เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 32

สรุปบท ตอนที่ 32.2: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

ตอนที่ 32.2 – ตอนที่ต้องอ่านของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

ตอนนี้ของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายแฟนตาซีทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 32.2 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล ตอนที่ 32.2
ตอนที่ 32.2

“ถ้างั้นข้าไปบอกข่าวดีให้เอสทีร่าฟังนะคะ! ทั้งสองท่าน ขอลาค่ะ!”

ฟีเรนเทียกล่าวลาอย่างสุภาพ ก่อนจะเปิดประตูห้องทำงานออกไปด้วยความเบิกบานใจ

คนในห้องต่างได้ยินเสียงฝีเท้าเบาดังตุบ ตุบ ตุบ วิ่งห่างออกไปไกลด้วยความรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเด็กหญิงตัวน้อยจะรีบวิ่งไปหาเอสทีร่า

“มันช่างเป็นยาที่น่าทึ่งจริงๆ นะครับ”

โบรชูลเปิดกระปุกยาที่ฟีเรนเทียวางทิ้งเอาไว้ออก มองยาขี้ผึ้งสีเหลืองข้างในนั้นด้วยความรู้สึกมหัศจรรย์ใจ

วินาทีที่ยานี่สัมผัสลงบนผิวความรู้สึกปวดตามข้อที่รบกวนตนมาตลอดกลับถูกสัมผัสเย็นสบายเข้าครอบคลุม

และก็เป็นไปตามคำอธิบายของฟีเรนเทีย มันไม่ได้มีประสิทธิภาพแค่ช่วยรักษาอาการปวดธรรมดาเท่านั้น

วัตถุดิบดั้งเดิมของยาตัวนี้มีประสิทธิภาพในการรักษาบาดแผลกับอาการปวดบวมยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวทีเดียว

แต่แล้วโบรชูลก็ตระหนักได้ว่ามีอะไรอย่างหนึ่งแปลกไป

หลังจากที่ฟีเรนเทียออกจากห้องไปแล้ว รูลลักก็เงียบลงไปอย่างเห็นได้ชัด

“ท่านเจ้าตระกูล?”

โบรชูลเอ่ยเรียกรูลลักอย่างระมัดระวัง

ในตอนนั้นเอง

“ฮ่าฮ่าฮ่า! เด็กคนนั้น ฮ่าฮ่า!”

รูลลักระเบิดหัวเราะเสียงดังสนั่นจนแม้แต่โบรชูลยังต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ

รูลลักหัวเราะไม่หยุดจนไหล่กระเพื่อม

“ข้านึกว่าอายุปูนนี้แล้ว จะไม่มีเรื่องใดทำให้ตกใจแบบนี้ได้อีกแล้วเสียอีก!”

พอนึกถึงภาพของฟีเรนเทียที่พูดจาหนักแน่นชัดถ้อยชัดคำขึ้นมา รูลลักก็หัวเราะออกมาอีกรอบ

“แค่ใบแนะนำสองใบกับทุนการศึกษายังไม่พอ แต่ให้แบ่งกำไรส่วนหนึ่งจากการขายยานี่ด้วย?”

นั่นคือเงื่อนไขของฟีเรนเทีย

เป็นข้อเรียกร้องที่เหมาะสม

ยาที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เอสทีร่าคิดค้นขึ้น

อัตราส่วนกำไรที่เรียกร้องเองก็ถือว่าสมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง

ยื่นเงื่อนไขมาเช่นนั้น ถ้าหากเป็นคนทำการค้าที่มีจรรยาบรรณอยู่บ้างละก็ ย่อมต้องยอมตกลงโดยไม่เจรจาต่อรองอะไรเพิ่มเติมอยู่แล้ว

ดังนั้นรูลลักจึงได้แต่ยอมรับข้อต่อรองนั่นโดยดี

อย่างไรเขาไม่สามารถแสดงภาพลักษณ์ดั่งคนใจแคบต่อหลานสาวตัวน้อยได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ

แน่นอนถ้าหากเป็นคนอื่นแล้วละก็มันคงกลายเป็นคำพูดที่ไร้สาระสำหรับเขา

‘หรือว่า?’

