สรุปตอน ตอนที่ 24.1 – จากเรื่อง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet
ตอน ตอนที่ 24.1 ของนิยายแฟนตาซีเรื่องดัง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 24
“ปกติก็ไม่เห็นจะถือกระเป๋าไปไหนมาไหนเลย…ข้างในใส่อะไรอยู่เหรอ”
“ของขวัญค่ะ!”
“ของขวัญ?”
“ค่ะ! ให้เจ้าชายน่ะค่ะ!”
เจ้าชายลำดับที่สองเองก็เป็นเจ้าชายอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเธอไม่ได้พูดอะไรผิด
ยาเมลคอนที่เธอเตรียมมาเป็นยาสำหรับเจ้าชายลำดับที่สองเฟเรส
นับตั้งแต่ช่วงที่มารดาของเฟเรสเสียชีวิตด้วยโรคภัย องค์จักรพรรดินีก็เริ่มต้นใส่ยาพิษลงในอาหารของเขา แต่ใช้ยาอะไรกันแน่ เรื่องนั้นเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ชาติที่แล้วตอนที่ได้เห็นเขาขึ้นเป็นรัชทายาท และลอมบาร์เดียถูกโจมตี เธอเคยไปหากิลด์ข้อมูลเพราะคิดว่าบางทีอาจจะมีอะไรที่เธอพอช่วยได้บ้าง เธอจ่ายเงินที่เก็บรวบรวมมาตลอดหลายเดือน ซื้อซองข้อมูลมาก็จริง แต่ข้างในนั้นก็ไม่ได้เขียนบอกเอาไว้ว่าจักรพรรดินีใช้ยาพิษชนิดไหนกันแน่เรื่องนั้นแม้แต่ตัวเฟเรสเองก็ไม่อาจสืบรู้ได้จนถึงท้ายที่สุด ได้แต่แก้ไขผลกระทบข้างเคียงอย่างอาการนอนไม่หลับจากสารพิษที่ตกค้างอยู่เท่านั้น
แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือ มันเป็นสิ่งที่ต้องใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานด้วยปริมาณที่น้อยมากจนไม่สามารถตรวจพบได้ง่ายๆ
องค์จักรพรรดิเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับเด็กที่เกิดจากความผิดพลาดกับนางกำนัลอะไรมากนัก และฝากฝังเขาเอาไว้กับจักรพรรดินี
แน่นอนว่าจักรพรรดินีย่อมสัญญาว่าจะดูแลเขาเป็นอย่างดี แต่ลับหลังกลับหลบเลี่ยงสายตาของจักรพรรดิ ลอบเคลื่อนไหวอยู่เงียบๆ แต่ไม่รู้ทำไมเฟเรสถึงไม่ตายเพราะยาพิษอีกทั้งยังมีชีวิตรอดมาได้ และต่อไปในอนาคตอีกสามปีข้างหน้า องค์จักรพรรดิก็จะสังเกตเห็นคำโกหกของจักรพรรดินีในที่สุด
น่าสงสารที่มันกลับไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในชีวิตของเฟเรสมากนัก
องค์จักรพรรดิเพียงแค่ใช้ความผิดพลาดของจักรพรรดินีเป็นข้ออ้างในการจับตาควบคุมอังเกนัสที่ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และยังคงไม่ได้มีความรักอะไรในตัวของเจ้าชายลำดับที่สองเหมือนเคย
ช่วงเวลานั้น องค์จักรพรรดิได้ดึงคนจากหลายตระกูลเข้ามาเป็นสนม เริ่มต้นจากการใช้พวกเขาเหล่านั้นสร้างทายาทขึ้นมาใหม่
ในขณะที่ฟีเรนเทียกำลังครุ่นคิดโน่นนี่เกี่ยวกับเฟเรส ก็ได้ยินเสียงอ่อนระโหยไร้เรี่ยวแรงของท่านพ่อดังขึ้น
“ใช่แล้วเทียเองก็ถึงวัยแล้วสินะ ตอนนี้”
ทว่าปฏิกิริยาของท่านพ่อกลับแปลกไปเล็กน้อย
“ก็รู้อยู่แล้วว่าอย่างไรวันแบบนี้ก็ต้องมาถึงสักวันแต่ว่า…”
“ไม่ไม่ใช่แบบนั้น…”
ดูเหมือนว่าท่านพ่อของเธอจะได้รับบาดแผลทางใจมากเหลือเกิน
แต่เธอไม่อาจพูดความจริงออกไปได้เพราะเธอวางแผนเอาไว้ว่า เดี๋ยวพอเที่ยวรอบพระราชวังกับท่านพ่อ ก็จะหาโอกาสแกล้งทำเป็นหลงทาง
แน่นอนว่าเป้าหมายก็คือ สถานที่ที่เจ้าชายลำดับที่สองเฟเรสอยู่
โชคดีที่เธอรู้ตำแหน่งที่ตั้งอย่างคร่าวๆ ของวังที่เจ้าชายลำดับที่สองเคยอาศัยอยู่ด้วยกันกับมารดา
