ตอนที่ 415 ดักฟัง!
เย่เฉินมองกัวเยว่หมิงที่สารภาพผิดแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นมา
“คุณหมอกัวพูดเกินไป เราไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วหรอก ที่รัก เราดื่มให้คุณหมอกัวสักหน่อยดีไหม”
“ค่ะ ได้เลย”
ซูมู่ชิงเป็นผู้หญิงในเมืองหลวง หล่อนจึงดื่มเหล้าค่อนข้างเก่งทีเดียว
เย่เฉินเองก็จงใจให้กัวเยว่หมิงและซูมู่ชิงดื่มเหล้ากันทั้งสองคน ทางที่ดีคือพวกเขาสองคนดื่มกันจนเมาไปเลย
เพราะต่อไปเย่เฉินจะหาข้ออ้างหลบไปก่อน แล้วปล่อยให้พวกเขาสองคนอยู่กันตามลำพัง
หลังจากนั้นเย่เฉินก็จะแอบดูว่าหลังจากที่พวกเขาสองคนเมาแล้วจะพูดความจริงกันออกมาหรือไม่!
และแล้วทั้งสามคนก็จัดแจงใส่อาหารเข้าไปในหม้อพลางพูดคุยกันไปด้วย
“คุณหมอกัว เราต้องขอบคุณคุณมากๆ ต่างหาก คุณคิดดูนะถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ผมจะได้แต่งงานกับภรรยาดีๆ ที่สมบูรณ์แบบแบบซูมู่ชิงหรือเปล่า? ผมขอบอกแบบไม่อายเลยนะถึงเราจะแต่งงานกันได้แค่สี่วันแต่ก็รักกันมากๆ มีความสุขสุดๆ ตัวติดกันเป็นตังเมเลยล่ะ”
ซูมู่ชิงเองก็ส่งยิ้มหวาน เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณหมอกัวก็ไม่ได้มีอะไรต้องเขินอาย
กัวเยว่หมิงกล่าวพลางระบายยิ้ม “ฮ่าๆ ทันทีที่ผมเข้าประตูมาก็เห็นแล้วว่าความสัมพันธ์ของพวกคุณสองคนดีกว่าแต่ก่อนมากเลยล่ะครับ เลยผมเองดีใจแทนคุณสองคนจริงๆ โดยเฉพาะคุณหนูซู! เย่เฉินคุณอาจจะไม่รู้ว่าสามปีที่ผ่านมานี้คุณหนูซูน่าสงสารขนาดไหน หล่อนต้องสะกดจิตเพื่อให้ได้อยู่กับคุณในฝัน ตอนนี้ผมไม่ต้องทนเห็นท่าทางน่าสงสารของหล่อนอีกแล้ว ฮ่าๆ”
ใบหน้าเย่เฉินแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจเขากลับไม่ได้คิดอย่างนั้น “ซูมู่ชิงเปล่าเปลี่ยวเดียวดายเหรอ? ตลอดสามปีที่ผ่านมาคุณก็อยู่เป็นเพื่อนหล่อนมาตลอดไม่ใช่หรือไง!”
กัวเยว่หมิงหยิบตะเกียบขึ้นมา “เนื้อนี่สุกแล้ว”
ทั้งสามคนคีบเนื้อแพะมาจิ้มน้ำจิ้ม กัวเยว่หมิงอดย้อนคิดไม่ได้
“ตอนนี้ผมยังจำได้อยู่เลยว่ามีครั้งหนึ่งที่คุณหนูซูเข้ารับการสะกดจิต กำลังถึงตอนที่คุณหนูซูจะได้กอดกับคุณ คุณหนูซูนอนอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น แล้วยื่นมือขึ้นมาคว้าในอากาศ เหมือนว่ากำลังกอดคุณ เฮ้อ ตอนนั้นผมก็ภาวนากับสวรรค์อยากให้คุณหนูซูได้กอดเย่เฉินตัวจริง ในที่สุดตอนนี้ก็เป็นเรื่องจริงแล้วๆ! คุณหนูซูผมขอดื่มให้คุณนะครับ!”
