“สวัสดีครับผมเย่เฉิน”
เย่เฉินเดินลงมาจากรถมายบัคสีขาวป้ายทะเบียนเลขตอง เขาสวมชุดสูทสีขาว เมื่อบวกกับแววตาชื่นชมที่ทุกคนมองมาที่เขา ทำให้เขาในตอนนี้สูงส่งประหนึ่งเทพเซียนจากสวรรค์ชั้นฟ้า ทั้งสง่างามและสูงส่งอย่างมาก
ฟางเสียนจู่ไม่เหมือนพวกฟางเชาที่เคยเจอเขามาก่อน นี่ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาสองคนเจอกัน
ฟางเสียนจู่จับมือเย่เฉินด้วยความตื่นเต้นแล้วกล่าว “แขกผู้ทรงเกียรติอย่างคุณเย่มาเยือน ช่างเป็นเกียรติแก่ผมและลูกชายเหลือเกิน!”
หลิ่วหรูซือเองก็มีท่าทีประหลาดใจอย่างมาก “คิดไม่ถึงว่าคุณเย่จะอายุน้อยแบบนี้แถมยังหล่อเหลาขนาดนี้! น่าเหลือเชื่อมากจริงๆ ”
เย่เฉินปรายตามองหลิ่วหรูซือแล้วกล่าว “คุณผู้หญิงท่านนี้คงจะเป็นภรรยาของคุณฟางใช่ไหม? เป็นคนสวยจริงๆ”
คุณฟางกล่าวพลางระบายยิ้ม “น่าอายจริงๆ ภรรยาผมเองครับ”
หลิ่วหรูซือเองก็ตื่นเต้นอย่างยิ่ง ผู้หญิงอายุสิบกว่าถูกผู้ชายวัยยี่สิบกว่าเอ่ยปากชม จะดูเขินอายก็เป็นธรรมดา
แต่ในเวลานี้เองฟางเชาเห็นเย่เฉินมองมารดาตนเองอย่างอุกอาจเช่นนี้ แถมยังพูดชมอีกฝ่ายในทางชู้สาวอีกก็หัวเสียทันที
“เย่เฉิน แกจะมาวางมาดเป็นผู้บริหารบ้าบอคอแตกอะไร! แกไม่ใช่ผู้บริหารของบริษัทไหนสักที่ด้วยซ้ำ แกมันก็แค่บอดี้การ์ดของฉินหงเหยียน!”
หวังเจียเหยาเองก็ประหลาดใจ ทำไมฉินหงเหยียนถึงต้องร่วมมือแสดงละครกับเย่เฉินด้วย?
วันนี้คนที่มาร่วมงานแต่งงานล้วนแต่เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมอวิ๋นโจว ฉินหงเหยียนหลอกลวงคนอื่นแบบนี้ดีแล้วจริงหรือ?
เย่เฉินยังไม่ทันได้พูดอะไร คุณหม่าก็สาวเท้าไปด้านหน้ายื่นมือออกมาแล้วกล่าว
“คุณเย่ได้ยินชื่อเสียงคุณมานาน ได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก ช่างเป็นเกียรติเหลือเกิน”
เย่เฉินตกใจ “คุณหม่า? คุณติดต่อกับคนตระกูลฟางด้วยเหรอครับเนี่ย? ”
ถ้าหากว่าคุณหม่าเป็นญาติหรือเป็นเพื่อนของคนตระกูลฟาง เย่เฉินคงต้องปวดหัวมากแน่
ถึงสุดท้ายจะแข่งขันกันขึ้นมาจริงๆ คนที่ชนะก็เป็นเย่เฉินอยู่ดี แต่ก็คงยากลำบาก อย่างไรเสียคุณหม่าก็เป็นคนที่รวยเป็นลำดับต้นๆ ในประเทศนี้
คุณหม่ารีบร้อนโบกมือ “มิได้ๆ ผมมาที่นี่เพื่อมาพบคุณโดยเฉพาะ หลายวันมานี้ผมก็เพิ่งได้ยินว่าคุณมาที่อวิ๋นโจว ที่จริงแล้วเมื่อสามปีก่อนผมเคยทานข้าวกับคุณปู่ของคุณที่ลอสแอลเจลลิส คุณปู่ของคุณเย่เป็นไอดอลของผม ผมน่ะคิดอยู่ตลอดว่าจะไปเข้าพบท่านได้เมื่อไหร่ แต่ก็กลัวว่าจะไปรบกวนท่านเข้า ไม่รู้ว่าช่วงนี้ท่านสุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฟางเชาและหวังเจียเหยาประหลาดใจ คุณหม่ารู้จักปู่ของเย่เฉินด้วยเหรอเนี่ย?
เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?
เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณปู่ร่างกายแข็งแรงมากครับ ผมเองก็เคยได้ยินคุณปู่พูดถึงคุณหม่าอยู่เหมือนกัน คุณปู่บอกว่าคุณหม่าเป็นบุคคลในตำนาน เป็นอัจฉริยะภาพในวงการธุรกิจที่ร้อยปีจะมีสักหน ท่านเองก็อยากพบคุณและพูดคุยกับคุณมาตลอด คุณปู่ตอนนี้อยู่ที่อังกฤษ เอาแบบนี้แล้วกัน คุณไปอังกฤษเมื่อไหร่ก็บอกผม ผมจะจัดการนัดให้คุณพบท่าน”
คุณหม่ากล่าวด้วยความดีใจ “ดีเหลือเกินครับ ผมขอแอดวีแชทคุณได้ไหมครับ?”
คุณหม่าล้วงโทรศัพท์ออกมาสแกนคิวอาร์โค้ดของเย่เฉิน
เหล่ารุ่นใหญ่ในวงการธุรกิจที่อยู่ในงานต่างก็อิจฉาจนน้ำลายไหล พวกเขาเองก็อยากจะได้วีแชทของคุณหม่ามากเหมือนกัน!
แต่คุณหม่าที่สูงส่งเหลือเกินกลับออกตัวมาขอแอดวีแชทเด็กคนหนึ่ง!
แอดวีแชทเสร็จแล้วก็รีบตอบ “ผมยังมีประชุมขอตัวก่อนนะครับ”
พอคุณหม่าแอดวีแชทเย่เฉินแล้วก็เขย่ามืออีกฝ่าย จากนั้นก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
คุณหม่าเพิ่งจะเดินออกไป แล้วก็มีคนผู้หนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในงาน
คนผู้นี้พุ่งมาหน้าเย่เฉินแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเขา จากนั้นก็โขกศีรษะให้เขาไม่หยุด
ทุกคนตื่นตระหนก ทันทีที่ฟางเชาเห็นก็ตื่นตระหนก “นี่หม่าเสิน ตัวแทนประจำอวิ๋นโจวของเดลิเวิรี่ถวนถวนไม่ใช่เหรอเนี่ย? ไม่ได้เจอคุณนานเลย คุณไปไหนมา? ทำไมถึงต้องโขกศีรษะให้เย่เฉินด้วยล่ะ?”
ถูกต้อง คนผู้นี้ก็คือหม่าเสินที่ไล่เย่เฉินออก!
หม่าเสินปรายตามองฟางเชาแล้วกล่าว “ผมไปพบคุณอูที่เมืองหลวง ขอร้องเขาให้ยอมยกสิทธิ์การเป็นตัวแทนเขตอวิ๋นโจวกับผม ผมขอร้องเขาไปครึ่งเดือนกว่า เขาถึงได้ยอมบอกผมว่าเพราะผมไปล่วงเกินคุณเย่ ‘เย่เฉิน’ เข้า ขอแค่คุณเย่ยอมให้อภัยผม คุณอูก็จะยอมร่วมมือกับผมต่อ”
พออธิบายเสร็จ หม่าเสินก็โขกศีรษะขอโทษเย่เฉินต่อ “คุณเย่! พี่เฉิน! ผมผิดไปแล้ว! ผมมีตาแต่หามีแววไม่ไปล่วงเกินคุณเข้า ต้องโทษคนตระกูลหวังที่ยุแยง ผมไม่มีความแค้นอะไรกับคุณ เป็นแค่ความเข้าใจผิดเท่านั้น! คุณเย่ได้โปรดให้อภัยผมด้วย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)