วันต่อมาเย่เฉินมาถึงบริษัทตอนสิบโมง
คืนวานเขาฟังหลิ่วหรูซือร้องเพลงจนดึกเกินไป
เย่เฉินฟังเสียงเพลงของหลิ่วหรูซือไปดื่มเหล้าค็อกเทลไป พลันเหมือนได้ย้อนกลับเข้าไปในเทียนไห่สมัยก่อน
เสียงขับร้องของหลิ่วหรูซือไพเราะจนน่าตะลึง อยู่ในระดับราชินีนักร้องเลยทีเดียว
ถ้าหากไม่ใช่เพราะชีวิตหล่อนดีเกินไป จนไม่เคยคิดว่าจะต้องหาเงินด้วยการร้องเพลง ไม่อย่างนั้นแล้วล่ะก็ผู้หญิงคนนี้จะต้องไปได้ดีในวงการเพลงจีนแน่!
เย่เฉินยังเอาโทรศัพท์ออกมาอัดคลิปหลิ่วหรูซือร้องเพลงเอาไว้หลายคลิปส่งให้คุณปู่และดูบรูล
คุณปู่ยังชมหลิ่วหรูซือว่ามีกลิ่นอายเก่าๆ ของผู้หญิงเทียนไห่ซึ่งเขาชอบมาก ส่วนดูบรูลเอาแต่อิจฉาเย่เฉินเพราะว่าเขาชอบผู้หญิงคนนี้นานแล้ว
ทว่าถึงเย่เฉินจะดื่มเหล้าไปไม่น้อย แต่สุดท้ายระหว่างเขาและหลิ่วหรูซือก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เพียงแต่ให้หล่อนเปลี่ยนชุดกี่เพ้ายี่สิบตัวพวกนั้นทั้งหมด
ก๊อก ก๊อก
“เข้ามาได้”
ฉินหงเหยียนผลักประตูห้องทำงานของเย่เฉินออกแล้วเดินเข้าไป
หล่อนจงใจเดินเข้าไปใกล้จนเห็นขอบตาที่ดำคล้ำของอีกฝ่ายจึงกล่าว
“คุณเย่ ตอนนี้ทั้งบริษัทกำลังลือกันให้แซ่ดว่าคุณนอนกับภรรยาของฟางเสียนจู่”
เย่เฉินยังคงก้มหน้าง่วนดูเอกสารแล้วกล่าวเสียงเรียบ “อ้อ เมื่อคืนหลิ่วหรูซืออยู่กับผมน่ะ”
นี่คือผลลัพธ์ที่เขาต้องการ เขาต้องการให้บริษัทลือเรื่องนี้กันให้มากๆ
มิฉะนั้นเกียรติยศของประธานบริษัทคงจะถดถอยน้อยลงไป
ต่อให้ตอนเจอหน้ากันพนักงานพวกนั้นจะเคารพเขาแต่ก็แอบเยาะเย้ยที่เขาโดนสวมเขาอยู่ดี
ฉินหงเหยียนก็ไม่ใช่คนโง่ หล่อนรู้ว่านี่อาจเป็นวิธีแก้แค้นอย่างหนึ่งของเขา
ฉินหงเหยียนถามต่อ “อย่างนั้นคุณ…กับหล่อน?”
เย่เฉินวางปากกาหล่อนแล้วเงยหน้ามองอีกฝ่ายก่อนจะหัวเราะ “ไม่มีอะไรสิ ผมแค่ให้หล่อนร้องเพลงทั้งคืน ผมไม่ชอบผู้หญิงแก่สักหน่อย”
ฉินหงเหยียนได้ยินประโยคแรกๆ ก็ดีใจอย่างมาก แต่พอได้ยินประโยคสุดท้ายรอยยิ้มที่มีก็ค่อยๆ เลือนหายไป
เย่เฉินเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าอีกฝ่ายถึงได้ระลึกว่า ฉินหงเหยียนอาจจะนับว่าตัวเองเป็น ‘ผู้หญิงแก่’
เย่เฉินรีบร้อนอธิบาย “หงเหยียนผมไม่ได้ว่าคุณนะ คุณเพิ่งสามสิบเท่านั้นเอง ถือว่ารุ่นราวคราวเดียวกับผม เป็นช่วงอายุของผู้หญิงที่ผมชอบที่สุด”
“จริงเหรอคะ?” ฉินหงเหยียนดีใจกับข่าวที่คาดไม่ถึงนี้ หล่อนมั่นใจในความสามารถและใบหน้าของตนเองอย่างมาก เพียงแต่ยังกังวลว่าเย่เฉินจะรังเกียจที่หล่อนอายุเยอะก็เท่านั้น
“แล้วคืนนี้พวกเราไปกินข้าวด้วยกันได้ไหม? คุณหย่าแล้ว หวังเจียเหยาก็เสียใจแล้ว คุณก็ดูหมิ่นฟางเชาได้แล้ว คุณล้างแค้นเสร็จไปแล้ว พวกเราไปดื่มเหล้าเพื่อฉลองกันเถอะ”
ฉินหงเหยียนเชื้อเชิญเย่เฉิน
เย่เฉินกล่าวว่า “คืนนี้ไม่ได้ ผมนัดหวังเจียเหยาเอาไว้”
ฉินหงเหยียนสับสน “คุณยังชอบหล่อนอยู่อีกเหรอ? เพราะรู้ว่าหล่อนกับฟางเชาไม่มีอะไรกันใช่ไหม คุณถึงไม่ติดใจอะไรแล้ว?”
ฉินหงเหยียนรู้ข่าวลือในช่วงนี้เป็นอย่างดี
ด้านนอกกำลังลือเรื่องนี้กันให้แซ่ดว่าเรื่องหวังเจียเหยาและฟางเชานั้นมันไม่จริง
เย่เฉินกล่าวว่า “ได้ยังไง สิ่งที่ผมสนใจที่สุด ที่จริงแล้วไม่ใช่ความสัมพันธ์ระหว่างหวังเจียเหยาและฟางเชา แต่เป็นเรื่องที่ท่าทีที่เปลี่ยนไปราวคนละคนหลังจากรู้ว่าผมเป็นใคร! ทว่าผมปิดบังความจริงหล่อนไว้สามปีจริงๆ ดังนั้นผมถึงต้องชดเชยหล่อนสักหน่อย วันนี้จะแนะนำผู้ชายดี ๆ ให้หล่อนรู้จัก”
ฉินหงเหยียนยิ้ม “อะไรนะคะ? แนะนำผู้ชายดีๆ ให้หล่อนรู้จักเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)