เย่เฉินยังไม่ทันได้ตอบ ซูมู่ชิงก็เป็นฝ่ายเก้อเขิน “มู่หลิน นานยพูดเหลวไหลอะไรน่ะ ใครบอก…ว่าฉันชอบเขา?”
ซูมู่ชิงค่อนข้างถือสาและติดใจในคำพูดที่คนอื่นจะพูดถึงตนเองและชายแปลกหน้าคนนี้
ถึงแม้ว่าหล่อนและเย่เฉินจะเคยมีลูกด้วยกัน แต่ทั้งสองคนไม่ค่อยได้รู้จักกันมากนัก กระทั่งเพื่อนยังไม่ใช่เลยด้วยซ้ำ
ซูมู่หลินมองซูมู่ชิงแล้วกล่าว “พี่ครับ พี่เลิกโกหกเถอะครับ ถ้าพี่ไม่ชอบเขา ก่อนนี้ทำไมต้องไปอยู่ที่ร้านกาแฟโทรมๆ ที่เขตชนบทของเทียนไห่นานนมขนาดนั้นด้วยล่ะ? แถมยังตั้งชื่อร้านกาแฟนว่าซือเฉิน ชื่อนี้มันก็น่าจะชัดเจนแล้วมั้ง? ผมเห็นทีไรก็ทนไม่ไหวทุกที เห็นกี่ครั้งก็อยากจะรื้อชื่อร้านทิ้งใจจะขาด!”
ซูมู่ชิงเขินอายจนหน้าแดง “ความหมายของซือชื่อร้านฉันไม่ใช่ซือเนี่ยน (คิดถึง) สักหน่อยแต่เป็น ซือ ที่มากจากอี้ซือ (ความหมาย) ต่างหาก อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นคนตั้งชื่อร้านนี้ด้วย”
ซูมู่หลินไม่ไว้หน้าพี่สาวตนเองแม้แต่น้อย “ต่อให้พี่จะไม่ได้เป็นคนตั้งชื่อ แต่ร้านมันเหลือมาถึงมือพี่ พี่ก็น่าจะมีสิทธิ์เปลี่ยนชื่อร้านจริงไหมครับ?”
เย่เฉินพอจะเดาออกว่าชื่อร้านการแฟซือเฉินที่ว่านี้ คนตั้งน่าจะเป็นพี่รองของเขา เย่เซวียนเป็นคนตั้งแล้วทิ้งร้านไว้ให้ซูมู่ชิง
แต่ว่าซูมู่ชิงใช้ชื่อนี้ไม่ยอมเปลี่ยนชื่อ แปลว่าอย่างน้อยๆ หล่อนไม่ได้เกลียดชังเย่เฉิน
หรือบางทีอาจจะไม่ติดใจเรื่องราวชู้สาวที่เคยเกิดขึ้นกับเขาด้วย
ซูมู่ชิงไม่รู้จะอธิบายว่าอะไร หล่อนกลัวว่ายิ่งอธิบายแล้วจะยิ่งเข้าตัวเลยกล่าว “นายอย่ามาจับคู่มั่วเลย เย่เฉินเขามีแฟนแล้ว อีกอย่างเป็นผู้หญิงเก่งที่โดดเด่นมากด้วย”
ซูมู่ชิงหัวเราะร่วน “พี่หมายถึงฉินหงเหยียนล่ะสิครับ? หล่อนไม่ใช่ปัญหาแล้วล่ะครับ พี่แต่งงานกับเย่เฉินอย่างสบายใจเถอะ”
เย่เฉินขมวดคิ้วแล้วมองซูมู่หลิน “นายหมายความว่ายังไง? นายทำอะไรฉินหงเหยียนหรือเปล่า?”
เย่เฉินสังเกตเห็นความผิดปกติ ซูมู่หลินเป็นลูกเศรษฐี เลยโอหังไม่กลัวใคร
เขายังกล้าแตะต้องภรรยาของเย่เฉิน ฉินหงเหยียนป็นผู้หญิงที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ต่อให้ต้องสังหารหล่อนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ซูมู่หลินก็อาจจะกล้าทำเช่นนั้น!
ซูมู่หลินกำลังรอเย่เฉินถาม “เย่เฉิน อย่าบอกนะว่านายยังไม่รู้? คู่หมั้นของนาย อ้อ ไม่สิน่าจะต้องเรียกว่าแฟนเก่าแล้ว ฉินหงเหยียนแฟนเก่าของนายน่ะ กำลังจะแต่งงานกับเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองเสินเฉิง ฮ่าๆ!”
เพี้ยะ!
เย่เฉินฟาดฝ่ามือประทับลงบนหน้าของซูมู่หลิน
“ไอ้คนสารเลว แกมีสิทธิ์อะไรมาดูถูกคู่หมั้นของฉัน?”
เย่เฉินโกรธจัด เมื่อครู่เขายอมไว้หน้าซูมู่หลินเพราะเห็นแก่ซูมู่ชิง
แต่ว่าตอนนี้ซูมู่หลินกำลังพูดจาดูถูกคู่หมั้นของเขา บอกว่าฉินหงเหยียนกำลังจะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิง สร้างเรื่องโกหกที่ไร้สาระแบบนี้มาหลอกเย่เฉิน จะให้เขาทนได้อย่างไร?
“นายกล้าตบฉันเหรอ? ปู่ของฉันยังไม่เคยตบหน้าสักครั้งเลย!”
ที่นี่เป็นบ้านของตระกูลซู วันนี้เดิมทีซูมู่หลินมีโอกาสจะยิงเย่เฉิน จะให้เขาทนโดนเย่เฉินฟาดหน้าเขาตามอำเภอใจแบบนี้ได้อย่างไร?
ซูมู่หลินเองก็เป็นคนที่เคยออกกำลังกายเรียนวิชาป้องกันตัวมาบ้าง จึงลงมือเตะต่อยกับเย่เฉินทันที
ตุบ!
โครม!
ผลัวะ!
ซูมู่หลินเตะต่อยเย่เฉินสุดแรง พอต่อยไปสามหมัด ทำให้เย่เฉินยากจะรับมือได้ทันที
พอจะมองออกว่าด้วยความสามารถในตอนนี้ของซูมู่หลิน น่าจะเหนือว่าหลี่เฉิงเจี๋ยคนนั้นเล็กน้อย มิน่าเขาถึงได้ไม่ยอมรับหลี่เฉิงเจี๋ยเป็นพี่เขย
ทว่าเย่เฉินยังกลับรับมืออีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
เขาทั้งรุกและรับสลับกันไป แสร้งทำทีราวจะเตะท้องเขา จากนั้นก็ตวัดขาเตะเข้าใส่ขาขวาที่เคยบาดเจ็บก่อนนี้ของซูมู่หลิน!
อ๊าก!
ซูมู่หลินโหยหวนอย่างเจ็บปวด เมื่อขาของเขาโดนหลิวเจิ้งคุนแทงเอาไว้สองแผล ตอนนี้บาดแผลยังไม่หายดีเต็มที่
และเพราะฝ่าเท้านี้ทำให้การป้องกันของซูมู่หลินมีช่องโหว่ จนเย่เฉินสามารถตบหน้าซูมู่หลินได้อีกสองครั้ง!
เพี้ยะ!
เพี้ยะ!
“เย่เฉิน!”
ซูมู่หลินเห็นน้องชายโดนตบ ก็ทนไม่ได้ จึงเดินไปขอร้องกับเย่เฉิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)