จักรพรรดินีต้องการที่จะเก็บสองแม่ลูกไว้ในที่ที่สายตาของพระองค์มองถึงเพราะฉะนั้นถึงได้โยนพวกเขาสองเม่ลูกเข้าไปอยู่ในวังขนาดเล็กในป่าลึกทางตะวันตกของวังจักรพรรดินี ฟีเรนเทียได้ยินว่าเฟเรสอาศัยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งเดินทางไปศึกษาที่อะคาเดมี
เขาที่ตอนนี้อายุได้สิบเอ็ดขวบเท่ากับสองแฝด แต่ว่าเขาจะหน้าตาเป็นยังไงกันนะ
“มีเรื่องอะไรกัน”
“ระ…เรื่องนั้น…ทหารยามประจำพระราชวังสั่งให้จอดรถม้าเพราะต้องทำการตรวจสอบ…”
ตรวจค้นรถม้าของตระกูลลอมบาร์เดียอย่างนั้นเหรอ
ประตูรถม้าถูกเปิดออกจากด้านนอกโดยไม่มีเวลาให้ตื่นตระหนก มองออกไปก็เห็นอัศวินส่วนพระองค์สองนายกำลังยืนอยู่
“คำสั่งของจักรพรรดินีอย่างนั้นหรือ”
น้ำเสียงเย็นชาของท่านพ่อแบบนี้ เธอเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
พวกอัศวินไม่อาจตอบอะไรออกมาได้
หลังจากการต่อล้อต่อเถียงจบลง ท่านพ่อก็หันมามองเธอหนึ่งครั้งราวกับจะบอกว่าไม่ต้องกังวล แล้วลงไปจากรถม้า
อันที่จริงเธอไม่ได้กังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ตกใจกับภาพลักษณ์แบบนี้ของท่านพ่อที่เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกต่างหาก
เห็นได้ชัดเลยว่าทำไมเรื่องราวถึงได้เป็นแบบนี้
เพราะเรื่องที่ไม่มีวันเกิดขึ้นกับรถม้าที่ท่านปู่โดยสาร มันเกิดขึ้นเฉพาะกับพวกเราเท่านั้น
การกระทำเช่นนี้สำหรับคนที่เป็นถึงจักรพรรดินีแล้ว มันเป็นการกระทำที่แสนขี้ขลาดและน่าละอายเสียจริงแต่แล้วในตอนที่เธอถอนหายใจ เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างฝั่งตรงข้ามกับฝั่งที่ท่านพ่อลงไปจากรถม้า
“เจ้าชายลำดับที่สอง?”
เธอมองเห็นภาพด้านหลังของเด็กผู้ชายผมดำคนหนึ่งแวบผ่านไปท่ามกลางต้นไม้
ตึก ตึก
น่าจะได้ยินเสียงเท้าเธอเดินเข้าไปใกล้แท้ๆ แต่ทางฝั่งต้นหญ้ากลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย
เธอลดเสียงฝีเท้าให้เบาลง
และในที่สุดก็เริ่มมองเห็นบุคคลตัวเล็ก
เรือนผมสีดำสนิทถูกตัดสั้นประมาณต้นคอเป็นสิ่งแรกที่ปรากฏเข้าสู่ห้วงสายตา
ไม่ได้มีป้ายชื่อติดไว้ แต่เธอมั่นใจ
เจ้าชายลำดับที่สอง เฟเรส ใช่เขาจริงๆ
แต่เธอไม่สามารถเรียกชื่อเขา หรือเดินเข้าไปคุยด้วยใกล้ๆ ได้
หลังจากลองพยายามอ้าปากหุบปากพะงาบๆ อยู่หลายครั้ง เธอถึงสามารถส่งเสียงออกไปได้
“นะ…นั่นกำลังทำอะไร…”
เจ้าชายลำดับที่สองนั่งยองๆ อยู่หน้าต้นหญ้า เขากำลังใช้นิ้วขยับอย่างคล่องแคล่วเด็ดเอาแต่ใบไม้แหลมประเภทหนึ่งและยังไม่หยุดแค่นั้นเจ้าชายลำดับที่สองเอาใบไม้ที่เด็ดออกมาจากต้นอย่างลวกๆ ยัดใส่เข้าปากทันที
ทั้งๆ ที่ในปากเล็กนั่นก็มีหญ้าอยู่เต็มปาก
ซ้ำๆ อยู่แบบนั้น
ถึงแม้น้ำสีเขียวจะไหลเลอะออกมาจากปาก เขาก็แค่เช็ดมันด้วยแขนเสื้ออย่างไม่ไยดี ไม่หยุดเด็ดใบไม้สีเขียวตรงหน้ามากิน
พฤติกรรมนั่นมันทั้งดูสิ้นหวัง ทั้งดูไร้ชีวิตชีวาราวกับเครื่องจักรมากเสียจนทำให้เธอที่ยืนดูอยู่รู้สึกราวกับหัวใจร่วงตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
เธอขยับร่างกายที่แข็งทื่อจนแทบจะขยับไม่ออก เดินตรงเข้าไปหาเขา
“หยุดนะ”
พอเธอพูดออกไปอย่างร้อนรน การเคลื่อนไหวไม่หยุดของเจ้าชายลำดับที่สองถึงได้หยุดลง
Related
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...