เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 10

สรุปบท ตอนที่ 10.2: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

ตอนที่ 10.2 – ตอนที่ต้องอ่านของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

ตอนนี้ของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายแฟนตาซีทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 10.2 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล ตอนที่ 10.2
ตอนที่ 10.2

ในตอนนั้นเองคิลลีวูก็เคาะขอบหน้าต่างเสียงดังก๊อก ก๊อก พลางเอ่ยพูดกับเธอ

“มานั่งตรงนี้”

“ว่าไงนะ”

“บอกให้มานั่งกับพวกเราไง”

เมโลนเป็นฝ่ายพูดเสริมต่อ

ผมสีบลอนด์ของทั้งสองคนส่องสว่างเป็นประกายเงางามยิ่งขึ้นยามต้องแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาจากด้านนอก

เธอหันกลับไปมองพวกเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดตอบ

“ถ้าอยากนั่งกับข้า พวกเจ้าสองคนก็มาทางนี้สิ”

นัยน์ตาสีทองของทั้งสองคนเบิกกว้างขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

“อย่ามาสั่งให้ข้ามาหรือไปไหน”

เธอพูดแบบนั้น แล้วจึงหันหน้ากลับมา

ถึงแม้จะไม่มีความทรงจำว่าพวกเขาเคยทำอะไรไม่ดีกับเธอ แต่จู่ๆ มาพูดสั่งคนอื่นแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกอารมณ์เสีย

เด็กตระกูลลอมบาร์เดียล้วนหยิ่งในศักดิ์ศรีเพราะฉะนั้นคิลลีวูกับเมโลนเอง เดี๋ยวก็คงจะโมโหเหมือนอย่างเบเล…

ตุบ

โซฟาที่เธอนั่งอยู่สั่นเล็กน้อย

“อะ…อะไร?”

จู่ๆ ทั้งสองคนก็ลุกมานั่งทางฝั่งนี้ตามที่เธอพูด

แถมยังนั่งขนาบสองข้างของเธอเสียด้วย

“ไหนบอกว่าถ้าอยากนั่งกับฟีเรนเทีย ให้มานี่ไง”

“เพราะงั้นถึงได้มาไงล่ะ เทีย”

“อือ ใช่ เรียกว่าเทียก็แล้วกันเนอะ”

“ใช่ เอาแบบนั้นแหละ”

สองคนนั่นพูดเองเออเองกันอยู่สองคนพลางยิ้มแย้มด้วยความชอบอกชอบใจ

ไม่รู้ด้วยแล้ว ไอ้โลกความคิดของพวกเขาเนี่ย

ฟีเรนเทียยักไหล่ไม่สนใจ

ในเมื่อบอกว่าอยากจะนั่งด้วยกัน เธอก็ไม่สามารถสั่งให้พวกเขาไปนั่งที่อื่นได้ด้วย แต่แล้วในตอนที่เธอรู้สึกยอมแพ้ไปครึ่งทาง ประตูก็ถูกเปิดออก ตามด้วยที่เครย์ลีบันจะเดินเข้ามาในห้อง

“ทุกคนมากันพร้อมแล้วสินะ ถ้างั้นเริ่มคลาสกันเลยนะครับ”

หืม? เอาแบบนี้เลยเหรอ

เธอมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตระหนก นอกจากเธอแล้วก็ไม่มีใครมีสีหน้าตกใจเลยสักคน

แต่ไม่มีทั้งหนังสือ ไม่มีทั้งอุปกรณ์การเรียนการสอนสักชิ้นเนี่ยนะ?

ในตอนนั้นเองก็พลันเห็นกระดาษกับเครื่องเขียนที่วางอยู่มุมห้อง

หมายความว่าถ้าจำเป็นก็หยิบเอาไปเขียนได้หรือเปล่า

แต่ลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆ ก็เอาแต่มองเครย์ลีบันด้วยมือเปล่ากันทั้งนั้น

งั้นก็ลองสังเกตการณ์ดูไปก่อนก็แล้วกัน

เธอคว้าหมอนเข้ามากอด มองเครย์ลีบันที่ยืนอยู่หน้ากระดาน

“ตั้งแต่วันนี้เราจะมาเรียนเกี่ยวกับธุรกิจหนึ่งในบรรดากิจการที่สำคัญของตระกูลลอมบาร์เดียครับ”

โอ้ว ธุรกิจเหรอ น่าสนใจ

และคลาสเรียนก็เริ่มต้นอย่างเต็มรูปแบบเช่นนั้น

ทั้งๆ ที่เธอรู้สึกเสียดายนิดหน่อย แต่เบเลซักที่นอนหลับสนิทมาโดยตลอดกลับเบิกตาโพลง เช็ดน้ำลาย ลุกขึ้นนั่ง

ทีเสียงบอกว่าเลิกคลาสละ ได้ยินชัดเจนอย่างกับผี

“วันนี้มีการบ้านพิเศษด้วยครับ”

“การบ้านเหรอคะ”

ลาลาเน่ที่กำลังหยิบตุ๊กตาลุกขึ้นถามกลับด้วยความตกใจ

ดูเหมือนเรื่องสั่งการบ้านจะไม่ใช่เรื่องปกติ ทั้งเบเลซัก รวมถึงสองแฝดเองก็ดูจะตกใจเหมือนกัน

“ให้เวลาถึงคลาสเรียนครั้งหน้า การบ้านคือ…”

เครย์ลีบันยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากหลังกระดาน

ตึง

ทันทีที่วางมันลงบนพื้น ก็ก่อให้เกิดเสียงค่อนข้างหนักดังสะเทือนไปทั่วพื้นห้อง

“ท่อนซุง?”

สิ่งที่เครย์ลีบันหยิบออกมาคือท่อนซุงหนาที่ถูกตัดทั้งส่วนบนส่วนล่างออกเรียบร้อยแล้ว ท่าทางเดิมทีจะเป็นต้นไม้ใหญ่พอควร ขนาดเส้นรอบวงประมาณผู้ใหญ่คนหนึ่งโอบได้ ตอนที่วางนอนอยู่ก็ยังมีความสูงถึงหัวเข่าของเครย์ลีบัน มันเป็นท่อนไม้ซุงอย่างที่บอกจริงๆ

“สิ่งนี้ทั้งทนทานมั่นคง ทั้งต้นไม้ตัวรากฐานของมันก็ยังเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แถมยังมีน้ำหนักค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับขนาด มันคือต้นบีโบ้ที่ใช้กันอย่างกว้างขวางในหลายๆ ด้านทั่วทวีปครับ”

“จะให้ทำอะไรกับมันเหรอครับ”

เบเลซักเอ่ยถามในทันที

แต่คนที่ตกใจในการกระทำอย่างกะทันหันของเครย์ลีบันไม่ได้มีเพียงแค่เบเลซักเท่านั้น ทั้งลาลาเน่ ทั้งสองแฝด ต่างก็เหม่อมองท่อนซุงที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยความงุนงง

บางทีสีหน้าของเธอเองก็คงไม่ต่างจากพวกเขานัก

เครย์ลีบันกวาดสายตามองมาทางพวกเรา เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงสดใสเป็นอย่างมาก

“ทุกคนจะต้องขายเจ้านี่จนกว่าจะถึงคลาสเรียนครั้งถัดไปครับ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]