เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

ความเงียบปกคลุมไปทั่วระเบียง

ท่านปู่มองเธอตาไม่กะพริบแม้แต่ครั้งเดียว

และในวินาทีที่เธอคิดว่านัยน์ตาคู่นั้นเริ่มมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ท่านปู่ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น

“นั่นมันช่าง… ฮ่าฮ่าฮ่า!”

มันเป็นเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างร่าเริง กระทั่งไวน์ก็ยังกระฉอกออกมานอกแก้ว

เธอเฝ้ารอเงียบๆ จนกระทั่งเสียงหัวเราะของท่านปู่เริ่มเบาบางลง

“นั่นคือของขวัญที่เจ้าเลือกหรือ ฟีเรนเทีย”

“ค่ะ ในเมื่อเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็เลยลองโลภขออะไรดีๆ เสียหน่อยน่ะค่ะ ท่านปู่”

“โลภอย่างนั้นหรือ…”

ท่านปู่ลูบเคราที่ถูกตัดแต่งอย่างดีไปพลางพึมพำเสียงแผ่ว

“เรื่องนั้นถ้าเป็นทายาทของข้าคนนี้ มันเป็นสิทธิที่ไม่ว่าใครก็มีทั้งสิ้น ต่อให้ไม่ขอเป็นของขวัญวันเกิด มันก็เป็นสิทธิของเจ้าอยู่แล้ว”

เธอส่ายหน้าปฏิเสธอย่างหนักแน่นให้กับท่านปู่

เธอที่ได้ย้อนเวลากลับมาคนนี้ ได้ใช้ชีวิตในวัยเยาว์สมกับเป็นลอมบาร์เดียยิ่งกว่าใครๆ

เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอจึงไม่ได้อยู่ในตำแหน่งบุตรนอกสมรส ที่เกิดจากมารดาซึ่งไม่มีใครทราบที่มาที่ไป จนทำให้ต้องถูกผู้คนชี้นิ้วประณามเหมือนอย่างในชีวิตก่อนอีกต่อไปแล้ว

แต่นั่นมันไม่ใช่อุปสรรคทั้งหมดที่เธอยังต้องก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้หรอก

“สิ่งที่ข้าต้องการเป็นของขวัญวันเกิด ไม่ใช่แค่การทวงสิทธิเฉยๆ หรอกค่ะ แต่เป็นการสนับสนุนของท่านปู่ค่ะ”

“มีเหตุผลอันใดกันที่ข้าจำเป็นต้องสนับสนุนเจ้า”

“แน่นอนว่าข้ามีสิทธิของตัวเองอยู่แล้วค่ะ แต่ในเมื่อบรรลุนิติภาวะแล้ว และข้าเป็นหลานสาวของท่านปู่ อีกทั้งยังฉลาดขนาดนี้นี่คะ”

ท่านปู่หัวเราะเสียงทุ้มต่ำเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ

“แต่ในขณะเดียวกันข้าก็เป็นผู้หญิงค่ะทั้งยังเพิ่งจะบรรลุนิติภาวะ ข้าทราบดีค่ะท่านปู่ ว่ามีอุปสรรคพวกนั้นขวางหน้าข้าอยู่”

เธอมองหน้าท่านปู่ตรงๆ

“ถ้าข้าใช้สิทธิเข้าไปยุ่งกับธุรกิจ จะต้องมีหลายเสียงออกมาคัดค้านแน่ๆ เลยค่ะ”

พูดให้ถูกก็คือ เบเจอร์จะต้องออกตัวคัดค้านอย่างแน่นอน

อีกฝ่ายกำลังพยายามสร้างอำนาจอยู่ภายนอกลอมบาร์เดีย จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดว่ามีเพียงแค่ชานาเนสคนเดียวที่เป็นคู่แข่งดังนั้นคงคิดจะตัดกำลังกันแต่เนิ่นๆ หากรู้ว่าหลานสาวที่ยังเด็กอาจจะแสดงความสามารถออกมาให้ผู้คนได้เห็น

“แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ช่วยสนับสนุนข้าทีนะคะ ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือเรื่องอื่นอีกแล้วค่ะ”

เพราะตอนนี้เธอเตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว

รอยยิ้มแปลกพิกลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของท่านปู่ที่รับฟังคำพูดของเธอโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“ได้ ข้าจะทำตามที่เจ้าบอก ในเมื่ออยากได้รับสิ่งนั้นเป็นของขวัญวันเกิด ปู่คนนี้ก็ทำให้ได้อยู่แล้วละ”

นัยน์ตาของท่านปู่ยามกล่าวเช่นนั้น มันแสดงออกให้เห็นถึงความรักที่มากล้นหลายเท่ากว่าปกติที่มีต่อเธอ

“แล้วอยากได้ของขวัญวันเกิดเมื่อไหร่ล่ะ”

“เร็วๆ นี้ค่ะ”

“เร็วๆ นี้?”

