ยามคนเมื่อครู่หัวเราะคิกคัก “อ้อ ที่แท้ยืมรถมาวางท่าเป็นคนรวยมาที่วิลล่าของเรา งั้นพวกเรายิ่งไม่สามารถปล่อยให้พวกคุณเข้ามาแล้วล่ะ””
หลิวเจิ้งคุนหัวเสีย “พวกแกพูดจาไร้สาระ!”
Bently ป้ายเมืองเสินเฉิงคันนี้ ไม่ใช่ของหลิวเจิ้งคุนจริงๆ แต่เป็นเพื่อนในท้องที่ที่เขารู้จัก
เพราะเขาและเย่เฉินนั่งเครื่องบินส่วนตัวเดินทางมาที่นี่ พวกเขาจึงไม่มีรถใช้ หลิวเจิ้งคุนย่อมต้องไหว้วานเพื่อนของเขาให้ส่งรถที่พอจะมีระดับให้เขา
แต่คิดไม่ถึงว่ายามเฝ้าประตูจะจำได้ แถมยังเยาะเย้ยพวกเขาว่ารวยปลอมอีกต่างหาก
ยามเฝ้าประตูหัวเราะคิกคัก “ไม่มีเงินซื้อวิลล่าก็ไปเถอะ อย่ามาขวางหน้าประตูวิลล่าเลย อีกเดี๋ยวเจ้าบ้านคนอื่นในหมู่บ้านน่าจะมาแล้ว”
หลิวเจิ้งคุนหัวเสียเขาเดินกลับมาที่รถแล้วกล่าวกับเย่เฉิน “คุณชายเย่ ผมขอยืมตุ้มหูเพชรของคุณชายหน่อยได้ไหมครับ?”
เย่เฉินพยักหน้ารับ หลิวเจิ้งคุนก็หยิบตุ้มหูเพชรนั้นขึ้นมาแล้วเดินไปหายามที่หน้าประตู “แหกตาของพวกแกดูให้ดีๆ นี่คือตุ้มหูเพชรราคาเจ็ดร้อยล้าน! แค่ตุ้มหูสองคู่นี้ก็มากเพียงพอจะซื้อวิลล่าเน่าๆ ของพวกแกได้หลายสิบหลังแล้ว”
เมื่อคุณอูที่อยู่ข้างๆ มองเห็นเข้า ตาก็เป็นประกายวิบวับ “สวรรค์ พี่คุน ตุ้มหูคู่นี้ใช่ Apollo กับ Artemis ที่เขาลือๆ กันหรือเปล่า? สมบัติที่ใครๆ ก็ลือถึงทำไมถึงอยู่ในมือคนในประเทศเราได้ล่ะ? พี่คุน ท่านที่นั่งคือใครเหรอครับ พี่คุนพอจะแนะนำให้ผมรู้จักได้ไหมครับ!”
คนทั่วไปที่พอจะมีความรู้อยู่บ้างเห็นตุ้มหูราคาเจ็ดร้อยล้านคู่นี้ คงจะลงไปกราบนานแล้ว
ทว่ายามกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “นี่หลอกกันใช่ไหม แค่ตุ้มหูเน่าๆ เท่านั้นเอง คุยโวว่าราคาเจ็ดร้อยล้านอะไรกัน ฮ่าๆ เห็นว่าพวกฉันไม่มีความรู้หรือไง?”
จริงด้วย ตุ้มหูคู่นี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นของปลอม ราคาอย่างมากก็น่าจะแค่ 30 หยวน” ยามอีกคนกล่าว
หลิวเจิ้งคุนหงุดหงิดจนไม่รู้จะทำอย่างไร ให้พวกเขาดูของราคาแพงขนาดนี้ แต่เหมือนสีซอให้ควายฟัง!
หลิวเจิ้งคุนคืนตุ้มหูกลับไปแล้วตะคอกใส่ยาม “จะปล่อยให้พวกเราเข้าไปไหม ถ้าไม่ปล่อยให้เข้าไป ฉันจะซ้อมพวกแกแล้วนะ!”
“จะลงไม้ลงมือทำร้ายกันใช่ไหม? รีบแจ้งตำรวจเร็ว!” ยามยังไม่ยอดลดละ
และในเวลานี้เย่เฉินก็เดินลงมาจากรถ
บุคลิกภาพของเย่เฉิน ต่อให้เป็นช่วงกลางคืนคนก็ยังเห็นบุตลิกที่ไม่ธรรมดาของเขา!
“อาคุน ไม่จำเป็นต้องไปมีเรื่องกับพวกยามที่เฝ้าประตูหรอกนะ”
เย่เฉินขวางหลิวเจิ้งคุนเอาไว้
ในเมื่อต้องคุยกับพวกคนระดับล่างแล้วเหมือนคุยกับนกกับกา ก็หาตัวหัวหน้าพวกเขาก็พอ
“ลองไปสืบมาหน่อยว่าเจ้าของโครงการอ้ายฉินไห่ซานจวงคือใคร หาตัวหัวหน้าพวกเขาให้หน่อย” เย่เฉินสั่ง
“ครับ!”
หลิวเจิ้งคุนโทรไหว้วานเพื่อนทันทีหลังจากโทรติดแล้ว หลิวเจิ้งคุนก็รายงานกับเย่เฉินทันที “คุณเย่ครับ เจ้าของอ้ายฉิงไห่ซานจวงชือว่านเจิ้งหาว เป็นเถ้าแก่ในสายงานอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงมากทีเดียวที่นี่ ผมเพิ่งบอกชื่อคุณเย่ไป เขากำลังรีบมา”
“อืม”
เมื่อว่านเจิ้งหาวคนนี้รู้กิตติศัพท์ของเย่เฉินและเย่เฉินกรุ๊ป ก็น่าจะง่ายแล้ว
หลิวเจิ้งคุนกล่าวกับยามสองคน “อีกเดี๋ยวเจ้านายพวกแกจะมา ฉันจะให้พวกแกก้มหัวขอโทษฉันต่อหน้าเจ้านาย!”
แต่ยามยังคงไม่มีท่าทีหวาดกลัว “เป็นกฎที่เบื้องบนกำหนดเอาไว้เอง พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องขอโทษพวกนายด้วย?”
เย่เฉินเห็นท่าทางเชื่อมั่นในตัวเองของยามทั้งสองคน เหมือนว่าไม่กังวลใจเลยว่าจะตกงาน ก็แอบรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ
อีกทั้งถ้าหากมีแค่เจ้าของบ้านที่เข้าได้ แล้วทำไมเมื่อครู่ฉินเสี่ยวตั่วถึงเข้าไปได้ล่ะ?
ฉินเสี่ยวตั่วไม่ใช่เจ้าของบ้านเสียหน่อย เจ้าของบ้านที่นี่น่าจะมีแค่สวี่ฉู่หมิงคนเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)