ความคิดที่ว่าบางทีในศีรษะเล็กๆ นั่นอาจจะมีกระทั่งความคิดแบบนั้นอยู่ด้วยหรือเปล่า มันแวบผ่านเข้ามาในหัวสมองของรูลลัก

“โบรชูล”

“ครับ ท่านเจ้าตระกูล”

“ฟีเรนเทียของข้าฉลาดมากเลยนะว่ามั้ย”

โบรชูลพยักหน้าตอบคำถามของรูลลักด้วยรอยยิ้ม

“อนาคตของลอมบาร์เดียจะต้องสดใสอย่างแน่นอนครับ”

“ใช่แล้วละ อนาคตของลอมบาร์เดีย”

สงสัยว่าเขาคงจะเผลอนำมุมมองความคิดของผู้ใหญ่มาใช้กับเด็กที่เพิ่งจะอายุได้เพียงแค่แปดขวบเสียแล้วถึงจะคิดเช่นนั้น รูลลักกลับไม่อาจละสายตาห่างไปจากกระปุกใบเล็กที่วางอยู่ตรงหน้าตนได้เลย

วันที่เอสทีร่าต้องออกเดินทางมาถึงจนได้

มันเป็นเพียงแค่ไม่มีวันหลังจากต่อรองกับท่านปู่

ไหนๆ ก็ต้องให้การสนับสนุนแล้ว ท่านปู่จึงใจป้ำไม่คิดตระหนี่

ท่านกล่าวว่าไม่อาจปล่อยให้เอสทีร่าซึ่งถือใบแนะนำของเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียไปอาศัยอยู่ในหอพักได้ จึงจัดการซื้อบ้านขนาดเหมาะกำลังดีใกล้ๆ กับอะคาเดมีให้หนึ่งหลัง

เอสทีร่าก็ได้รับคำอนุญาตเป็นพิเศษจากคณบดีของอะคาเดมีโดยตรง มอบโอกาสให้ได้ทำการปรับตัวให้คุ้นชินให้เข้ามาศึกษาล่วงหน้าเร็วกว่าคนอื่น

ตอนนี้สำหรับเอสทีร่าแล้ว ที่เหลือก็แค่ศึกษาวิจัยอย่างขยันขันแข็งที่สถาบันศึกษาไปพลาง รอรายได้จากยอดขายยาขี้ผึ้งที่จะออมไว้ที่ธนาคารลอมบาร์เดียภายใต้ชื่อขอตัวเองก็พอ

เธอไม่ได้ตอบอะไรออกไป

“คุณหนู…”

นัยน์ตาสั่นเทาของเอสทีร่าเหม่อมองเธอ

ฟีเรนเทียเองก็มองเอสทีร่าที่เป็นเช่นนั้นกลับไปเช่นกัน

และในที่สุด นัยน์ตาสั่นระริกที่มองเธอคู่นั้นก็หยุดสั่นไหว

ผู้หญิงคนนี้ ดูเหมือนนางจะค้นหาคำตอบเจอได้เองแล้วสินะ เอสทีร่าเอ่ยถามเธอ

“ยารักษาโรคหายากเช่นนั้น ข้าจะทำมันได้เหรอคะ”

ความรู้สึกสงสัยว่าตัวเองจะสามารถทำเรื่องยิ่งใหญ่ขนาดนั้นได้หรือไม่

สำหรับคนที่กำลังจะออกเดินทางไปบนเส้นทางเพื่อเป็นนักวิจัย มันเป็นภาระที่หนักเกินกว่าจะแบกรับเอาไว้ได้

แต่ฟีเรนเทียก็ยังคงมองสบนัยน์ตาของเอสทีร่าตรงๆ ในขณะที่เอ่ยตอบ

“อื้อ เอสทีร่าทำได้แน่นอน ต้องหลอมยารักษาออกมาได้แน่”

เพราะเจ้าคือคนที่หลอมยาตัวนั้นขึ้นมายังไงล่ะ

หลังจากที่ท่านพ่อจากไปได้สามปีพอดี

เธอได้ยินข่าวว่า เอสทีร่าที่เคยศึกษาเล่าเรียนอยู่ในสถาบันการแพทย์ลอมบาร์เดียอยู่ระยะหนึ่ง ได้ทำการหลอมยารักษาโรคเทรนบลูขึ้นมา โดยใช้สมุนไพรที่เรียกว่าโรเจงเป็นส่วนผสมหลัก

เพียงแต่ในชีวิตใหม่นี้ เอสทีร่าจะต้องหลอมยารักษาให้เร็วขึ้นกว่าเดิมเสียหน่อยก็เท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้นเธอถึงได้บอกใบ้ให้ว่าต้องใช้ ‘โรเจง’ เป็นส่วนผสม

“เอสทีร่าจะต้องทำได้แน่ๆ”

นี่ก็คือเหตุผลที่ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหน เธอก็จะต้องส่งตัวเอสทีร่าไปยังอะคาเดมีโดยเร็วที่สุดให้ได้ยังไงล่ะ

Related

Related

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]