ในตอนนั้นเองคิลลีวูก็เคาะขอบหน้าต่างเสียงดังก๊อก ก๊อก พลางเอ่ยพูดกับเธอ
“มานั่งตรงนี้”
“ว่าไงนะ”
“บอกให้มานั่งกับพวกเราไง”
เมโลนเป็นฝ่ายพูดเสริมต่อ
ผมสีบลอนด์ของทั้งสองคนส่องสว่างเป็นประกายเงางามยิ่งขึ้นยามต้องแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาจากด้านนอก
เธอหันกลับไปมองพวกเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดตอบ
“ถ้าอยากนั่งกับข้า พวกเจ้าสองคนก็มาทางนี้สิ”
นัยน์ตาสีทองของทั้งสองคนเบิกกว้างขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
“อย่ามาสั่งให้ข้ามาหรือไปไหน”
เธอพูดแบบนั้น แล้วจึงหันหน้ากลับมา
ถึงแม้จะไม่มีความทรงจำว่าพวกเขาเคยทำอะไรไม่ดีกับเธอ แต่จู่ๆ มาพูดสั่งคนอื่นแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกอารมณ์เสีย
เด็กตระกูลลอมบาร์เดียล้วนหยิ่งในศักดิ์ศรีเพราะฉะนั้นคิลลีวูกับเมโลนเอง เดี๋ยวก็คงจะโมโหเหมือนอย่างเบเล…
ตุบ
โซฟาที่เธอนั่งอยู่สั่นเล็กน้อย
“อะ…อะไร?”
จู่ๆ ทั้งสองคนก็ลุกมานั่งทางฝั่งนี้ตามที่เธอพูด
แถมยังนั่งขนาบสองข้างของเธอเสียด้วย
“ไหนบอกว่าถ้าอยากนั่งกับฟีเรนเทีย ให้มานี่ไง”
“เพราะงั้นถึงได้มาไงล่ะ เทีย”
“อือ ใช่ เรียกว่าเทียก็แล้วกันเนอะ”
“ใช่ เอาแบบนั้นแหละ”
สองคนนั่นพูดเองเออเองกันอยู่สองคนพลางยิ้มแย้มด้วยความชอบอกชอบใจ
ไม่รู้ด้วยแล้ว ไอ้โลกความคิดของพวกเขาเนี่ย
ฟีเรนเทียยักไหล่ไม่สนใจ
ในเมื่อบอกว่าอยากจะนั่งด้วยกัน เธอก็ไม่สามารถสั่งให้พวกเขาไปนั่งที่อื่นได้ด้วย แต่แล้วในตอนที่เธอรู้สึกยอมแพ้ไปครึ่งทาง ประตูก็ถูกเปิดออก ตามด้วยที่เครย์ลีบันจะเดินเข้ามาในห้อง
“ทุกคนมากันพร้อมแล้วสินะ ถ้างั้นเริ่มคลาสกันเลยนะครับ”
หืม? เอาแบบนี้เลยเหรอ
เธอมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตระหนก นอกจากเธอแล้วก็ไม่มีใครมีสีหน้าตกใจเลยสักคน
แต่ไม่มีทั้งหนังสือ ไม่มีทั้งอุปกรณ์การเรียนการสอนสักชิ้นเนี่ยนะ?
ในตอนนั้นเองก็พลันเห็นกระดาษกับเครื่องเขียนที่วางอยู่มุมห้อง
หมายความว่าถ้าจำเป็นก็หยิบเอาไปเขียนได้หรือเปล่า
แต่ลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆ ก็เอาแต่มองเครย์ลีบันด้วยมือเปล่ากันทั้งนั้น
งั้นก็ลองสังเกตการณ์ดูไปก่อนก็แล้วกัน
เธอคว้าหมอนเข้ามากอด มองเครย์ลีบันที่ยืนอยู่หน้ากระดาน
“ตั้งแต่วันนี้เราจะมาเรียนเกี่ยวกับธุรกิจหนึ่งในบรรดากิจการที่สำคัญของตระกูลลอมบาร์เดียครับ”
โอ้ว ธุรกิจเหรอ น่าสนใจ
และคลาสเรียนก็เริ่มต้นอย่างเต็มรูปแบบเช่นนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...