เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 34

สรุปบท ตอนที่ 34.1: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 34.1 – เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet

บท ตอนที่ 34.1 ของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ในหมวดนิยายแฟนตาซี เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล ตอนที่ 34.1
ตอนที่ 34.1

บทที่ 34

“ตอนนี้ข้าเองก็กำลังจะไปหาท่านแคลอฮันพอดี เลยมาชวนให้ไปพร้อมกันเลยน่ะครับ”

“อา…”

เธอนี่คิดไปเองอีกแล้วนะ

ไม่ใช่แค่เธอคนเดียว เด็กๆ ที่อยู่รอบๆ ต่างก็พยักหน้าเข้าใจ

ลาลาเน่แอบลอบลูบอกเบาๆ ดูเหมือนจะกลัวว่าเธอจะถูกเครย์ลีบันลากตัวไปดุ

“หืม”

เครย์ลีบันหรี่ตาลงครู่หนึ่ง คล้ายกับไม่ค่อยจะพอใจกับปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนั้นของทุกคนเท่าไหร่นัก

“ถะ…ถ้างั้นพวกเราไปกันเลยดีมั้ย”

“อื้อ! ไปกันเถอะ!”

สองแฝดพอเห็นแววตาดุดัน ก็รีบลุกขึ้นจากที่นั่งทันที

“ลาก่อนครับ! ”

ทั้งคู่กล่าวลาแล้วรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะทันได้หาวิธีรั้งตัวเอาไว้เสียอีก

“บ๊ายบายฟีเรนเทีย ลาก่อนค่ะ อาจารย์”

ลาลาเน่เองก็ก้าวถอยหลัง รีบกล่าวลา แล้วเดินห่างออกไปจากพวกเธอ

ฟีเรนเทียมองออกไปเห็นเบเลซักที่ยืนรอพี่สาวอยู่หน้าประตูแล้วถลึงตาจ้องเธอหนึ่งครั้ง ก่อนจะเดินตามพี่สาวออกไป

ดูเหมือนทุกคนจะทำแบบนั้นเพราะกลัวเครย์ลีบันสินะ

แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยใจดีอะไรขนาดนั้น แถมนัยน์ตายังดูคมกริบกว่าคนอื่นอีกด้วย

เธอเหม่อมองเครย์ลีบัน

“ไม่เข้าใจเลยจริงๆ”

ใบหน้าดูหล่อเหลา ความประทับใจแรกเห็นคือ คนเคร่งขรึมเย็นชาไม่ชอบยิ้ม

สิ่งที่ทำให้เธอตั้งสมาธิอยู่กับเลกเชอร์ได้ดีแน่นอนว่าก็เป็นเพราะเนื้อหาที่ดี แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเครย์ลีบันหน้าตาหล่อเหลาด้วยเช่นกัน

แต่ทุกคนกลับกลัวเครย์ลีบันกันมากขนาดนั้น

“ว่ามั้ยคะ อาจารย์?”

เครย์ลีบันยักไหล่ไม่ยี่หระให้กับคำพูดของเธอ

“ไม่ทราบสิครับ คุณหนูอาจจะพิเศษไปหน่อยละมั้งครับ”

“เหรอคะ”

เครย์ลีบันไม่ตอบอะไรอีก เขาเดินนำหน้าออกไปก่อน

แต่ก็ไม่ได้เดินห่างออกไปคนเดียวจนเธอตามหลังไม่ทัน

เขาเอามือไขว้หลัง เดินอย่างเชื่องช้าด้วยท่วงท่าราวกับออกมาเดินเล่น

มันเป็นความเอาใจใส่เพื่อเธอที่ไม่สามารถเดินด้วยความเร็วเท่ากับผู้ใหญ่ได้

ดูสิ

คนคนนี้เป็นคนใจดีขนาดนี้เชียวนะ

“หาว”

ตั้งใจจะอดกลั้นเอาไว้ แต่สุดท้ายก็หลุดหาวออกไปจนได้

เธอซับน้ำตาที่หางตาไปพลาง มองคนสองคนที่กำลังประชุมกันอย่างแข็งขัน

“แต่ถ้าทำเช่นนั้น มันจะกลายเป็นว่าไม่ใช่กิจการที่เล็งเป้าหมายไปที่สามัญชนไม่ใช่หรือครับ”

ท่านพ่อพูดกับเครย์ลีบันด้วยความรู้สึกไม่ค่อยจะพอใจนัก

“ราคาประมาณนี้ เป็นราคาที่สามัญชนกลุ่มที่พอจะมีเงินก็สามารถรับมือได้อยู่ครับ”

เครย์ลีบันเอ่ยตอบเสียงเรียบ

“ใช่แล้วละครับ เป็นราคาที่มีแต่คนมีเงินเท่านั้นที่สามารถซื้อได้ยังไงล่ะครับ นั่นแหละคือที่ข้าต้องการจะสื่อครับ”

“จุดเด่นของกิจการนี้ไม่ใช่เรื่องราคา แต่เป็นคุณภาพต่างหากล่ะครับ คุณภาพ”

