เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 22

สรุปบท ตอนที่ 22.1: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

สรุปตอน ตอนที่ 22.1 – จากเรื่อง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet

ตอน ตอนที่ 22.1 ของนิยายแฟนตาซีเรื่องดัง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล ตอนที่ 22.1
ตอนที่ 22.1

บทที่ 22

“ข้ามาเพื่ออวยพรวันเกิดของเจ้าด้วยตัวเอง”

“ทำไมจู่ๆ …”

ถึงได้แสร้งทำเป็นสนิทสนมกันล่ะ

แต่เพราะไม่สามารถพูดออกไปแบบนั้นได้ เธอจึงได้แต่เงยหน้ามองท่านปู่

ท่านปู่เรียกหมอนั่นมาเหรอคะ

แต่ท่านปู่เองก็ดูจะตกใจเหมือนกัน

“เจ้าชายอาสทาน่าเสด็จมาถึงที่นี่ ช่างน่าตกใจจริงๆ”

ครั้งสุดท้ายที่ออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้หลังจากที่ก่อเรื่องวุ่นวาย เจ้าชายอาสทาน่าก็แสดงความเลวร้ายออกมาราวกับจะไม่ย่างกรายกลับมาเหยียบที่นี่อีก

แต่จู่ๆ ดันโผล่มางานปาร์ตี้วันเกิดของเธอด้วยใบหน้ายิ้มกว้างขนาดนั้นเนี่ยนะ

หากคิดถึงเรื่องที่ว่าปีนี้เจ้าชายลำดับที่หนึ่งเพิ่งจะอายุได้แค่สิบสองปีเท่านั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ

บางทีเจ้าชายอาสทาน่าจะไม่ได้ต่อกรด้วยได้ง่ายๆ เหมือนอย่างที่เธอคิดเสียแล้ว

“วันนั้นหลังจากกลับไปที่วังก็ถูกเสด็จแม่ดุเสียยกใหญ่เลยครับ วันนี้จึงสั่งให้ข้านำของขวัญวันเกิดมามอบให้ฟีเรนเทีย แทนคำขอโทษด้วยตัวเองน่ะครับ”

เธอเองก็คาดการณ์อยู่แล้วว่าคงจะเป็นคำสั่งของจักรพรรดินี แต่ก็ยังน่าตกใจอยู่ดี

จักรพรรดินีที่หากเป็นเรื่องของพระโอรสทีไรก็จะเป็นจะตายเสียให้ได้ กลับเลือกที่จะกดศักดิ์ศรีของเจ้าชาย แล้วสั่งให้มาขอโทษเธอเนี่ยนะ

แถมยังเป็นสถานที่เปิดต่อหน้าชนชั้นสูงมากมายแบบนี้อีก

หากเป็นจักรพรรดินีที่มีตำแหน่งมั่นคงในแวดวงสังคม ย่อมไม่มีทางไม่ทราบว่าจะมีผู้คนมากมายมาร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดของเธอ

“อย่างนั้นนี่เอง”

ท่านปู่ไม่พูดอะไรยืดยาว

แต่เธอสามารถรับรู้ได้ว่าข้างในนัยน์ตาของท่านปู่ที่เคยมองเจ้าชายราวกับเขาเป็นลูกสุนัขไร้มารยาทน่ารำคาญตัวหนึ่ง มีความระแวดระวังเก็บซ่อนเอาไว้อยู่

“สุขสันต์วันเกิดนะ ฟีเรนเทีย”

เจ้าชายอาสทาน่าพูดแบบนั้น ในขณะเดียวกันก็ยื่นกล่องอัญมณีกล่องเล็กที่ถือมาส่งให้เธอ

มันเป็นกล่องสีดำขนาดประมาณสองฝ่ามือเธอต่อกันได้

อา ไม่อยากรับเลย

ไม่ใช่ว่าข้างในใส่ระเบิดเอาไว้หรอกนะ?

อยากจะตรวจสอบก่อนที่จะเปิดมันออกจัง

ฟีเรนเทียนึกอยากจะหาข้ออ้างโน่นนี่ขึ้นมาเธอไม่อยากรับสิ่งของที่เจ้าชายมอบให้นั่นเลยจริงๆ แต่เพราะตกอยู่ในสถานการณ์ที่สายตาของทุกคนในงานเลี้ยงต่างก็กำลังจับจ้องมา ดังนั้นนอกจากรับมันไว้จึงไม่มีทางเลือกอื่นอีก

พอเห็นเธอลังเล ท่านปู่ก็พยักหน้าเล็กน้อย ราวกับจะบอกว่ารับได้ไม่เป็นไร

สุดท้ายเธอจึงรับกล่องอัญมณีจากอาสทาน่ามาถือไว้ แล้วเปิดมันออก

แน่นอนว่าในตอนที่เปิดก็แอบผวาเล็กน้อยอยู่เหมือนกัน

“โอ้ว!”

