เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) นิยาย บท 456

สรุปบท ตอนที่ 456 สืบสวน!: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

ตอน ตอนที่ 456 สืบสวน! จาก เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 456 สืบสวน! คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 456 สืบสวน!

เย่เฉินรู้จักคนตระกูลซูอย่างทะลุปรุโปร่ง เขาสามารถแยกแยะได้ทันทีว่าใครเป็นใครจากเสียงฝีเท้าหนักเบาและจังหวะฝีเท้า

“บ้าฉิบ จางเชี่ยนจือจะต้องลืมของอะไรแน่!”

เย่เฉินรู้ดีแก่ใจว่าจางเชี่ยนจือคนนี้ก็มีนิสัยแบบนี้ มักจะหลงลืมของบ่อยๆ ปกติเวลาออกบ้านก็เหมือนกัน เพิ่งออกบ้านก็ต้องกลับมา มีบางครั้งที่ต้องไปๆ กลับๆ หลายครั้ง

ช่วยไม่ได้เย่เฉินทำได้เพียงซ่อนยาเอาไว้ก่อน แต่ไม่ทันเย่เฉินเลยต้องจำใจซ่อนตัวอยู่ใต้เตียง

ไม่นานนักจางเชี่ยนจือก็เดินเข้ามาในห้อง แต่ไม่ได้มองใต้เตียง แล้วมาหยุดที่ด้านหน้าเตียงแทนแล้วหยิบหวีออกมาจากกระเป๋า

เย่เฉินแทบจะอยู่ติดกับจางเชี่ยนจืออย่างมากไม่ถึง 20 ซม. ด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าเย่เฉินโดนเตียงบังเอาไว้ ดังนั้นจางเชี่ยนจือจึงไม่เห็นเขาเท่านั้นเอง

แต่ว่าเย่เฉินกลับเห็นช่วงขาและเท้าของจางเชี่ยนจือผ่านใต้เตียง

จางเชี่ยนจือเตี้ยกว่าซูมู่ชิงเล็กน้อย หญิงวัยกลางคนสูงประมาณ 165 ซม. สูงประมาณ 55 กก. ช่วงนี้เริ่มฝึกฝนโยคะ ยังคงรักษาเรือนร่างเอาไว้เป็นอย่างดี

เย่เฉินเห็นเท้าของจางเชี่ยนจือก็พบว่าเท้าของหญิงวัยกลางคนนี้ขาวนวลเขียนแต่กลับไม่บวมอ้วน อีกทั้งยังทาสีเล็บสีชมพูเอาไว้ด้วย!

เย่เฉินอดเย้ยหยันในใจไม่ได้ “เหอะ จางเชี่ยนจือคนนี้ทาเล็บสีชมพูเสียหวานแหววเลย สีชมพูเป็นสีของเด็กผู้หญิงไม่ใช่หรือไง? คิดไม่ถึงว่าหล่อนจะชอบของแบ๊วๆ แบบนี้!”

กระทั่งซูมู่ชิงยังทาเล็บสีแดงไวน์เลย!

แต่พอคิดละเอียดๆ ตนเองที่เป็นลูกเขยไม่น่าจ้องเท้าของแม่ยาย

“อย่าเสียมารยาทเลยดีกว่า”

เย่เฉินเองก็คร้านจะมอง จนหล่อนลุกขึ้นและออกจากห้องไปอีกครั้ง

เมื่อแน่ใจว่าแม่ยายเดินไปแล้วเย่เฉินก็ปีนออกมาจากใต้เตียง

เย่เฉินค่อยๆ หยิบยาออกมาจากกล่อง แล้วหยิบเม็ดยาสีแดงที่เขียนว่า A1 ออกมาจากนั้นก็เปิดกาน้ำชาของแม่ยายออกมาแล้วในตอนที่กำลังจะหย่อนยาลงไป ใครจะรู้..

“สวบ…สวบ…สวบ…”

เป็นเสียงฝีเท้าที่คุ้นหูนี้อีกแล้ว!

“บ้าฉิบ! จางเชี่ยนจือเดินกลับมาอีกแล้ว! แม่ยายของเรานี่จะต้องลืมของอะไรแน่ โอ้ย จะเป็นบ้า! เอาของไปให้หมดๆ ครั้งเดียวไม่ได้หรือไง!”

เย่เฉินรีบร้อนวางยากลับไปในกล่องยา แล้วจัดแจงเก็บกล่องยา แล้วปิดฝากาน้ำชาอีกครั้ง

เมื่อจัดการอะไรๆ เสร็จแล้ว เย่เฉินก็มุดกลับเข้าไปใต้เตียงอีกครั้ง แล้วครั้งนี้ร้อนรนกว่าเดิม…

โครม

เย่เฉินหัวโขก!

