เมื่อเจ้าชายผู้มักจะรักษาท่าทีสงบนิ่งไร้ความรู้สึกอยู่เสมอกลับหัวเราะออกมาเสียงแผ่ว แคลอฮันก็หัวเราะตามไปด้วย ถึงแม้จะแปลกใจอยู่บ้างก็ตาม
“ทำไมถึงได้หัวเราะล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“…ตอนนี้พอจะทราบเหตุผลแล้วน่ะครับ”
เทียที่ไม่อาจมองข้ามปล่อยผ่านผู้คนที่ต้องเผชิญปัญหาอย่างยากลำบากไปได้ เขาเห็นภาพลักษณ์เช่นนั้นสะท้อนออกมาจากตัวของแคลอฮันด้วยเช่นกัน
นัยน์ตาสีเขียวส่องประกายอบอุ่นให้ความอ่อนโยนอยู่เสมอคู่นั้น
ริมฝีปากที่มักจะแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม
เฟเรสพยักหน้าลงเล็กน้อย
“อะคาเดมีก็ไม่ได้แย่นักหรอกครับ”
“โล่งอกไปทีพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย เทียเป็นห่วงเจ้าชายมากเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“…เทียหรือครับ”
เฟเรสมองแคลอฮันราวกับไม่อยากจะเชื่อ
“แน่นอนสิพ่ะย่ะค่ะ ‘เฟเรสต้องคบเพื่อนให้ได้เยอะๆ นะ’ นางเอาแต่พูดแบบนั้นอยู่หลายครั้งเลยทีเดียวพ่ะย่ะค่ะ”
เฟเรสยกมือใหญ่ขึ้นปิดปาก
นางเป็นห่วงเขา
นางเป็นห่วงเขา
แค่นั้นก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นโครมครามด้วยความดีใจจนเหมือนจะกระดอนหลุดออกมาจากปากอยู่แล้ว
ในตอนนั้นเอง
“ทุกคนมานั่งรวมตัวกันอยู่ตรงนี้นี่เอง”
ก็พลันได้ยินเสียงกระจ่างใสดังขึ้น
เฟเรสหันมองไปทางฝั่งที่ได้ยินเสียงอย่างเชื่องช้า เพราะต่อให้ไม่หันไปมอง เขาก็ทราบดีว่าเจ้าของเสียงนั่นเป็นใคร
“เฟเรส ทำไมเจ้าทำหน้าแบบนั้นล่ะ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอ”
สีหน้าของเขาไม่เคยมีใครที่ไหนล่วงรู้ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ นางกลับมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งอยู่ทุกคราเหมือนมองผ่านผืนน้ำใส
แต่เรื่องของความรู้สึกที่เขาเก็บซ่อนมันเอาไว้อยู่ในใจจนถึงตอนนี้ เขาไม่อาจปล่อยให้นางล่วงรู้ได้เป็นอันขาด
เฟเรสเก็บซ่อนหัวใจที่สั่นไหวเอาไว้ เขาส่ายศีรษะพลางตอบออกไปสั้นๆ
“เปล่าหรอก ไม่มีเรื่องอะไร”
* * *
ตามกำหนดแล้วงานเลี้ยงจะต้องดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงรุ่งสาง
แต่ทว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเธอมีงานยุ่งวุ่นวายให้ต้องทำ เธอจึงต้องปลีกตัวออกจากงานเลี้ยงก่อนเที่ยงคืน
เฟเรสเดินตามหลังเธอออกมา บอกว่าจะพาเธอไปส่ง
“ไม่เห็นจำเป็นต้องไปส่งกันเลยก็ได้”
“คฤหาสน์ลอมบาร์เดียกว้างใหญ่เกินไป ข้าจะเดินไปด้วยจนถึงหน้าคฤหาสน์หลังเล็กของเจ้านะ”
ระยะทางระหว่างสถานที่จัดงานเลี้ยงกับบ้านของเธอไม่ได้ไกลอะไรขนาดนั้น
ระหว่างที่เดินไปบนเส้นทางที่คุ้นเคยดีอยู่แล้ว เธอก็ถามเฟเรสขึ้นมา
“แล้วพวกเพื่อนๆ ที่จบการศึกษาจากอะคาเดมีด้วยกันล่ะ จะมาเมื่อไหร่ ไหนว่าตามเจ้ากลับมาเมืองหลวงด้วยไง”
“อีกไม่นาน ตอนนี้คงกำลังเดินทางมากันอยู่”
“ถ้ามาแล้วก็แนะนำให้ข้ารู้จักด้วยนะ อยากรู้จัง”
“…อยากรู้?”
“แน่นอนสิ คนที่เฟเรสเป็นคนเลือก…ไม่สิ ก็เป็นเพื่อนๆ ของเจ้านี่นา”
ถ้าหากเฟเรสเลือกคนกลุ่มเดียวกันกับเมื่อในชีวิตก่อนละก็ เธอแค่ช่วยเหลือเขาบ้างเล็กน้อยเพื่อหนทางในการเป็นองค์รัชทายาทของเขาก็น่าจะพอแล้ว
แต่ถ้าหากไม่ใช่…
ถึงตอนนั้นเธอก็แค่ช่วยเหลือเขาให้มากขึ้นหน่อยก็ได้
เธอไม่ได้คิดอะไรมากนัก ในขณะที่เดินต่อไปตามทาง
เผลอแป๊บเดียวพวกเราก็มาถึงหน้าคฤหาสน์หลังเล็กของเธอ
“งั้นเอาไว้ค่อยเจอกันนะ”
เธอยื่นมือออกไปเขย่ามือเฟเรส แล้วหันหลังเดินจากไป
และหลังจากก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว ก็นึกถึงคำพูดที่ลืมบอกเฟเรสไปเสียสนิท จึงหยุดเดินอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...