เย่เฉินมองหลิ่วหรูซือด้วยใบหน้าตกตะลึง ไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร
หลิ่วหรูซือชันตัวขึ้น หล่อนไม่คุกเข่าอีกแล้ว ท่าทางก็เปลี่ยนไปราวเป็นวีรบุรุษที่เตรียมตัวจะพลีชีพ แววตาแน่วแน่
หลิ่วหรูซือกล่าว “คุณเย่ วันนี้ที่ฉันมาหาคุณ ฟางเสียนจู่และฟางเชา สามีและลูกชายของฉันทุกคนรู้กันหมด แล้วไหนจะยังมีคนของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปรวมไปถึงคนจำนวนมากของบริษัทต่างก็รู้กันหมด”
เย่เฉินพยักหน้า “ผมรู้แล้วยังไงต่อ?”
จู่ๆ หลิ่วหรูซือก็กล่าว “คืนนี้ฉันค้างคืนที่นี่ได้ค่ะ!”
ดูไปแล้วเย่เฉินตกตะลึง คุณน้าคนนี้เหลวไหลเกินไปแล้วมั้ง?
ในเวลานี้เย่เฉินถึงได้เข้าใจในความหมายของคำพูดหลิ่วหรูซือ
ทุกคนต่างก็รู้ว่าฟางเชานอนกับอดีตภรรยาของเย่เฉิน นี่ทำให้ประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปอย่างเขาเสียหน้า
แต่ถ้าวันนี้เย่เฉินนอนกับมารดาของฟางเชาก็จะไม่มีใครเยาะเย้ยเขาอีกแล้ว
การล้างแค้นแบบนี้โหดกว่าทำให้ฟางเชาพิการมากนักแถมยังทำให้คนนับถือเขากว่าเดิมด้วย
เย่เฉินมองหลิ่วหรูซืออย่างตื่นตระหนก คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะเสียสละได้ขนาดนี้เพื่อช่วยลูกชายตนเอง!
“คุณนายฟาง…”
เย่เฉินมองแหวนบนนิ้วนางของอีกฝ่าย อย่างกระอักกระอ่วนใจเมื่อมองหน้าผู้หญิงที่อายุมากกว่าตนเองถึงยี่สิบปี
หลิ่วหรูซือยิ้มน้อยๆ “แน่นอนฉันก็รู้ว่าฉันอาจจะสู้หวังเจียเหยา ฉินเหงเหยียนไม่ได้ เป็นแค่หญิงแก่ที่กำลังร่วงโรย จะเข้าตาคุณเย่ได้ยังไง คุณไม่ชอบฉัน ฉันเข้าใจและยอมรับได้”
เย่เฉินยิ่งทำอะไรไม่ถูกกว่าเดิม สำหรับเขาแล้วอีกฝ่ายออกจะแก่เกินไปจริงๆ
แต่สำหรับผู้หญิงวัยกลางคนแบบนี้นับว่าหล่อนดูแลตัวเองได้ดีพอควร ไม่ด้อยไปกว่าดาราผู้หญิงที่อายุเท่าๆ กันแม้แต่น้อย
เย่เฉินกล่าว “คุณนายฟาง คุณสวยมากครับ ถึงแม้อายุอานามจะมากไปสักหน่อยแต่ก็ดูมีความเป็นผู้ใหญ่แบบที่ผู้หญิงในวัยยี่สิบไม่มี”
พอถูกเย่เฉินชมแบบนี้ใบหน้าเก้อเขินของหลิ่วหรูซือก็ดีขึ้นไม่น้อย
แต่ใครจะรู้เย่เฉินกล่าวต่อไปว่า “แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับคุณอยู่ดี”