“ต่อให้เป็นสินค้าคุณภาพดีแค่ไหน ถ้าหากผู้คนไม่สามารถซื้อได้ มันจะไปมีประโยชน์อะไรกันล่ะครับ”

การประชุมดำเนินไปได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่เนื้อหากลับวนอยู่กับที่

ตอนแรกเธอเองก็ตกใจเหมือนกันว่าท่านพ่อเป็นคนที่กระตือรือร้นกับสิ่งใดได้ขนาดนั้นเชียวหรือเนี่ย

และ

เธอตั้งใจชูมือทั้งสองข้างขึ้นสูง ตะโกนเสียงดังโอ้อวดเกินจริง

ใช่แล้วละ

ธุรกิจที่ท่านพ่อวางแผนไว้ตอนนี้ พูดง่ายๆ ก็คือ ‘กิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูป’ นั่นเอง

เห็นว่าเป็นไอเดียที่นึกขึ้นได้เมื่อตอนที่ทำกิจการผ้าฝ้ายโคโรอีเมื่อคราวก่อน แล้วต้องเอาผลิตสินค้าตัวอย่างสำหรับโฆษณาไปแจกจ่ายให้พวกชนชั้นสูง

คิดเสียว่ามันเป็นแค่ร้านเสื้อผ้าทั่วไปก็ได้ แต่เรื่องสำคัญก็คือ โลกใบนี้ยังไม่มีคอนเซ็ปต์อย่าง ‘เสื้อผ้าสำเร็จรูป’ น่ะสิ

คนที่นี่ปกติแล้วจะไปยังห้องเสื้อเพื่อตัดเย็บเสื้อผ้าให้เข้ากับตัวเองมากกว่า

มันเป็นระบบที่สะดวกสำหรับคนที่ตั้งใจไปเพื่อซื้อเสื้อผ้าอยู่เหมือนกัน

แค่แวะไปห้องเสื้อที่มีดีไซเนอร์มากประสบการณ์ มีช่างตัดเสื้อ ช่างตัดเย็บ และอุปกรณ์อย่างครบครัน ก็สามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้ในคราวเดียว

แค่ปรึกษากับดีไซเนอร์ว่าต้องการวัสดุแบบไหน ต้องการเสื้อผ้าแบบใด ก็สามารถผลิตเสื้อผ้าตามแบบที่ตนต้องการขึ้นมาได้แล้ว การตัดเย็บขึ้นมาโดยวัดขนาดให้เข้ากับร่างกายของตนเอง จึงไม่ได้กังวลถึงเรื่องรูปร่างด้วยเช่นกัน

แต่เพราะอย่างนั้นราคามันถึงได้แพงมาก

แม้แต่พวกชนชั้นสูงเอง หากไม่ใช่ตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวย ก็ยังดูแลเสื้อผ้าราวกับเป็นสิ่งของล้ำค่ากันทั้งนั้น

ยิ่งเดรสหรูหราประณีตระดับที่สามารถสวมใส่ไปร่วมงานเลี้ยงหรืองานสังคมได้ที่ต้องทุ่มเทเงินทองในการตัดเย็บยิ่งแล้วใหญ่

ขนาดชนชั้นสูงยังไม่อาจสั่งตัดเย็บเสื้อผ้าได้อย่างสบายใจ แล้วสามัญชนจะยิ่งขนาดไหนกันล่ะ

สามัญชนที่ไม่ได้ลำบากอะไรมากก็พอจะมีเงินแวะไปหาห้องเสื้อราคาถูกที่ตั้งขึ้นเพื่อสามัญชนเช่นกัน แต่ก็ยังมีกรณีของคนที่ตัดเย็บเสื้อผ้าเองที่บ้านอยู่ด้วย

เพราะต้องทอผ้าแล้วตัดเย็บมันขึ้นมา จึงได้เกิดเหตุการณ์หัวเราะไม่ออกอย่างคุณภาพของเสื้อผ้าคนในครอบครัวกลายเป็นตัวตัดสินฝีมือของผู้เป็นมารดาไปเสียได้

ไม่เพียงแค่นั้น ได้ยินว่าคนยากคนจนต่างก็กลัวว่าถ้าซักเสื้อผ้าบ่อยจะทำให้มันเปื่อยยุ่ย จึงไม่ค่อยกล้าซักผ้ากันบ่อยนัก

ในสถานการณ์แบบนี้ ไอเดียของท่านพ่อจึงเป็นการค้นพบใหม่จริงๆ

ตอนที่เธอได้ฟังครั้งแรก เธอก็คิดอยู่เหมือนกันว่าที่จริงแล้วท่านพ่อเป็นอัจฉริยะตัวจริงหรือเปล่า

การมองสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้วด้วยมุมมองอื่น มันเป็นเรื่องที่ยากกว่าที่คิด

ก็นะ แค่การที่เครย์ลีบันรีบกระโจนขึ้นเรือลำเดียวกันก็บอกทุกอย่างหมดแล้ว

Related

Related

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]