ถึงแม้ว่าตระกูลซูจะเป็นตระกูลเศรษฐี แต่เย่เฉินในตอนนี้ก็ไม่ด้อยไปกว่าพวกเขา
เขาเป็นถึงประธานเฉินเย่กรุ๊ป คนขนานนามเขาเป็นคนที่รวยที่สุดในประเทศ!
เย่เฉินปิดประตูรถแล้วกล่าวกับซูมู่หลิน “ฉันเป็นถึงคนที่รวยที่สุดในประเทศนี้ ครอบครัวของนายเจอฉันเข้า เกรงว่าพวกเขาคงจะอยากต้อนรับเสียมากกว่า”
ซูมู่หลินเองก็ลงจากรถ ปิดประตูแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“นายนี่มันตลกจริงๆ เย่เฉิน นายก็แค่มีบริษัทขนส่งง่อยๆ มูลค่าแค่นิดเดียวเป็นคนที่รวยที่สุดบ้าอะไร กะแค่คนยกยอปอปั้นนายแค่นิดเดียว เลยเทิดทูนนายให้มันเวอร์ๆ แค่นั้นเอง นายไม่น่าติดอันดับคนรวยด้วยซ้ำไป แล้วอีกอย่างต่อให้นายติดอันดับไป คนที่บ้านฉันก็ไม่รู้จักนายเพราะเราไม่ดูของอะไรแบบนั้น ที่บ้านฉันไม่เคยซื้อนิตยสารธุรกิจด้วยซ้ำ
คุณปู่ของฉันไม่ยอมให้ฉันใช้เวยป๋อด้วยซ้ำ ต่อให้เล่นก็ให้เราดูแต่ห้ามแชร์อะไร เย่เฉินนายโตที่เมืองนอก ไม่ได้รู้เรื่องในประเทศเรา ในประเทศแห่งนี้เราพยายามจะเก็บเนื้อเก็บตัว นายคิดว่าคนที่ติดอันดับน่ะรวยที่สุดจริงหรือไง? ตระกูลซูของเราไม่เคยเหลือบแลการจัดอันดับนั่นสักนิด ถ้าเราติดอันดับคิดว่าคงครองที่หนึ่งหลายสิบปีเลย!”
เย่เฉินเองก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ในประเทศนี้บ้าง ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่ซูมู่หลินพูด
อย่าว่าแต่ตระกูลซูเลย ต่อให้เป็นตระกูลเย่ที่น่าจะรวยติดอันดับหนึ่งของโลก ยังไม่สนใจจะแย่งชิงเป็นคนรวยติดอันดับเลยด้วยซ้ำ
ช่วงก่อนที่เขากระพือเรื่อง ‘คนที่รวยที่สุดในประเทศ’ ก็เพียงแค่เพื่อเรียกร้องความสนใจจากหวังเจียเหยา
เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “พวกเขาไม่รู้จักฉันจะดีกว่า”
เดิมทีเย่เฉินไม่อยากจะทักทายกับพ่อแม่ของอีกฝ่าย เขาแค่อยากจะพบซูมู่ชิงตามลำพังเพื่อขอโทษหล่อน
ถ้าไม่รู้จักใครเลยสักคนก็จะดีกว่า เย่เฉินเดิมทีไม่ชอบเป็นที่สะดุดตาของผู้คนอยู่แล้ว
ดังนั้นเย่เฉินจึงเดินตามซูมู่หลินไปพร้อมกัน
เพิ่งจะเข้าไปด้านในก็มีคนรับใช้ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม “คุณชายกลับมาแล้ว”
“อืม”
ซูมู่หลินวางมาดสมกับเป็นคุณชายของตระกูลร่ำรวย พลางสาวเท้าเดินไปที่ห้องรับแขกในวิลล่า
เมื่อมองออกไปไกลๆ ก็พบว่าในห้องรับแขกนั้นมีคนอยู่เป็นจำนวน
หญิงวัยกลางคนที่ดูมีสง่าราศีอย่างมาก กำลังคุยกับเด็กผู้หญิงที่เป็นเหมือนเด็กรับใช้
“อะไรนะ? หล่อนไม่ยอมออกมาหรอ? เฉิงเจี๋ยมาพบหล่อนโดยเฉพาะ ทำไมไม่ยอมมาเจอหน้ากัน ไปเรียกหล่อนอีกที!”
เมื่อได้ยินเสียงหญิงวัยกลางคนที่เปี่ยมอำนาจ ซูมู่หลินก็สาวเท้าเข้าไปในห้องรับแขก
“พ่อครับ แม่ครับ!”
ซูมู่หลินเรียกคนวัยกลางคนทั้งสองคนด้านใน
หญิงวัยกลางคนที่กำลังพูดฉอดๆ อยู่นั้นเป็นแม่ของซูมู่หลิน
ส่วนคนที่นั่งตรงกลางนั้นร่างกายอ้วนพุงพลุ้ย เห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้ชายวัยกลางคนที่มีสง่าราศีอย่างมากคนนี้เป็นพ่อของซูมู่หลิน
ส่วนคนที่อยู่ด้วยนั้น นอกจากพวกเขาสองคนแล้วยังมีชายหนึ่ง หญิงหนึ่งด้วย
ผู้ชายที่นั่งอยู่ในตำแหน่งของแขก อายุประมาณสามสิบ ร่างกายแข็งแกร่ง หน้าตาก็งั้นๆ แต่ใบหน้าออกจะดุๆ ทำให้คนที่พบเห็นตัวสั่นเป็นลูกนก
ท่านั่งของเขาค่อนข้างเรียบร้อย เป็นท่านั่งที่ถูกต้องของนายทหาร อีกทั้งการพูดก็ยังสำรวมมากอีกด้วย
เย่เฉินไม่ได้สนใจในตัวผู้ชายคนนั้นแต่อย่างใด เขาสนใจแต่ผู้หญิงคนนั้น!
ผู้หญิงคนนั้นอายุพอๆ กับเย่เฉิน นั่งรวบขาบนเก้าอี้ สวมเสื้อผ้าราคาแพง ทุกอากัปกิริยาของหล่อนเต็มไปด้วยกลิ่นอายของคุณหนูของตระกูลที่ร่ำรวยทุกกระเบียดนิ้ว
“หล่อนคือซูมู่ชิงพี่สาวของซูมู่หลินเหรอ?”
เย่เฉินตื่นเต้น เขาอยากจะรู้เหลือเกินว่าหญิงสาวที่อยู่ร่วมกับเขาในห้องที่ดำสนิทคนนั้นใช่หญิงสาวคนนี้หรือไม่!
แต่ถ้าเป็นหล่อนล่ะก็เย่เฉินก็ออกจะผิดหวังน้อยๆ!
พูดกันตามจริงหญิงสาวมีกลิ่นอายของกุลสตรีมากก็จริง หน้าตาก็พอใช้ได้ แต่ก็ยังต่างจากสิ่งที่เย่เฉินคาดการณ์เอาไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)