หลิ่วหรูซือก้มหน้าลง ความคิดที่จะชดใช้ความผิดแทนลูกชายเป็นหมันไปเสียแล้ว
“แต่ว่า…”
ใครจะรู้ว่าเย่เฉินจะหักมุม “ได้ยินมาว่าคุณร้องเพลงใช้ได้เลย ถ้าคุณยินดีจะร้องเพลงอยู่ที่นี่ ผมก็ยินดีจะฟังนะ”
ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นคลิปหลิ่วหรูซือร้องเพลงในโมเม้นท์วีแชทของฉินหงเหยียนซึ่งเขาชอบมากทีเดียว
หลิ่วหรูซือมีกลิ่นอายของนักร้องคาเฟ่ในเซี่ยงไฮ้ยุคปี 30-40 เย่เฉินอยากจะลองสัมผัสบรรยากาศเช่นนั้นสักคร้ัง
หลิ่วหรูซือระบายยิ้มเต็มไปหน้า “คุณเย่ ฉันยินดีร้องเพลงให้คุณฟังทั้งคืน ไม่ทราบว่าคุณเย่ชอบฟังเพลงแนวไหนคะ? ถ้าเป็นเพลงฮิตในช่วงนี้ฉันเกรงว่าน่าจะไม่ได้เพราะไม่เคยฟังเลย”
เย่เฉินกล่าวว่า “คุณนายฟางต้องขอโทษที่ผมละลาบละล้วง ตอนที่ผมเห็นรูปภาพคุณครั้งแรกก็รู้สึกว่าคุณเหมือนนักร้องคาเฟ่ในเทียนไห่ยุคปี 30-40 บังเอิญที่คุณเป็นคนเทียนไห่พอดี ตอนเด็กๆ มักจะได้ยินคุณปู่เล่าเรื่องเทียนไห่ในสมัยก่อนให้ฟังบ่อยๆ เขาบอกว่ายุคนั้นเป็นช่วงเวลาที่ควรค่าให้ระลึกถึงที่สุดแล้ว เทียนไห่ในยุคนั้นเป็นตัวแทนของความโรแมนติก หรูหรา โมเดิร์นและคลาสสิคในเวลาเดียวกัน คุณปู่มักจะบรรยายว่ายุคนั้นผู้หญิงมักจะสวมชุดกี่เพ้า อ่อนหวานเย้ายวน ถือพัดขนไก่สีขาวร้องเพลงเต้นรำอยู่ในคาเฟ่ ดังนั้นผมหวังว่าคุณจะร้องเพลงเก่าๆ ให้ผมฟังบ้าง”
หลิ่วหรูซือตกตะลึงเล็กน้อย “ที่แท้คุณเย่อยากจะสัมผัสบรรยากาศเก่าๆ ของเทียนไห่ ที่จริงแล้วสำหรับฉันเพลงพวกนั้นก็ออกจะเก่าเกินไปเหมือนกัน ฉันตอนนั้นเริ่มฟังหวังเฟยแล้วค่ะ แต่แม่ฉันมักจะร้องเพลงเก่าๆ ดังนั้นฉันก็เลยพอร้องได้บ้าง คุณเย่รอประเดี๋ยว ฉันจะให้คนเอากี่เพ้ากับไมโครโฟนมาส่ง”
เดิมทีเย่เฉินตั้งใจจะบอกว่าเดี๋ยวเขาจะเป็นคนตระเตรียมของเหล่านี้เอง
ทว่าพอมาคิดดูโดยละเอียดแล้ว เขาเองก็ไม่รู้สัดส่วนของหลิ่วหรูซือ ของอย่างกี่เพ้าเป็นชุดที่ต้องสั่งตัดเท่านั้น
สามนาทีต่อมาหลิ่วหรูซือก็สั่งให้คนเอากี่เพ้ายี่สิบตัวมาส่ง!
ดูแล้วหลิ่วหรูซือน่าจะชอบใส่กี่เพ้ามากทีเดียว
“คุณเย่ คุณช่วยฉันเลือกหน่อยสิ”
หลิ่วหรูซือจัดเรียงชุดกี่เพ้าพวกนี้ให้เขาดู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)