก็รังแต่จะสร้างความวุ่นวายเปล่าๆ
เรื่องของเย่เฉินและหวังเจียเหยาก็ควรจะปล่อยให้พวกเขาสองคนจัดการกันเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)