เครย์ลีบันจดคำแนะนำของเธอลงบนสมุดบันทึกอย่างระมัดระวัง เธอเห็นว่าเขาดูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“ถ้ามีเรื่องจะพูดก็พูดมาเถอะค่ะ เครย์ลีบัน”
“อา ครับ เรื่องนั้น…”
คงจะรู้สึกอายที่ถูกล่วงรู้ความคิดเข้า เครย์ลีบันจึงเปิดปากพูดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย
“มีเรื่องอยากขอคำอนุญาตจากท่านฟีเรนเทียอยู่น่ะครับ”
“อนุญาตเหรอคะ”
งานส่วนใหญ่ของร้านค้าเพลเลสทุกเรื่องเธอมอบให้มันอยู่ภายใต้การตัดสินใจของเครย์ลีบัน นอกจากว่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญมากจริงๆ
เพราะเขาเป็นคนที่มีหัวด้านการค้ามากกว่าเธอ
แต่กลับบอกว่ามีเรื่องที่ต้องการคำอนุญาตจากเธออย่างนั้นเหรอ
“ที่งานเลี้ยงวันเกิดข้าได้ให้คำปรึกษาเรื่องที่ท่านแคลอฮันกังวลไป…”
เครย์ลีบันเริ่มอธิบายแผนการของตัวเองให้เธอฟังด้วยเสียงนิ่งสงบ
“เพราะงั้นก็คือ ท่านพ่อจะสร้างท่าเรือเพื่อที่จะได้ใช้เรือเดินทางเชื่อมไปยังฝั่งตะวันออกจากเขตแดนเชซายู เลยอยากจะถามข้าว่า ถ้าหากร้านค้าเพลเลสจะเข้าไปร่วมลงทุนที่นั่น จะคิดเห็นยังไงใช่มั้ยคะ”
“…ครับ แน่นอนว่าร้านค้าเพลเลสจะต้องลงทุนจำนวนมหาศาล เพราะอย่างนั้นโอกาสความเสี่ยงมันก็จะมากตามไปด้วย ถ้าหากท่านฟีเรนเทียไม่อนุญาต ข้าก็เข้าใจ…”
“คุณเครย์ลีบัน”
“ครับ”
“เป็นอัจฉริยะเหรอคะเนี่ย”
คิดเรื่องแบบนั้นออกได้ยังไงกันเนี่ย
เครย์ลีบันดูตื่นตระหนกไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่ากับเธออย่างระมัดระวัง
“คำว่าอัจฉริยะน่าจะเหมาะกับคนอย่างท่านฟีเรนเทียมากกว่าคนอย่างข้านะครับ…”
“ไม่เลยค่ะ คุณเครย์ลีบันเป็นอัจฉริยะของแท้เลยค่ะ”
ทำเอารู้สึกตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัวขนลุกชันทั่วแขนเลย
ภาพขนาดใหญ่ที่เธอสามารถวาดมันออกมาได้ เพราะเธอรู้อนาคต แต่นี่มันเหมือนกับว่าเครย์ลีบันเองก็สามารถมองมันออกได้โดยไม่ต้องรู้อนาคตไม่ใช่หรือไง!
เพราะเขาเป็นคนแบบนี้สินะ ในชีวิตก่อนถึงจะตัวคนเดียว ก็ยังสามารถสร้างร้านค้าเพลเลสให้ยิ่งใหญ่ได้แบบนั้น
พอลองมองใบหน้าของเครย์ลีบันที่หัวเราะด้วยความขวยเขินอยู่เล็กน้อย เธอก็สามารถรู้ได้ในทันที
บางทีนัยน์ตาของเธอที่กำลังมองเครย์ลีบันอยู่ในตอนนี้ อาจจะกำลังส่งรูปหัวใจปิ๊งๆ สาดใส่เขาก็ได้
เธอครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเอ่ยว่า
“ไหนๆ ก็ลงทุนแล้ว งั้นก็เอาให้มันสุดๆ ไปเลยแล้วกันค่ะ”
“…สุดๆ ไปเลยหรือครับ”
“ขนส่งต้นทรีบ้าที่ตัดและตากแห้งเสร็จเรียบร้อยแล้วไปที่เชซายูค่ะ”
“จะใช้พวกนั้นสร้างท่าเรือหรือครับ”
“เปล่าค่ะ เรื่องแบบนั้นท่านพ่อที่เป็นเจ้าของเขตแดนเชซายูคงจะจัดการเองอยู่แล้ว พวกเราจะสร้างเรือกันค่ะ”
“อ๊ะ เรือ…!”
“แม่น้ำนกทาร์กับแม่น้ำเอลวี่ถือเป็นแม่น้ำที่กว้างใหญ่ในทวีปเลยนี่คะ เรือก็ต้องสร้างให้มันยิ่งใหญ่สมกับขนาดของพวกมันหน่อย”
“เช่นนั้นการขนส่งของร้านค้าเพลเลสของพวกเราเอง ก็สามารถขนส่งไปยังตะวันออกได้ง่ายขึ้นด้วยสินะครับเนี่ย!”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ…”
เธอกับเครย์ลีบันเริ่มต้นประชุมกันต่ออย่างไม่สนใจเวล่ำเวลา หลังจากไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแบบนี้กันเสียนาน
* * *
หลังจากจบการประชุมที่ร้านค้าเพลเลส เธอก็มุ่งหน้าต่อไปยังบ้านของลอรีลทันที เนื่องจากได้รับเชิญให้ไปร่วมรับประทานมื้อเย็นกับครอบครัวของนางในวันนี้
เพราะรู้สึกหิวมากจากการประชุมอันน่าตื่นเต้น ทำให้เธอยุ่งอยู่กับการกินอาหารด้วยความหิวโหย หลังจากนั้นจึงค่อยมานั่งล้อมวงกันอยู่ในห้องรับรองพร้อมกับขนมหวานล้างปากง่ายๆ
แขกที่มาร่วมรับประทานมื้อเย็นในวันนี้ ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...