“ว่าแล้วเชียว ความมั่งคั่งของราชวงศ์…”

ทันทีที่เปิดฝากออก ปฏิกิริยาจากผู้คนรอบข้างก็ดังขึ้นเหมือนระเบิดลง

ของขวัญที่เจ้าชายมอบให้คือสร้อยคอ

มันเป็นสร้อยยาวขนาดประมาณฝ่ามือของผู้ใหญ่ซึ่งทำจากบุษราคัมและทับทิมที่ถูกเจียระไนอย่างดี

“เสด็จแม่เป็นคนจัดการให้น่ะ เป็นไง สวยใช่มั้ย”

เจ้าชายอาสทาน่าพูดแบบนั้น แต่ความหมายที่แฝงไว้ข้างในประโยคนั่นมันใกล้เคียงกับจะบอกว่า ‘เป็นไง ดูแพงใช่มั้ยล่ะ’ มากกว่า

เหล่าชนชั้นสูงในงานต่างก็ฮือฮากันว่า จักรพรรดินีทรงมอบของล้ำค่าให้เธอ

แต่ที่จริงแล้วเธอไม่ถูกใจมันเลย

โอ้อวดเงินทองต่อหน้าลอมบาร์เดียเนี่ยนะ

ไม่ได้มีความรู้สึกประทับใจอะไรนัก

ทว่าฟีเรนเทียก็เลือกที่จะฉีกยิ้มสดใสให้มากเท่ากับความรู้สึกรังเกียจ ก่อนจะเอ่ยพูด

“เพคะ ขอบพระทัยเพคะ เจ้าชาย”

“อืมๆ”

ฟีเรนเทียรู้สึกเหมือนกับเผชิญหน้าอยู่กับแมลงสาบจริงๆ ไม่อยากจะอยู่ด้วยสักนิด

“หม่อมฉันต้องไปเล่นกับลูกพี่ลูกน้องทางนั้นเพคะ เพราะงั้นขอตัว”

ภายภาคหน้าเมื่อเด็กคนนี้เติบโตขึ้น เมื่อถึงวัยที่มีค่ามากพอจะใช้งานทางด้านการเมือง ถึงตอนนั้นคงจะเหมาะสมดีจริงเชียว

เหมาะที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะถูกรวมเข้ากับแผนการของเธอ แต่เรื่องแค่นั้นเธอเองก็เตรียมใจที่จะรับมืออยู่แล้ว

ตอนนี้เธอยังเป็นแค่ต้นอ่อน ไม่ได้อยู่ในวัยต้นกล้าที่กำลังเติบโต ดังนั้นเธอจึงไม่มีความคิดแม้แต่เศษเสี้ยวที่จะอยากอยู่กับเจ้าเด็กคนนี้ขนาดจะเรียกว่า ‘สุนัข’ ยังรู้สึกผิดต่อพวกสุนัข

“ฮึ่ย จริงๆ เลย เฮ้ ข้าสั่งให้อยู่เฉยๆ ไง”

เด็กผู้ชายอายุสิบสองปี กลับทำตัวระรานหาเรื่องเด็กอายุแปดขวบเนี่ยนะ

ถึงแม้จะสั่งปิดตายประตูตระกูลลอมบาร์เดีย แต่เพื่ออาณาจักรนี้แล้ว ถือว่าเป็นโชคดีจริงๆ ที่เจ้าชายลำดับที่สองได้ขึ้นเป็นรัชทายาท ไม่ใช่หมอนี่

“เจ้าชายลำดับที่หนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”

ในตอนนั้นเอง เสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้นเอ่ยเรียกอาสทาน่า

“ครั้งก่อนไม่ได้เล่นด้วยกัน ช่างน่าเสียดายจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”

เบเลซักกับอาสทัลลีอูที่ยืนอยู่ข้างหลังนั่นเอง

“ครั้งก่อน? อ่อ ข้าไม่เห็นจะเสียดายเลย”

พอเห็นว่าเจ้าชายตอบอย่างไม่แยแส ใบหน้าของเบเลซักก็ขึ้นสีแดงก่ำด้วยความอับอายแต่มันก็แค่นั้น

เด็กที่ตามนิสัยเดิมหากตอนนี้ทำเพียงแค่พุ่งเข้าไปหาเรื่องทะเลาะกับเจ้าชายยังถือว่าน้อยเกินไปคนนั้น กลับทำเพียงแค่ยืนหัวเราะแหะๆ อย่างประจบประแจง

ช่างเป็นคนประเภทแกร่งต่อหน้าคนอ่อนแอ อ่อนแอต่อหน้าคนแกร่งจริงๆ

เหมือนกับบิดาของเขาอย่างเบเจอร์ไม่มีผิด

เจ้าชายอาสทาน่ามองเบเลซักด้วยสายตาสมเพช ก่อนจะเอ่ยพูดกับเธอ

“เฮ้ เจ้าดูดีกว่าหมอนี่อีก”

ไม่ดีใจเลยสักนิดย่ะ

Related

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]