“ค่ะ เร็วๆ นี้”

ท่านปู่เองก็สัญญาแล้ว

ตอนนี้ก็ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ไม่จำเป็นต้องรออะไรอีกต่อไปแล้ว

ท่านปู่มองเธอยิ้มๆ ก่อนจะพูด

“ปู่จะรอดู”

* * *

มุมหนึ่งของโถงจัดงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยผู้คนซึ่งแต่งตัวกันมาอย่างหรูหรางดงาม

ในบริเวณนั้นที่ค่อนข้างโหวกเหวกไปด้วยเสียงต่างๆ นานา รวมไปถึงเสียงดนตรี แคลอฮันนั่งเท้าคางอยู่บนโซฟาตัวนุ่ม ครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ตามลำพัง

บุตรชายคนที่สามของเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียและเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันที่แผ่ขยายสาขาไปทั่วอาณาจักร

เขาอาจจะเป็นชายผู้สร้างตัวแปรอันยิ่งใหญ่เหล่านั้น แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเหล่าชนชั้นสูงมากมายให้เหลือบมองมาทางด้านนี้อยู่ในตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ว่านั้น

แต่เป็นใบหน้าโดดเด่นของแคลอฮันที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด เรียวขายาวยกขึ้นไขว่ห้างดูสง่างามต่างหากล่ะ

“อืมมม”

แคลอฮันกะพริบตาอย่างเชื่องช้า แต่แล้วในตอนที่เขาถอนหายใจเสียงแผ่ว

“มีเรื่องกังวลใจอะไรหรือเปล่าครับ”

“อ๊ะ คุณเครย์ลีบัน! ”

การปรากฏตัวของเครย์ลีบันที่เข้ามาชวนคุยอย่างนุ่มนวล ช่วยให้สีหน้าของแคลอฮันสดใสขึ้นมาในทันที

“งานเลี้ยงวันเกิดของท่านฟีเรนเทียแท้ๆ แต่สีหน้าของท่านแคลอฮันกลับดูไม่ดีที่สุดในที่แห่งนี้เลยนะครับ”

“อา เหรอครับ… คุณเครย์ลีบันกล่าวถูกแล้วละครับ เรื่องน่ากังวลพวกนี้ไว้ค่อยไปคิดทีหลังจะดีกว่า ตอนนี้ควรจะสนุกกับวันเกิดของเทียก่อนสินะครับ”

แคลอฮันเกาแก้มแกรกๆ ด้วยความเขินอาย

เครย์ลีบันมองท่าทางนั้นนิ่งๆ ครู่หนึ่ง แล้วนั่งลงใกล้แคลอฮัน พลางส่ายศีรษะไปมา

“แทนที่จะผลักไสความกังวลนั้นให้เลื่อนออกไป มาแบ่งปันกันน่าจะดีกว่าไม่ใช่หรือครับ หากเล่าออกมาว่ากังวลเรื่องใดอยู่ ข้าก็จะช่วยคิดด้วยนะครับ”

“อา…”

แคลอฮันกำลังขัดแย้งในตัวเอง

หากครุ่นคิดด้วยกันกับเครย์ลีบัน แน่นอนว่าจะต้องได้วิธีแก้ไขที่ดีอย่างแน่นอน

เขาเชื่อมั่นแบบนั้น

แต่เครย์ลีบันเองก็ยุ่งอยู่กับการบริหารกิจการเพลเลสมากพอแล้ว เขาจะนำเรื่องของตัวเองไปรบกวนอีกฝ่ายได้ยังไงกัน

“ไม่เป็นไรครับ คุณเครย์ลีบัน ข้าจะลองแก้ปัญหาเอง…”

“ตอนนี้ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากข้าแล้วหรือครับ”

“จะเป็นไปได้ยังไงล่ะครับ! ”

แคลอฮันสะดุ้งโหยง รีบโบกมือทั้งสองข้างปฏิเสธเป็นพัลวัน

“แต่แค่เรื่องงานของร้านค้าเพลเลส คุณเครย์ลีบันก็ยุ่งมากพอแล้ว อีกทั้งข้าก็ยังติดหนี้คุณเครย์ลีบันเรื่องที่ช่วยดูแลเทียอีก ข้าละอายใจเกินกว่าจะรบกวนไปมากกว่านั้นแล้วละครับ”

“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ”

เครย์ลีบันพูดเสียงทุ้ม

“ท่านแคลอฮันเป็นบิดาของท่านฟีเรนเทียไม่ใช่หรือครับ อีกทั้งข้ากับท่านแคลอฮันเองก็เคยเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมสร้างร้านขายเสื้อผ้ามาด้วยกันอยู่ช่วงหนึ่งนะครับ”

“คุณเครย์ลีบัน…”

“ท่านแคลอฮันเป็นคนพิเศษ ไม่ต่างอันใดจากครอบครัวของข้าครับ ถ้าพูดเช่นนั้น ข้ามีแต่จะยิ่งเสียใจมากกว่านะครับ”

“…ขอบคุณที่กล่าวเช่นนั้นนะครับ”

แคลอฮันยิ้มกว้างไม่หยุด

“งั้นก็บอกมาเถอะครับ กำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]