“เฮ้อ…จะต้องเป็นเพราะสัปดาห์นี้แกล้งเป็นคนตนบอดจนชิน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพอมุดเตียงแล้วจะหัวโขก…”

เย่เฉินเอามือกุมศีรษะรู้สึกอับอายอย่างมาก ถ้าเพื่อนของเขาหรือไม่ก็พวกอาจารย์ที่เคยฝึกฝนเขาเข้ามาเห็นภาพเหตุการณ์นี้เข้า จะต้องหัวเราะกันจนปวดท้องแน่นอน

จางเชี่ยนจือกลับมาอีกครั้งเหมือนจะมาหาของอะไรบางอย่าง แต่หาของอยู่นานก็หาไม่เจอ จากนั้นจึงพึมพำกับตนเอง

“เอ๊ะ มือถือล่ะ? อ่อ เอาเข้าห้องน้ำไปแล้วนี่นา”

เย่เฉิน“…”

เย่เฉินหัวเสียอย่างมาก หญิงชราที่ยังไม่แก่มากยังเลอะเลือนจนเป็นแบบนี้ ยังจะมาหาเรื่องฉันทุกวันอีก!

จางเชี่ยนจือออกจากห้องไปอีกครั้ง เย่เฉินไม่กล้าอ้อยอิ่งอีก เขารีบเทยาแล้วเดินจากไป!

40 นาทีต่อมา จางเชี่ยนจือก็อาบน้ำเสร็จแล้วเวลาหนึ่งชั่วโมงก็ผ่านไป

“เวลาผ่านไปได้ประมาณหนึ่งแล้ว ยาน่าจะออกฤทธิ์แล้ว!”

เย่เฉินมองเวลาก็รู้สึกว่าตอนนี้จางเชี่ยนจือน่าจะโดนยาเต็มที่แล้ว ก็แอบออกจากห้องแล้วเดินมาที่ห้องของแม่ยาย

ตอนนี้ไฟห้องจางเชี่ยนจือปิดสนิท แต่ในห้องยังมีเสียงของจางเชี่ยนจือดังลอยออกมา

ในเมื่อเกลียดเขาขนาดนี้ ก็อย่าหาว่าเขาไม่เกรงใจแล้วกัน!

เย่เฉินกล่าว “บอกมา คุณส่งคนไปวางยาเขาที่ศูนย์ประชุมนานาชาติเมืองเสินเฉิงหรือเปล่า?”

จางเชี่ยนจือกล่าวอย่างเลื่อนลอย “วางยาเมืองเสินเฉิง…เปล่านี่ ฉันไม่ได้วางยาอะไร เย่เซวียนเป็นคนทำ พี่ชายคนรองที่ไร้ประโยชน์ของเย่เฉินนั่นไง”

“อะไรนะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่เฉินก็ใจหายวาบ คิดไม่ถึงว่าจางเชี่ยนจือจะสงสัยว่าเป็นฝีมือเย่เซวียนงั้นเหรอ?

“ดูแล้วไม่น่าจะใช่ฝีมือหล่อน”

ตอนนี้เย่เฉินแน่ใจแล้วว่าคำพูดของหล่อนเมื่อครู่น่าจะเป็นเพราะอารมณ์เท่านั้นเอง

เมื่อได้คำตอบแล้ว เย่เฉินก็จากไป

เดิมเขาเอายาแก้พิษให้อีกฝ่ายเพื่อให้หล่อนหายจากอาการที่เป็นอยู่ แต่เย่เฉินไม่ให้

เย่เฉินไม่ชอบปั้นหน้า ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ชอบตนเอง งั้นก็ให้หล่อนได้ขายหน้าที่บ้านซูเจิ้นหาง

เช้าวันต่อมาคนตระกูลซูก็ตื่นเช้ามากินข้าวเช้ากันที่โต๊ะอาหาร

เย่เฉินแกล้งทำเป็นไม่เห็น เขากินซุปที่ภรรยาป้อนแล้วถาม“ท่านซู เมื่อคืนวานคุณได้ยินเสียงอะไรไหมครับ?”

ซูเจิ้นหางหันมองจางเชี่ยนจืออย่างไม่รู้ตัวแล้วสีหน้าเก้อเขิน “เหมือน…จะมีนะ”

ซูมู่ชิงเองก็กล่าว“เหมือนจะได้ยินลางๆ เหมือนกัน เสียงเหมือนมาจากห้องคุณแม่เลย แม่คะเมื่อคืนแม่ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”

จางเชี่ยนจือสีหน้าแดงก่ำ “ไม่..ไม่จ้ะ”

เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อกลางดึกผมอยากเข้าห้องน้ำ เดิมจะเรียกมู่ชิงให้ไปส่ง แต่ว่าพอได้ยินเสียงก็เลยไม่กล้าเรียก กลัวว่าเดี๋ยวถ้ามู่ชองได้ยินแล้วจะเขิน”

ที่จริงซูเจิ้นหางก็ได้ยินเช่นกันเลยตำหนิลูกสะใภ้ “เชี่ยนจือ เมื่อคืนเธอเหลวไหลมากนะ เด็กๆ อยู่ห้องข้างๆ ช่วยระวังหน่อยได้ไหม? ห้องในบ้านนี้มันไม่เก็บเสียง จะมาทำอะไรในห้องตามใจเหมือนบ้านตัวเองได้ยังไง! ตั้งแต่วันนี้ไปห้ามมานอนบ้านฉันแล้วนะ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)