กัวเยว่หมิงดื่มเหล้าในซูมู่ชิงอย่างตื้นตันใจ
ซูมู่ชิงมองกัวเยว่หมิงด้วยความซาบซึ้งใจ “คุณหมอกัวคะ ตลอดสามปีที่ผ่านมาฉันต้องขอบคุณคุณมากๆ เลย ถ้าไม่ได้คุณฉันก็ไม่รู้ว่าสามปีที่ผ่านมาฉันจะผ่านมันไปได้ยังไง”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนบทสนทนานี้ของพวกเขา คงทำให้เย่เฉินซึ้งตามไปด้วย แต่คงจะไม่คิดอะไรเกินเลยไปกว่านั้น
แต่ตอนนี้เย่เฉินกลับกลับพิจารณาบทสนทนาของทั้งสองคนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ในทุกคำพูดและทุกตัวอักษร!
“ตลอดสามปีที่ผ่านมา ถ้าไม่มีกัวเยว่หมิงคุณคงผ่านมันไปไม่ได้เหรอ? เหอะๆ ไม่ใช่เพราะเขานอนกับคุณตั้งหลายครั้งแล้ว คุณเลยขอบคุณเขาล่ะสิ!”
เย่เฉินไม่ได้แฉทั้งสองคน แต่กล่าวออกมาแทนว่า
“ที่แท้ทุกครั้งที่ซูมู่ชิงกอดผมตอนโดนสะกดจิตเป็นแบบนี้เองเหรอ? แล้วถ้าจูบกันล่ะ? แล้วอย่างอื่นด้วยน่ะ? ฮ่าๆ อย่าว่าผมพูดเรื่องน่าเกลียดเลยนะ ผมคิดว่าที่ซูมู่ชิงต้องอยากทำแน่เลย หลายวันมานี้ผมสัมผัสได้ถึงความกระตือรือร้นของหล่อนอย่างมากเลยล่ะ ฮ่าๆ”
สีหน้าซูมู่ชิงแดงระเรื่อแล้วตีเย่เฉินเบาๆ “น่าเกลียด อย่าพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าคุณหมอกัวสิคะ”
ฮ่าๆ มีเรื่องอะไรน่าเกลียดกัน? อย่างไรก็คนเคยๆ กันทั้งนั้น!!
ทันใดนั้นเองกัวเยว่หมิงก็มีท่าทีตึงเครียด “ก็มีอยู่นะครับ เพราะผมคต้องอยควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วคุณหนูซูเองก็โดนสะกดจิต ในฐานะที่เป็นหมอ ผมไม่มีทางเป็นฝ่ายชักนำให้คุณหนูซูทำเรื่องแบบนี้แน่ อย่างไรเสียชายหญิงไม่เหมือนกัน ผมที่คอยดูอยู่ตลอด จริงๆ ก็อายมากเหมือนกัน แต่ว่าตอนที่คุณหนูซูเริ่มมีความคิดและกำลังจะไปในทางนั้น ผมก็จะออกจากห้องรักษาปล่อยหล่อนไว้คนเดียว แล้วให้หล่อนค่อยๆ จัดการตัวเอง”
ซูมู่ชิงเริ่มรู้สึกว่าหัวข้อนี้ออกจะอ่อนไหวเกินไป หล่อนจับมือเย่เฉินแล้วกล่าว “ครอบครัวคุณหมอกัวเป็นหมอกันทั้งบ้าน นิสัยและศีลธรรมของเขาไม่มีทางมีปัญหาอะไรแน่”
ปากเย่เฉินก็กล่าวว่า “แน่นอน ผมเชื่อคุณหมอกัว”
แต่ในใจเขากลับคิดว่า “เชื่อก็บ้าแล้ว! เดียรัจฉานอย่างนั้นจะต้องแอบลวนลามซูมู่ชิงตอนที่หล่อนรับการรักษาแน่!”
ตอนนั้นซูมู่ชิงอยู่ในสภาวะกึ่งกลับกึ่งตื่น นายออกจากห้องรักษาหรือเปล่า ใครจะไปรู้?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)