“ถ้าอย่างนั้นไว้พบกันใหม่นะคะ”
มาเรีย แพทโทรนกล่าวลาทิ้งท้าย ก่อนจะเดินห่างออกไปไกล
เวสตินเหลือบมองผู้หญิงคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันกลับมาพูดโอ้อวดเรื่องไวน์ต่อ ท่าทางกลับมาเป็นปกติเหมือนอย่างเช่นทุกวัน
หลังจากนั้นคนจากตระกูลลอมบาร์เดียต่างก็เริ่มกระจายตัวแยกย้ายกันไป
ฟีเรนเทีย ท่านพ่อ ชานาเนสกับครอบครัว และท่านปู่เลือกที่จะมานั่งล้อมโต๊ะรับประทานอาหารพร้อมกัน
ส่วนครอบครัวของลอเรนซ์กับเบเจอร์บอกว่ามีคนรู้จักอยู่อีกฟากของโถงงานเลี้ยง ก่อนจะเดินหายไปทางด้านนั้น
เครย์ลีบันเองก็กำลังยุ่งอยู่กับการทักทายผู้คนที่แวะมาหาเขาตลอดงานเลี้ยง แต่ก็คอยกลับมาเช็กให้แน่ใจว่าพวกเราไม่มีอะไรติดขัดอยู่บ่อยครั้ง
อืม ไม่สบายใจเอาเสียเลย
เรื่องที่คิดว่าจะเกิดขึ้นก็ดันไม่เกิด เหลือแต่ความรู้สึกอึดอัดใจแปลกๆ ทิ้งไว้เท่านั้น
สงสัยคงต้องใช้เวลาตามสืบนานกว่านี้แล้วละมั้ง
ลางสังหรณ์ของเธอกำลังบอกว่า ห้ามปล่อยผ่านไปเฉยๆ แบบนี้เด็ดขาด
“เทียของปู่วันนี้เงียบไม่พูดไม่จาเลยนะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
ท่านปู่ช่วยหั่นสเต๊กเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำวางลงตรงหน้าเธอพลางเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่รู้สึกทึ่งเลยมัวแต่สนใจรอบๆ อยู่น่ะค่ะ ท่านปู่”
“เหรอ เทียสนิทกับเครย์ลีบันนี่นะ ก็น่าจะเป็นแบบนั้นอยู่หรอก”
ท่านปู่ลูบศีรษะเธอไปพลางเอ่ยพูด
“เครย์ลีบันบอกว่า ถึงแม้งานจะยุ่งแค่ไหน ก็จะช่วยสอนหนังสือให้เทียต่อ เจ้าเองก็ขยันเรียนรู้เข้าล่ะ”
“ค่ะ ท่านปู่”
เธอตอบรับอย่างว่าง่ายสมกับเป็นหลานสาวผู้แสนเชื่อฟัง ในปากก็เคี้ยวเนื้อสเต๊กไปด้วย
รู้สึกแปลกพิลึก
การที่เหล่าชนชั้นสูงของอาณาจักรต่างก็แต่งตัวกันมาอย่างงดงามเพื่อมาร่วมแสดงความยินดีให้กับความสำเร็จของร้านค้าเฟเรสทั้งหมดนี่ที่จริงแล้วเป็นของเธอ
และการที่ในบรรดาผู้คนที่มารวมตัวกันที่นี่ ไม่มีใครสักคนรู้ความจริงดังกล่าว
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกพิกล เหมือนไหล่ยืดสูงขึ้น
ฟีเรนเทียกินอาหารอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก ก่อนจะปลีกตัวออกมาจากโต๊ะโดยอ้างว่าจะไปเข้าห้องน้ำ
เพื่อที่จะลอบออกมาพบกับเครย์ลีบัน และสำรวจสถานการณ์ในงานเลี้ยง
พวกเราตัดสินใจว่าจะแอบพบกันที่ห้องเล็กบนชั้นสองของโถงจัดงาน
แต่ปัญหาคือ เธอไม่รู้ว่าบันไดที่ใช้เดินขึ้นไปชั้นสองนั่นมันอยู่ที่ไหน
เธอเดินไปเรื่อยเปื่อย สุ่มหามุมที่น่าจะเป็นที่ตั้งของบันได พอเลี้ยวผ่านหัวมุมหนึ่งในซอกหลืบก็มองเห็นป้ายสัญลักษณ์ห้องน้ำ
บันไดอยู่ไหนกันแน่เนี่ย
ฟีเรนเทียลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ หมุนตัวหันหลังกลับ แต่แล้วเธอก็พลันมองเห็นภาพด้านหลังของมาเรีย แพทโทรนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี
และยังเห็นอีกด้วยว่า มีมือข้างหนึ่งก็ยื่นพรวดออกมาจากมุมที่ซ่อนอยู่ลึกเข้าไปด้านในของโถงทางเดิน แล้วคว้าตัวผู้หญิงคนนั้นหายเข้าไป
“กรี๊ด!”
“ชู่ว ข้าเอง”
เป็นเสียงของเวสติน
เธอรีบซ่อนตัวเข้ากับกำแพงหลังมุมทางเดินทันที
แต่แปลกจัง
ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
เธอโผล่หน้าออกไปอย่างระมัดระวัง มองส่องเข้าไปยังทางที่ได้ยินเสียงของเวสตินเมื่อครู่นี้
ทำอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้เงียบขนาดนี้…
ไอ้พวกมักมากพวกนี้!
“อื้ม…”
เวสตินกับมาเรีย แพทโทรนกำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม
พวกเขาซ่อนตัวอยู่ภายใต้เงามืดในมุมหนึ่ง จูบกันอย่างร้อนแรงราวกับในโลกนี้มีแค่พวกเขาสองคน ทว่าในสายตาของเธอ ดูแล้วช่างน่าขยะแขยงเสียจริง
ฟีเรนเทียอยากกรีดร้องเสียงดัง เรียกคนทั้งหมดให้มารวมตัวกันดูพวกหน้าไม่อายสองคนนี่เหลือเกินแต่เธอต้องหักห้ามใจเอาไว้ก่อน แล้วเอียงหูลอบฟังบทสนทนาของทั้งคู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...